บันทึกหลังสี่โมงเย็น
ได้เวลาเลิกงาน ผมเคยพูดสัพยอกกับเพื่อนร่วมงาน ถึงเหตุผลที่ต้องโอ้เอ้ทำงานต่อจนถึงหกโมงเย็นว่า ต้องรอเวลาเก็บตะวันก่อน มิฉะนั้นจะโดนแสงตะวันแยงตาเวลาขับรถกลับบ้าน ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงก็คือ หลังสี่โมงเย็นเป็นช่วงเวลาที่ได้งานเอกสาร แต่เวลาตามสมุดลงเวลาเป็นช่วงเวลาที่ได้ติดต่อประสานงานคน นั่นต่างหาก
ช่วงที่มวลอากาศเย็นที่ลากยาวมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม มันทำให้ชมรมคนทำงานหลังสี่โมงเย็นค่อยทยอยหายไป จนไม่เหลือเพื่อนรอเก็บตะวัน หลังๆ ผมจึงหอบงานขับรถย้อนแสงกลับบ้าน วันหนึ่งขณะที่ขับรถถึงทางลงเนินโล่งกว้างก่อนถึงทางเข้าบ้าน ผมเห็นปุยเมฆรูปร่างแปลกตาและมีสีสันเจิดจ้า ล้อกับแสงอาทิตย์อ่อนๆเต็มม่านฟ้าทิศตะวันตก ภาพแบบนี้ยากที่จะเห็นได้ง่ายๆ ไม่กี่นาทีภาพที่เห็นก็ต้องเปลี่ยนไป ผมรีบเหยียบคันเร่งให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันนาทีทองบันทึกภาพที่ติดตานั้น แล้วผมก็ได้เลือกที่โล่งหลังบ้านกดชัตเตอร์เอาจนหนำใจ
....หลายวันต่อมา ภาพที่ผมบันทึกไว้ก็ถูกนำมาปรับแต่ง ให้เชื่อมต่อกับความรู้สึกค้นพบสัจธรรมบางอย่างจากการหอบงานเอกสารมาทำที่บ้าน ซึ่งน่าจะเป็นเวลาพักผ่อนส่วนตัว จนรู้สึกถึงความไม่สมดุลย์ระหว่างสังขารกับงานที่ทำ
....บันทึกความรู้สึก ...
“...สังขารที่ร่วงโรย รู้สึกตัวเองว่าทำงานได้ช้าลงเอามากๆ
แต่ก็ทำใจได้ว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
ผมจึงไม่ใส่ใจนับถอยหลังกับเวลาที่เหลืออยู่....”
...ภาพชีวิตกับงาน...
“...ทำไมจะต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้
ในเมื่อวันนี้ตะวันก็ยังไม่ทันตกดิน...”
สังขารไม่เที่ยงแท้ครับ
แต่ความดียังอยู่
ผม download การสอนของท่านศน ไปสอนนักเรียนด้วยครับ
ฝากอันนี้ให้ครูที่สนใจด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่าน ทุกสิ่งดีๆที่เข้ามาแลกเปลี่ยน