Adopter Based (Instrumentalist) Theories หลักการของทฤษฏีที่ยึดผู้ยอมรับเป็นฐาน คือ การเน้นที่ตัวมนุษย์และความคาดหวังของมนุษย์ที่มีต่อการเผยแพร่นวัตกรรม ทฤษฏีนี้มีรากฐานความเชื่อมากจากปรัชญาในกลุ่มของ Instrumentalism โดยมองว่าผู้ใช้ (End Users) หรือบุคคลที่รับเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีไปสู่การปฏิบัติ เป็นพลังสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทฤษฏีนี่ปฏิเสธสมมุติฐานที่ว่า ผลผลิตที่ดีกว่า จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจโดยทันทีให้กับผู้ที่มีศักยภาพพร้อมจะยอมรับและใช้ผลผลิตและวิธีการนั้น Segal (1994 : 2) กล่าวถึงความสำคัญของทฤษฏีโดยเขาเขียนไว้ว่า “all structures of desgign itself,serve a social function” ทฤษฏีนี้จะค้นหาความเข้าใจในบริบทของสังคมที่จะรับเอานวัตกรรมไปใช้ Tenner (1996 : 9) ได้บรรยายไว้ว่า “new structure, devices, and organism react with real people in real situation in way we could not forces” ส่วนสำคัญของทฤษฏีนี้ได้แก่การทำนายและประเมินปริมาณของปฏิริยาของผู้คนในสังคมที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมนั้น ผู้ยึดถือทฤษฏีนี้ ( Tessmer, 1990) แย้งว่ามีปัจจัยหลายอย่างซึ่งส่วนมากไม่เกี่ยวกับความเหนือกว่าของเทคโนโลยีในการที่จะยอมรับหรือปฏิเสธนวัตกรรม เช่นเดียวกับ BuKman (1987) เป็นนักทฤษฏีในกลุ่ม ได้ยกตัวอย่างแป้นพิมพ์แบบ QWERTY และแบบDvorak ทั้ง ๆ ที่ผลการวิจัยนี้ชัดเจนชัดออกมาแล้วว่าแป้นพิมพ์แบบ Dvorak พิมพ์ได้ดีกว่าเร็วกว่าแต่อย่างไรก็ตามส่วนมากแล้วนักพิมพ์ดีดทั้งหลายได้เรียนรู้การใช้แป้นพิมพ์แบบ QWERTY ไปแล้วและใช้อยู่ จึงลังเลที่จะใช้แบบแป้นพิมพ์แบบ Dvorak ถึงแม้ว่าจะดีกว่าก็ตาม ในประเทศไทยก็เกิดเรื่องแบบนี้เช่นกัน ในการนำเสนอแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติ ซึ่งพิมพ์ได้เร็วกว่าแบบเกษมณี 28.6% แต่ผู้คนนิยมแบบเกษมณี ไปแล้วฉะนั้นมนุษย์จึงเป็นผู้กำหนดและมีบทบาทในการจะรับเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ไช่เพราะความเหนือกว่า วิเศษกว่าของเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอันนั้น
ไม่มีความเห็น