สกัดน้ำมันมะพร้าวกับสมุนไพรมาหลายอย่างเช่น เยื่อกลางผลเมล็ดฟักทองที่ส่วนใหญ่ทิ้งทั้งๆที่มีประโยชน์นำมาสกัดกับหัวกะทิ รวมกับสมุนไพรอื่นๆหรือ 2 อย่างกับหัวกะทิก็ได้ได้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพทีเราทำได้เอง หรือ เยื่อสีแดงฟักข้าว ใบเตย แครอท ตะไคร้หอม ฯ บำรุงผิวหรือใช้ทำอาหาร ฯ ลองทำกันบ้างหรือยังค่ะ น้ำมันที่สกัดกับสมุนไพรหลายอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่งนั้นเก็บไว้ได้นานปีไม่เสีย เพิ่มสรรพคุณที่ดีให้กับน้ำมันแต่ละละครั้งที่ผลิตออกมานำมาใช้เพื่อผลดีต่อสุขภาพได้ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
เก๋ากี้เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรจีนท่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากชนิดหนึ่ง เมื่อเราซื้อมาสามารถนำมากินเล่นได้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วนิยมนำมาประกอบอาหารให้สุกก่อน เช่น ใส่ในต้มจืด อาหารตุ๋นด้วยเนื้อสัตว์ ใส่ข้าวต้ม หรือทำขนมหวาน ฯลฯ ได้นำไปสกัดกับหัวกะทิได้น้ำมันออกมาใช้ทำอาหารได้ นำมาฝากดังนี้
กะทิคั้นแล้วตั้งวางให้หัวกะทิลอยขึ้นแล้วตักเฉพาะหัวกะทิลงกระทะ
หรือถ้าซื้อจากผู้ขายให้บีบหัวกะทิแบบไม่ผสมน้ำ
เทลงกระทะ หัวกะทิจากเนื้อมะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม เมล็ดเก๋ากี้ 100 กรัม
เคี่ยวไฟอ่อนๆ
งอดลงเรื่อยๆ
น้ำมันจะออกมา
ผ้าขาวบางเตรียมกรอง
น้ำมันมะพร้าวเก๋ากี้
สรรพคุณเก๋ากี้
1. เก๋ากี้มีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวาน มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงช่วยลดการทำลายเซลล์และสารพันธุกรรม ช่วยต้านมะเร็ง
2. สารแคโรทีนอยด์ ( carotenoid) ในเก๋ากี้ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันต้อกระจกและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
3. เก๋ากี้อุดมด้วยโปรตีน วิตามินเอ บี ซี เหล็ก ทองแดง สังกะสี แคลเซียม และซีลีเนียม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงประสาท เพิ่มปริมาณอสุจิ ลดไข้ แก้ไอ บำรุงไต ปอด และเลือด ช่วยให้หลับสบายคลายเตรียด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
( ขอบคุณ สรรพคุณเก๋ากี้ จากหนังสือมหัศจรรย์สมุนไพร บำบัดโรค บำรุงสุขภาพ )
เมล็ดพืชสีแดง ผลไม้สดที่เรียกอีกชื่อว่า โกจิ ปกติที่เราเห็นทั่วไปเป็นเมล็ดแห้ง จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ดเก๋ากี้เดี๋ยวนี้เราพอจะหาซื้อได้ไม่ยาก ในร้านของแห้ง ร้านยาสมุนไพร ซุปเปอร์มาเก็ต และในห้างร้านขายส่งก็มีจำหน่าย เก็บไว้ได้นานโดยไม่ใส่ตู้เย็น เวลาทำต้มจืดโรยใส่เล็กน้อย หรือใส่ในข้าวต้ม หุุงข้าวสวย ต้มเมล็ดธัญญพืชต่างๆที่ใส่น้ำตาลให้หวานก็ใส่ลงไปด้วยได้ เช่น ต้มถั่วเขียว เต้าทึง ฯ แต่ถ้าจะไว้ผัดแทนน้ำมันอื่นๆก็ลองนำไปสกัดกับหัวกะทิ ได้น้ำมันจากสมุนไพร 2 ชนิดเพื่อสุขภาพที่ทำได้ด้วยตนเอง
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ ๒๕๕๗
อ่านแล้วมหัศจรรย์มากนะคะ...