ตามรอยพระศาสดาในแดนพุทธภูมิ ตอนที่ 11 - (เวฬุวนาราม - ราชคฤห์ )
วันที่ 7- ของการเดินทาง (23 พย. 2556)
เวฬุวนาราม (Venuvana Monastery or Bamboo Grove) หรือวัดเวฬุวันเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นต้นกำเนิดของวันมาฆะบูชา ”เวฬุวนาราม" เป็นภาษาบาลี แปลว่า "วัดป่าไผ่"หรือ “วัดสวนไผ่” วัดเวฬุวันตั้งอยูริมฝั่งแม่น้ำสรัสสวดี ใกล้กับเชิงภูเขาเวภารบรรพต และมี ตโปธาร (ธารน้ำร้อน) คั่นอยู่ระหว่างกลาง
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงสดับพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาในบทชื่อว่า “อนุปุพพิกถา” และ “จตุราริยสัจจ” ณ พระราชอุทยานสวนตาล หรือลัฏฐิวัน จบลง พระองค์ได้บรรลุพระโสดาปัตติผลเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน ด้วยความปิติเป็นอันมาก พระองค์จึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ 1000 รูป ไปเสวยพระกระยาหารที่พระราชนิเวศน์ในวันรุ่งขึ้น
ด้วยพระราชประสงค์ที่จะได้เห็นและฟังธรรมจากพระพุทธองค์อีกในหลาย ๆ โอกาสต่อไป และด้วยพระเมตตาที่มีต่อพสกนิกร พระองค์จึงอยากให้เขาเหล่านั้นมีโอกาสได้ฟังคำสั่งสอนและได้รับอมตธรรมจากพระบรมศาสดาโดยตรง ดังเช่นพระองค์ได้รับ พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายพระราชอุทยานเวฬุวัน ซึ่งเป็นสถานที่ให้เหยื่อแก่กระแต โดยดำริที่จะสร้างเป็นสังฆาราม เนื่องจากเห็นว่าเป็นสถานที่เงียบสงบ การคมนาคมสะดวก และเหมาะสมกับ พระพุทธองค์ พระอริยสงฆ์ และพสกนิกรที่จะเดินทางไปมาวัดด้วยประการทั้งปวง พระองค์จึงหลั่งน้ำทักษิโณทกลงบนฝ่าพระหัตถ์เบื้องขวาของพระบรมศาสดา พร้อมกับเปล่งวาจาด้วยภาษาของพระองค์เองว่า "เอตาหํ ภนฺเต เวฬุวนํ อุยฺยานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส" "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอน้อมถวายพระราชอุทยานเวฬุวันนั้น แด่พระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีพระพุทธองค์เป็นประธาน ขอพระองค์ได้ทรงโปรดรับไว้เป็นพระอารามด้วยเถิด" ทันทีที่ตรัสคำถวายพระราชอุทยานให้เป็นพระอารามจบ แม่พระธรณีก็สั่นสะเทือน เป็นการรับรู้ และอนุโมทนาสาธุแทนพระพุทธองค์และภิกษุสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมกัน ณ ที่นั้น
พระพุทธเจ้าเคยประทับเพื่อจำพรรษาที่วัดเวฬุวันในช่วงฤดูฝนที่สอง สาม และสี่ หลังการตรัสรู้ ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นหลายประการ ณ สถานที่สำคัญแห่งนี้ วัดเวฬุวันเมื่อครั้งพุทธกาล มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าพิ้นที่ในปัจจุบันมาก และยังไม่ได้มีการขุดสำรวจ เชื่อว่าหากมีการขุดสำรวจจะค้นพบหลักฐานทางพุทธศาสนาอีกมาก
สถานที่สำคัญในปัจจุบัย ที่ผู้แสวงบุญมาชมและสักการะที่วัดเวฬุวันมีดังนี้
1. พระมูลคันธกุฎิ (Mulagandhakuti) คือกุฎิของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระองค์ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวันตามหลักฐานจากบันทึกของพระถังซำจั๋ง ซึ่งเป็นหลวงจีนในราชวงศ์ถัง ที่ใช้เวลาจาริกบุญในอินเดีย รวมทั้งศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาเป็นเวลา 17 ปี บันทึกของท่านมีคุณเอนกอนันต์แก่ชาวพุทธ และเป็นหลักฐานสำคัญในการค้นคว้าเกี่ยวกับศาสนาพุทธในเวลาต่อมา น่าเสียดายว่าปัจจุบันยังไม่ได้ทำการขุดสำรวจบริเวณพระมูลคันธกุฏิ เนื่องจากมีกุโบร์ (ที่เก็บศพ)ของชาวมุสลิมสร้างทับไว้บนเนินดิน เนื่องจากพุทธศาสนาซึ่งกำลังรุ่งเรืองและแพร่หลายมากในขณะนั้น ส่วนหนึ่งได้ถูกมุสลิมเตริก์ทำลายเมื่อหลายร้อยปีก่อนจนเกือบหายไปจากโลก บริเวณวัดเวฬุวันอันเก่าแก่จึงถูกทิ้งร้างไปเป็นเวลาหลายร้อยปี ภาพพระมูลคันธกุฏืที่ไม่ได้รับการทำนุบำรุง ดูแล กลายเป็นที่ทิ้งขยะของบางคน (ดังในภาพ) ทำให้ผู้จาริกแสวงบุญชาวพุทธรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุด
ชาวพุทธทั่วโลก นำโดยชาวพุทธจากประเทศศรีลังกา ได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลอยู่หลายครั้ง และต่อสู้กันมาหลายปี จนในที่สุดศาลสูงของอินเดียได้มีคำสั่งให้ชาวมุสลิมขุดย้ายหลุมศพออกไปที่อื่น เพื่อให้ชาวพุทธได้ทำการขุดสำรวจบริเวณพระมูลคันธกุฎิได้
2. ลานจาตุรงคสันนิบาต เป็นบริเวณลานกว้าง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานพร สร้างโดยชาวพุทธญี่ปุ่น อยู่กลางซุ้ม ลานนี้เป็นจุดสำคัญที่ชาวพุทธทุกชาติ ทุกภาษา นิยมมาทำการเวียนเทียน สักการะ สวดมนต์ (โดยเฉพาะการสวดปาฏิโมกข์) ที่นี่ กองโบราณคดีอินเดียสันนิษฐานว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ณ ที่แห่งนี้ เนื่องจากเป็นลานเดียวที่กว้างใหญ่พอที่จะใช้ประชุมคณะสงฆ์ได้เป็นจำนวนมากขนาดเป็นพันรูปได้
ที่เวฬุวนารามนี้ พระพุทธองค์ได้ประทานอุปสมบทแก่พระสาวกจำนวนมาก รวมทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะ เป็นต้น
ประการสำคัญที่สุด ณ สถานที่แห่งนี้ เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ได้เกิด “จาตุรงคสันนิบาต” ขึ้นคือมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 อย่างในวันเดียวกัน ซึ่งต่อมาเรียกวันนี้ว่า “วันมาฆบูชา” ถือเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา เหตุการณ์ทั้ง 4 อย่างในวันนั้น ประกอบด้วย
ในวันนั้น พระพุทธเจ้าได้แสดงพระธรรมเทศนาที่เรียกว่า “โอวาทปาฏิโมกข์ “ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา
3. สระกลันทกนิวาป (Kalandakanivapa Pond) หรือสระกระแต ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ในสมัยพุทธกาล เคยเป็นสระสำหรับสรงน้ำของพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในวัดเวฬุวัน ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้บูรณะบริเวณวัดและสระกระแตไว้อย่างร่มรื่นและสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชมได้พักผ่อนและนั่งสมาธิเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณทึ่ติดตามอ่านค่ะ
ติตตามด้วยความประทับใจเรื่องราวของดินแดนพุทธภูมิ...ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา ที่ติดตามเรื่องราวของแดนพุทธภูมิ และให้กำลังใจอยู่เสมอค่ะ
-สวัสดีครับ..
-ตามมาร่วมอนุโมทนาบุญครับ..
-ขอบคุณครับ
เก็บภาพมาฝากหนูบ้างนะคะ
ขอบคุณมากค่ะคุณ เพชรน้ำหนึ่ง และคุณ กล้วยไข่ ที่ให้ความเห็นและดอกไม้