แก้ปัญหาการอ่าน..คำพูดโดนใจ จากคนใกล้ตัว


เธอทำอย่างไรรึ..ก็แค่สอนเสริมตอนเช้า..เข้ามาอ่านให้ครูฟังตอนพักเที่ยง สอนซ่อมเสริมตอนเย็น และมีพิเศษบ้างในวันเสาร์...เธอไม่มีเวลาหาความสุขกับเครื่องICTใดๆเลย นอกจากใช้เวลาไปกับการถ่ายเอกสารแบบฝึกการอ่านที่มากมายและหลากหลายตั้งแต่ต้นปีการศึกษา...

ผมตั้งใจจะบันทึกเกี่ยวกับ"การอ่าน"มาหลายวันแล้ว" ติดที่มีธุระสำคัญมาขัดขวางแง่คิดมุมมองที่เป็นแบบง่ายๆของผม ที่ไม่ต้องมากพิธี ไม่ต้องมีโครงการใหญ่โต เริ่มได้ทันที ผมมีประสบการณ์ ผ่านปัญหามานับครั้งไม่ถ้วนและมักจะแก้ปัญหาได้ผลดีพอสมควร

พอว่าจะเริ่มเขียนบันทึก บอกเล่าเรื่องราว เผื่อว่าจะมีใครนำไปใช้ ในการสอน และนิเทศกำกับติดตาม หรือ สพฐ.จะนำไปเป็นนโยบาย ขยายเป็นวงกว้าง ให้เขตพื้นที่ได้เข้าใจ โรงเรียนได้เข้าถึง และครูเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนมุมมองความคิดบ้าง..ก็น่าจะดี

ผมตั้งประเด็นคำถามก่อนบันทึก..ถามคนที่บ้าน ที่เป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกันว่า.."คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาการอ่านในบ้านเมืองเรา" คนที่บ้านตอบทันที.."มันแก้ไม่ได้หรอกพ่อ..ถ้ารัฐบาลยังแจกแท๊บเล็ตกันอยู่ ครูยังบ้าคอมพิวเตอร์ บ้าโทรศัพท์ ยังเล่นเฟสเวลาสอน ยังแช๊ตกันเวลางาน การอ่านก็ต้องเป็นแบบนี้ล่ะ..."

ผมได้แต่ยิ้ม..ทั้งที่รู้ว่าเธอ..ตอบตรงและแรงเกินไป..ใช่สิ..เธอปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด คือไม่ค่อยจะโทรหาใคร ใช้คอมพิวเตอร์แบบงูๆปลาๆ ไม่เล่นเฟส ไม่ใช้แท๊บเล็ต...อ้างว่า ไม่จำเป็นและเสียสายตา

แต่ โอ..ไม่น่าเชื่อ..คนใกล้ตัวผม เธอทำได้ ผมขอพูดเรื่องจริง ไม่มีการเยินยอเธอ ทั้งที่เธอสอน ๒ ห้อง /ป.๓ - ๔ ..ผลการสอบ NT (ระดับชาติ) ได้ระดับดี มา ๓ ปีแล้ว ล่าสุด คือ ผลการอ่านป.๓ ได้ทั้งอ่านดี และคิดวิเคราะห์ได้ในระดับดี

เธอทำอย่างไรรึ..ก็แค่สอนเสริมตอนเช้า..เข้ามาอ่านให้ครูฟังตอนพักเที่ยง สอนซ่อมเสริมตอนเย็น และมีพิเศษบ้างในวันเสาร์...เธอไม่มีเวลาหาความสุขกับเครื่องICTใดๆเลย นอกจากใช้เวลาไปกับการถ่ายเอกสารแบบฝึกการอ่านที่มากมายและหลากหลายตั้งแต่ต้นปีการศึกษา...

สำหรับผมแล้ว..ก็แค่คิดว่า ตัวเองเป็นตัวแทนคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ คุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ถูกตราหน้าในภาพรวมว่าด้อยคุณภาพ ทั้งการอ่านและผลสัมฤทธิ์..ผมจำเป็นต้องสร้างคุณค่า..และหาทางก้าวออกมาจากมุมมองเน่าๆ อยากให้ผู้บริหารหลายๆคน คิดอย่างผม เพื่อมิให้องค์กรถูกดูแคลน แล้วนำผลจริงๆไปเป็นข้อมูล...พิสูจน์ให้เขาเห็น

เอาล่ะ..ใครจะเชื่อหรือไม่ว่า..ค่าเฉลี่ยต่ำๆ..ของการอ่านไม่ออก คิดวิเคราะห์ไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเล็กๆหรอกครับ

อ่านไม่ได้ อ่านไม่คล่อง และคิดวิเคราะห์ไม่เป็น..จะอยู่ในโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่ภายในห้องมีเด็กนักเรียนเยอะๆ..ยิ่งครูไม่ครบชั้น ครูวิชาหลักไม่เพียงพอ และผอ.วางเฉยทางวิชาการ..ปัญหาตามมาอีกมากมาย

ผมพูดในภาพรวม..ใครจะเถียงผมก็ไม่ว่า..เพียงอยากเห็นเขตพื้นที่และสพฐ.นำผลการสอบวัดหลายครั้งแล้ว และหลายระดับ..มาขึงดู แล้วนิเทศติดตามแบบเจาะลึก ถึงลูกถึงคน เป็นวาระแห่งชาติ แบบทำจริงต่อเนื่องตลอดทั้งปี

เป็นไปได้ไหม..งบประมาณร้อยละ ๕๐ ของเขตฯ เป็นไปเพื่องานวิชาการ และเน้นการอ่าน เป็นกรณีพิเศษ ภายใน ๓ ปี การอ่านของนักเรียนจะต้องดีขึ้น..แน่นอน

และกล้าไหม..โรงเรียนที่เป็นเป้าหมาย..พัฒนาการอ่าน..ผู้บริหารและครู ต้องช่วยกันขยับขับเคลื่อน..ลดงานอีเว้นท์ลง ประกวดประชันขันแข็งเลิกซะบ้าง โครงการมากมายก่ายกองเป็นขยะให้น้อยลง ไปทัวร์นกขมิ้น ก็เปลี่ยนเป็นอยู่ห้องเรียนมากขึ้น ไปอบรมสัมมนาก็เลือกที่มันสำคัญจริงๆ ไม่ต้องไปตามเขตทุกเรื่องก็ได้ นิทรรศการงานช้างที่จัดต่อเนื่องยาวนานเป็นเทอมๆเลิกซะบ้าง หากการประเมินครูประเมินเด็กโน่น นี่ นั่น เพื่อล่ารางวัลเกียรติยศน้อยลงแล้ว ครูก็จะมีเวลาฝึกทักษะการอ่านให้กับเด็กได้เต็มที่...ถามว่าทำที่ผมว่าแค่นี้..มันยากตรงไหน

ถ้าสพฐ.จริงใจ..ไม่จิงโจ้ โล้สำเภา ก็ลองเอาไปคิดดู..ก่อนเปิดประตูอาเซียน น่าจะสำรวจตรวจการบ้าน..งานการศึกษากันก่อนดีไหม.

 

                                                                   ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

                                                                     ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 563583เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2014 19:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม 2014 23:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ไทยสร้างภาพมาก.. แถมโปรโมทให้เด็กเรียนภาษาว่า เข้าสู่อาเซี่ยน เห็นด้วยว่า เราบ้าไปแล้วหรือ อาเซี่ยนคือ เป็นกันมานานตั้งเกิดประเทศไทยแล้ว...เอาแค่เพื่อนบ้านใกล้เคียง ให้เป็นมิตรกันเถิด..ผมว่าคนไทยมองข้ามไปตั้งนานแล้ว เขามิได้สนใจอาเซี่ยนสักหน่อยเลย มีแต่อเมริกา ยุโรป ไกลกว่าอาเซี่ยนอีก..มีแต่จีนแหละจะครอบงำเอเชีย และเด็กไทยก็จะถูกครองำด้วยนโยบายบิลเกต เขามาจากไหน "อเมริกา"

นี่คือ ต้นแบบของอุดมคติ ชนชั้นสูงหรือฝ่ายบริหารบ้านเมือง... อะไรก็อเมริกาๆ ไทยต้องสากล...ประเทศจะพัฒนาไปด้วยดี อยูที่คุณภาพของเด็กของประเทศ..แต่อนิจจา เด็กไทยอ่อนแอด้านภาษาไทย ..ส่วนใหญ่มองสูงเรียนภาษาต่างชาติ จนมีแต่โรงเรียนอินเตอร์ อีกหน่อยเด็กคงเป็นทาสวัฒนธรรมบิลเกตและต่างวัฒนธรรมกันหมด..

การศึกษา เหมือน ...หมา... หางด้วน...(ท่านพุธทาสกล่าวไว้)

ดอกไม้ใกล้ๆๆตาหน้าที่พัก

...เป็นกำลังใจค่ะท่านผอ...อนาคตโลกยังไปอีกยาวไกลนะคะ

อยากไปเที่ยวที่โรงเรียนจังเลย

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท