บันทึกธรรมผ่าทางตันปัญหาแผ่นดิน ที่จะชัดเจน - ไม่ชัดเจน...จาก เหตุ ที่ต้องมาร่วมถกธรรมสนทนา...
ประการที่หนึ่ง แก้ปัญหา โดย พลังคุณธรรมความสงบ สันติ อหิงสา จักต้อง สงบอย่างไร ? ให้เกิดคุณภาพวิธีเดียว จึงจะได้ผล
ประการที่สอง โดย การปฏิบัติการเชิงรุกเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จักคือวิธีอย่างไร ? ที่สามารถขับเคลื่อน ในลักษณะที่ทำให้แผ่นดินไม่ตกอยู่ภายใต้การกำกับและครอบงำจากทุนนิยมสามานย์ ที่คนยังมองไม่ทะลุ
ตัวอย่าง เช่น จากอิทธิพลอเมริกา และจาก อิทธิพลของจีน มหาอำนาจพวกนี้ กลัวภัยจะเข้าไปทำร้ายแผ่นดินตัว แต่ไม่กลัวที่จะก้าวล่วง อันคือ ทำลายแผ่นดินอื่น จึงต้องการครองแผ่นดินบริวารหมายเป็นกันชน โดย แสดงออกทั้งในแบบ " คนเทียมมิตร " ที่เข้ามาคบหา และ ทั้งในแบบคอยยุแยงตะแคงรั่วให้คนในชาตินั้น ให้ทะเลาะกัน ฯลฯ และ จักเข้ามาบริหารความขัดแย้ง โดย ส่งเสริมเงินทอง ให้อาวุธ ขายอาวุธ ตลอดจนหาทางแต่งตั้งรัฐบาลในชาตินั้น ๆ โดย ตนสามาารถสั่งการได้ เพราะเป้าหมาย โดยจริงของทุนสามานย์ คือ ผลประโยชน์จากการยึดครอง...ที่ไร้คุณธรรมน้ำมิตรสิ้นเชิง ฯลฯ
ทางออกนั้น มี..ทุกแผ่นดินสามารถก้าวพ้นจากทุนนิยมสามานย์อย่างทันสมัยด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง...
คนที่มีคุณธรรมเท่านั้น จักนำพาก้าวไปถึงได้ ซึ่งคนเหล่านี้ รูปธรรม คือ ต้องมีพื้นฐานแห่งความเสียสละ เต็มใจเหน็ดเหนื่อย ขยัน ที่จะกระทำเพื่อให้ หลอมรวมใจเป็นพลัง และ ฝึกตนเป็นคนใจพอ ดังคนไทยที่แสดงออกอย่างเสียสละ ณ เวลานี้
คนชนิดนี้ จะมีรูปธรรมกายคล้ายกัน คือ ความขยัน หากจิตใจจะเป็นใจคนละขั้วกับคนทุนนิยมสามานย์เหมือนที่ ในหลวงนำพา โดย เศรษฐกิจพอเพียง...
สรุปความต่างแบบสั้น ๆ คือ
- คนในโลกทุนนิยมสามานย์ ขยัน..แต่เอาแบบหมาหอบแดด กอบโกย โกง เพื่อตนเองและหมู่พวกตนรวยสุด ๆ
- คนในโลกแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ยอดขยัน หากเต็มใจเสียสละให้กับแผ่นดิน โดยตนคงเป็นคนใจพอ ไม่ได้สะสมกักตุน... เพราะรู้ว่า ขยัน ย่อมดีกว่าขี้เกียจ จึงเป็นคนบุญ และสงบสุข ฯ
ทว่า…โลกบัดนี้ น้ำหนักแห่งการศึกษา ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลด ละ กิเลส จึงยากที่จะนำไปสู่การกู้ประเทศ เมื่อแกนโลกเอียงโน้มตกไปในวังวนทุนนิยมสามานย์ที่มาก ๆ หากสถานการณ์แผ่นดินกำลังใช้ศักยภาพดึงกลับ...ให้เกิดคุณูปการแก่แผ่นดินโลกอย่างเต็มความสามารถ ด้วยรูปธรรมคนออกมาเสียสละกว่า ๕ ล้าน อย่างสงบได้
หากคุณธรรมน้ำมิตรของนักวิชาการ สื่อสารมวลชน...และ หน่วยงานราชการ ยังคงหลงทาง...ที่บัดนี้ค่อยๆ ได้สติ ฯลฯ การเอาตัวรอดของบุคคล ที่ร้ายทำลายส่วนรวม ส่วนใหญ่
การสังกัดหน่วยงาน ที่ควรต้องใส่ใจต่อหน้าที่ ฯ
หากกลับมีพฤติกรรมทำตรงข้าม ไม่ก็ละเว้นหน้าที่ ฯ ก็ทำได้ช่างหยาบกล้า
และ... การนำพามวลมหาประชาชนที่ยังไร้ประสิทธิผล
จาก พลังความสงบ ที่ขาดยุทธวิธี จึงเท่ากับ เป็นการตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำ อีกนานา
และการจะเลือกจัดการคนที่หยาบ.. ด้าน.. อย่างหนา.. แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันจัดการตรง ๆ โดย ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อความสามานย์จักต้องอย่างไร ? ให้คนที่ถนัดใช้แบบใด ? ก็ไม่มีใครที่พร้อมจริง และแจ่มชัด...
จึงต้องทบทวนและร่วมเปิดใจพูดคุยกัน... เรื่องเหล่านี้ ต้องย้อนศึกษา คนต่างจริต และ จริต ๖ เพื่อนำความต่างมาเสริมหนุนงานแผ่นดิน...เพื่อให้เกิดความเสียสละรู้เรา - รู้เขาอย่างทรงพลานุภาพแห่งการก้าว ฯ
อีก..บันทึกธรรม ณ ปัญหาแผ่นดิน ที่กังฉินเลือกยุบสภา ฯ หนีปัญหาจากที่กระทำความทราม ความผิดร้าย และหยาบคายในสภา ฯ ในแบบ ที่คนอย่างด้าน และ มีความดันทุรังสูง (ทั้งฝูง..) ที่หมายจะสืบอำนาจต่อ...
จึงเลือกใช้กลไกแห่งกำหนดระยะเวลาตามกฏหมายยุบสภา ฯ " มาเป็นเครื่องมือ " บิดเบือนความสนใจประชาชน ในโลกประชาธิปไตยแบบตื้นเขินไร้ภูมิธรรม ฯลฯ แทนการละอาย และ ออกไปจากหน้าที่ รับผิดตามกรรมทรามที่ตน และ คณะตนก่อความเสียหายจริง ฯลฯ ไว้กับแผ่นดิน
การบิดเบือน โดย เชื่อว่า ไม่มีใครรู้เท่าทันเถยฺยจิต เพราะการทำให้ตกข่าวอย่างแรงของประชาชนโดยเจตนา และ พร้อมกับการบิดเบือนความรู้ จาก นักวิชาการเหลวไหล ผ่านสื่อที่ขายแต่ข่าวที่เอาแต่..ทำมาหากิน ( ภาษาตรง ๆ คือ มัวแต่ทำมาหาแดก) และ สื่อที่ถูกซื้อ.. จึงไม่เคยรายงานตามจริงที่ประชาชนควรรับรู้ ฯลฯ
การปล่อยให้สังคมต้องมาเสียเวลาถกเถียงเรื่อง เลื่อนเวลา หรือ ชวนทะเลาะกัน ตีกันแทนที่คนผิด คนหยาบจะสำนึก จึงคือ ความหยาบคาย แห่งการบิดประเด็น อย่างสุดร้าย...
การอาศัยกลไกการยุบสภา ฯ ในบัดนี้ จึงคือ การดันทุรังของคนผิด คนทราม
เชื้อชาติ...ทุนนิยมสามานย์
สัญชาติ…ชิน เลือกใช้และก่อความเสียหายต่อไป ตราบที่ประชาชน ยังไม่รู้เท่าทัน บทบาท
เรื่องราวในแผ่นดิน เป็นเรื่องราวแห่งการศึกษาโลภะ โทสะ โมหะ แต่ละบุคคล ณ กาละเลยกึ่งพุทธกาล ครั้นดูลีลาละครความจริงนี้แล้ว ก็อย่าลืมย้อนมาดูละคร คือ บทบาทตน...จะได้ไม่สับสนสู่เส้นทางพระนิพพาน ฯ ตามฐานที่ตนสมาทานเข้าถึง...