การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมระบบราชการและบทสรุป
ตอนต้นของงานเขียนชิ้นนี้ได้ทำการศึกษาค่านิยมของสังคมไทยที่หล่อหลอมข้าราชการไทยและนำไปสู่พฤติกรรมการทำงานที่ส่งเสริมและเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการยุคใหม่ว่ามีอะไรบ้าง จากการศึกษาได้สรุปไว้ว่า ค่านิยมหลักของคนไทยที่สำคัญๆ มี 6 ประการ ในจำนวนนี้มีถึง 5 ประการที่ไม่เป็นค่านิยมแบบไม่สร้างสรรค์ ได้แก่ การยึดประโยชน์ของตนเองสำคัญกว่าส่วนรวม การรักสนุกชอบสบาย การไม่ผูกพันกับระเบียบวินัยของสังคม การสยบต่อผู้มีอำนาจ ค่านิยมเหล่านี้ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบราชการและต่อประเทศชาติ ส่วนค่านิยมที่พึงปรารถนาล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับที่เป็นอยู่ทั้งสิ้น ระบบราชการยุคใหม่ต้องการข้าราชการที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ต้องการคนขยันทำงานหนักและอดทน ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าหรือมีแรงยั่วยุอย่างไร ข้าราชการต้องผูกพันกับระเบียบวินัยระเบียบวินัยของเพราะเป็นกติกาในการอยู่ร่วมกัน และช่วยสร้างความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องไม่ยึดติดกับอัตตา (ตัวกูของกู) และข้าราชการต้องไม่สยบต่อผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือผู้บังคับบัญชา ต้องกล้าคัดค้านหากเห็นว่าคำสั่งหรือการกระทำนั้นไม่ถูกต้อง ค่านิยมใหม่เช่นนี้จึงจะช่วยให้ระบบราชการมีศักดิ์ศรี เป็นที่พึ่งของประชาชนได้
ความกตัญญูรู้คุณเป็นค่านิยมร่วมเดิมของสังคมไทยที่มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่ดีงาม หากแต่เปิดช่องให้ผู้ใช้ไปในทางที่ไม่ดีได้ นักการเมือง ผู้บังคับบัญชาในราชการ ผู้ร่ำรวยให้ความอุปถัมภ์แก่ข้าราชการ ก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ในวงราชการและการทุจริตประพฤติมิชอบที่ปรากฏทั่วไปในขณะนี้ นับว่าเป็นอันตรายต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ส่วนค่านิยมสุดท้ายของสังคมไทย ได้แก่ การเปิดรับต่อสิ่งใหม่ ถือเป็นค่านิยมสร้างสรรค์ เพราะนำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และทำให้คนไทยมีวัฒนธรรมแบบปรับตัวมาโดยตลอด
ตารางที่ 3 ค่านิยมสังคม – ข้าราชการไทย
ค่านิยมเดิมที่เป็นอุปสรรค |
ค่านิยมที่พึงปรารถนา |
1. ความเป็นปัจเจกบุคคล 2. รักสนุก ชอบสบาย 3. เน้นตนเองเป็นหลัก 4. สยบต่อผู้มีอำนาจ 5. ความกตัญญูรู้คุณ (ผู้อุปถัมภ์) 6. - |
ส่วนรวมอยู่เหนือส่วนตัว ขยันทำงานหนัก อดทน ผูกพันกับสังคม ทำตามกติกา เน้นความถูกต้อง มีคุณธรรม กตัญญูรู้คุณประเทศชาติ การเปิดรับต่อสิ่งใหม่ |
ควรมีเอกสาร อ้างอิง หรือที่มา ของการเกิดกรอบแนวคิดนี้ นะคะ