Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

วิถีโจราธิปไตย... ที่น่าศึกษา!!


เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. ยามนี้อากาศหนาวจัดในภาคเหนือ ที่วัดของอาตมา (จ.ลำพูน) อุณหภูมิประมาณ ๑๒-๑๕ องศา (C) ก็พอทน ด้วยผ้าห่ม..ผ้าคลุม และกุฏิที่มิดชิด ไม่ให้อากาศเย็นไหลเข้ามาภายในได้มากนัก.. แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงเมื่อจะต้องออก บิณฑบาต ทุกเช้าในห้วงเวลาที่อากาศหนาวเย็นพอสมควร... ก็ได้แต่สงสารญาติโยมที่มารอใส่ บาตร ทนอากาศหนาวอยู่หน้าวัด.. นี่คือความสวยงามในจิตศรัทธาของสาธุชนชาวไทยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง อันควรแก่การกล่าวอนุโมทนา..

ติดตามข่าวสารทางสังคม เห็นหมู่ชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ เพื่อนำสังคมประเทศชาติออกมาจากปัญหาต่างๆ มากมาย ที่ทับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ใน วิถีกระแสสังคม... ที่ดำเนินไปอย่างมีปัญหาติดตามพะรุงพะรัง จนยากที่จะไหลไปในทิศทางความเจริญได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น

โดยเฉพาะปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง ของบรรดาผู้มีอำนาจวาสนา ที่เข้ามามีหน้าที่บทบาทในการบริหารบ้านเมือง.. ดังที่มีข่าวสารมากมายในการทุจริต ที่แพร่ระบาดไปทั่วทุกองคาพยพของสังคมประเทศชาติ

จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสังคมในยุคปัจจุบัน ที่มีให้เห็นเป็นปกติ ในเรื่องการกระทำทุจริต โกงกิน ฉ้อฉลด้วยกลวิธีต่างๆ นานา จนสังคมประเทศชาติเริ่มเป็นอัมพาต ยากที่จะขับเคลื่อนไปเบื้องหน้าได้อย่างควรจะเป็นไป..

ประการสำคัญ คือ การตกผลึกความคิด เป็นทิฏฐิหรือความเห็นที่วิบัติไปจากคุณความดีอันถูกต้องโดยธรรม

ด้วยการขานรับของภาคสังคมว่า.. โกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวงบ้าง ไม่เป็นไร หากได้ประโยชน์ร่วมกัน...

.. วงจรทุจริตโกงกินจึงเกิดเติบโตขึ้นอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ส่วนกลางสู่ท้องถิ่น จนเป็นที่รู้กันไปทั่ว...

อาตมาได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด จากศรัทธาสาธุชนที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ในหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งได้มาเล่าให้ฟังถึงวิธีการจัดหาประโยชน์โดยมิชอบธรรมในทุกกรณี

ตั้งแต่การประมูล.. การจัดจ้างว่าจ้าง.. การจัดซื้อจัดหา จนถึงการส่งมอบงานหรือผลิตภัณฑ์.. ที่ถูกจัดการทุจริตอย่างมีรูปแบบ ดุจแผนการตลาดของบริษัทค้ากำไรทั้งหลาย

จึงไม่แปลกที่ประชาชนจำนวนมากได้มีความรู้สึกถึงจุดอิ่มตัวแห่งความเอือมระอา.. ความเบื่อหน่าย และความเกลียดชัง ต่อคณะบุคคลและระบบการเมืองที่เข้ามามีบทบาทบริหารประเทศชาติ ที่อ้างวิถีทางกฎหมาย..

ตัวบทกฎหมาย จึงกลายเป็นจำเลยของสังคมที่ต้องถูกประหารในทุกสมัย เริ่มนับมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๕ จนถึงปัจจุบัน...

ทั้งนี้ เพราะการนำอำนาจหน้าที่ซึ่งได้สิทธิมาตามกฎหมาย.. ไปใช้อย่างผิดทำนองคลองธรรม.. มิชอบธรรม.. ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ได้เป็นความผิดของตัวบทกฎหมาย...

แต่หากเป็นปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้ ที่ไม่ได้ใช้ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันมีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์แห่งมหาชนโดยรวมอย่างเป็นธรรม..

สังคมจึงเริ่มมองปัญหาไปที่ระบบ โดยเริ่มจะไม่มั่นใจ.. ไม่แน่ใจว่า ระบบการปกครองแบบเสียงข้างมากตามกฎหมายแบบนี้ ดีจริงไหม!?

ควรหรือที่จะนำมาใช้ในสังคมประเทศแบบนี้!?

ปัญหาเหล่านี้จึงนำไปสู่การถกเถียงกันมากขึ้นในหมู่บรรดาผู้รู้ทั้งหลาย จนถึงชาวบ้านย่านตลาด ด้วยเจตนาเพื่อต้องการมองหาระบบที่เหมาะสมให้กับสังคมประเทศชาติของตน...

แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งมีการเรียกร้อง.. ยิ่งมีการแสวงหา ระบบบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับสังคม

กลับทำให้ยิ่งยุ่งเหยิง จนนำสู่ความแตกต่างทางความคิด และความแตกต่างในการกระทำ

มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันของคนในสังคมอย่างชัดเจน

ทั้งๆ ที่หมู่ชนในสังคมมีความประสงค์ ในการสร้างดาวดวงเดียวกัน คือ

ประโยชน์อันเป็นธรรม เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญ..

คำว่า "การเรียกร้องหาความเป็นธรรม.." ได้ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ มีการคิดประดิษฐ์วาทกรรมต่างๆ มาใช้

เพื่อจงใจหาหมู่ชนให้เห็นคล้อยตาม..

เพื่อความถูกใจ แม้จะไม่ถูกต้องตามความจริงโดยธรรม...

จนหมู่ชนเริ่มเข้าใจความหมายของ.. ความเป็นธรรม... ผิดแผกแตกต่างกันไปตามวาทกรรม สีสันของพวกชอบใส่สี เสกสรรค์เล่นคำเหล่านั้น

ที่ให้ความหมายของคำว่า "โดยธรรม" เปรอะเปื้อนไปด้วยสีสันจากจิตกิเลสปรุงแต่งแห่งสัตว์ที่มากไปด้วยความอยาก (โลภจิต)... และอิ่มไปด้วยความลุ่มหลง (โมหะจิต)

.. ผู้ใดคิดอุบายวิธีที่แยบคาย คำความหมายที่แยบยลได้อย่างลุ่มลึก ชักดึงความรู้สึกของหมู่ชนให้ใหลหลงเชื่อตาม อันสอดคล้องกับความต้องการของสังคมส่วนใหญ่ได้ตรงใจ

ก็สามารถควบคุม ชักจูง กระแสความรู้สึกของสังคมให้เป็นไปตามความต้องการได้

และเมื่อบวกกับวิธีการสร้างหมู่คณะด้วยระบบต่างตอบแทนในประโยชน์

เพื่อการจัดตั้งกองกำลังจึงเกิดขึ้นอย่างมีหลักการและจุดมุ่งหมาย!!

.. ความน่ากลัว .. ภัยอันตราย จึงเกิดขึ้นในสังคมแบบนี้ ที่หมู่ชนถูกจัดตั้งโดย การควบคุมความคิด เพื่อชักจูงความรู้สึกไปในทิศที่ถูกตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ นานา..

จนสามารถสร้างกระแสมวลชนในสังคมให้เห็นไปในทิศทางความคิดแห่งตนและพวกพ้อง ตามประสงค์ได้

จนสามารถสลายพลังมหาชนให้เป็นฐานมวลชน ซึ่งเป็นภัยร้ายอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคมประเทศชาติ

โดยเฉพาะหาก ผู้บงการควบคุมกระแสมหาชน เป็น มหาโจร ที่แอบแฝงเข้ามาในรูปแบบตามวิถีกฎกติกาสังคมที่ซ่อนตัวอยู่ในรูปตัวบท กฎหมาย..

เพื่อจะทำการโจรกรรม ปล้น ฆ่า แย่งชิง ฉ้อโกง สังคมประเทศชาติ หรือต้องการทำลายสังคมประเทศชาตินั้น..

.. มหาโจร ในยุคสมัยปัจจุบัน จึงน่ากลัว.. ด้วยจิตใจที่หฤโหดยิ่งกว่ามหาโจรในอดีต ที่ยังคงรู้จักคำว่า "สัจจะ แม้จะเป็นโจร.."

แตกต่างกับ มหาโจรในปัจจุบันที่ไร้สัจจะ สมบูรณ์แบบความชั่วเต็มบรรทัด

ความเป็นพาลชน ตีบทได้แตก เล่นได้ทุกรูปแบบ แปลงกายได้หลากหลาย ปั้นหน้าลอยตาไปตามบท อย่างยากที่คนดีมี หิริโอตตัปปะ อันพึงจะกระทำได้ จนยากที่จะจับได้ว่าเป็น มหาโจร!!..

มหาโจรในยุคปัจจุบัน จึงไม่ใช่ผู้ร้ายแบบในอดีต ที่ไว้หนวดเครารกรุงรัง หน้าตาเหี้ยมเกรียม ใส่เสื้อผ้าปอนๆ พกพาอาวุธเต็มรูปแบบ มีลูกน้องที่น่ากลัว เมื่อจะเข้าปล้น จะต้องร้องบอกกล่าวว่า ไอ้เสือบุก!..

เมื่อจะกลับ จะร้องบอกกันว่า ไอ้เสือถอย! อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของ ท่านมหาโจร ในอดีต... เรื่องราวเหล่านี้จะไม่มีอีกแล้ว

ในสมัยการปล้นในปัจจุบันของ มหาโจรยุคไอที..มหาโจรยุคใหม่ จะใช้ความรู้ความสามารถระดับสูง ยกระดับตัวเองสู่สังคม.. โฆษณาฐานะว่า เก่ง ร่ำรวย มีคุณธรรม ต้องการเสียสละประโยชน์ตนเพื่อสังคม..

โดยพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่ามีพร้อมทุกสรรพสิ่ง ร่ำรวยจนเกินพอแล้ว จึงอยากจะถ่ายเทความร่ำรวยความรู้สู่สังคม เพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่บ้าง

ด้วยการพูดคำพระคำเจ้าว่า.. เพื่อทดแทนคุณแห่งแผ่นดิน!!

มหาโจรยุคใหม่จะมีทีมงานผู้รู้ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อการใช้กฎหมายให้เกิดประโยชน์กับตนและหมู่คณะในทุกรูปแบบ ให้เป็นไปตามความประสงค์แห่งจุดมุ่งหมายแท้จริง..

เราจึงเห็นการใช้กฎหมายและการใช้คนที่มีศักยภาพทางกฎหมายอย่างเต็มกำลัง โดยมีการซื้อตัวบุคคลที่มีศักยภาพเหล่านั้นมาไว้ในสังกัด

ตลอดจนการซื้อบุคคลที่มีบทบาทหน้าที่ในระบบของสังคมทุกระบบ เพื่อการสนองตอบนโยบายหรือแนวทางการปฏิบัติที่ตนและคณะต้องการ เพื่อความสมบูรณ์ของ บริษัทโจรกรรมแห่งชาติ ที่มีศักยภาพในการปล้นแผ่นดินได้เต็มรูปแบบ

การจัดซื้อ-จัดหาบุคคลที่มีบทบาทหน้าที่.. มีความรู้ความสามารถทั้งด้านดี .. ด้านเลว

เพื่อการเสริมสร้างแผนการปฏิบัติปล้นชาติ .. ปล้นแผ่นดิน จึงเกิดขึ้นอย่างเต็มกำลัง

จึงไม่แปลก หากจะปรากฏบุคคลที่มากไปด้วยความรู้ มีชื่อเสียงทางสังคม อยู่ร่วมกับอันธพาลถ่อยสถุล ที่ไร้สกุลรุนชาติ

เพื่อการปฏิบัติงานร่วมกันตามบทบาทและหน้าที่..

ความเติบโตของ องค์กรมหาโจร จึงเติบใหญ่ขึ้นอย่างน่ากลัว ภายใต้การใช้อำนาจกฎหมายให้เป็นไปตามวิถีแห่งโจร

จึงมีปรากฏการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในสังคมแบบนี้ เช่น การเข่นฆ่าทำลาย การขจัดบุคคลที่กีดขวางการปฏิบัติงาน ฯลฯ ซึ่งเป็นไปอย่างมีรูปแบบยุทธวิธี จนสามารถสร้างความเติบโตให้เกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง บนการยอมรับของสังคมว่า ชอบธรรมตามตัวบทกฎหมาย..

เมื่อ กฎหมาย .. กฎระเบียบของสังคม ถูกนำมาอ้างใช้เป็นเครื่องมือปล้นชาติปล้นแผ่นดิน..

ความหายนะย่อมเกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวง และยากยิ่งที่จะใช้กฎหมายเข้าจับผิด ปรับโทษการกระทำที่ผิดได้

มิหนำซ้ำ มหาโจรยังกลับใช้กฎหมายเพื่อเอื้อเฟื้อสนับสนุนการดำเนินงานของตนได้อย่าง คล่องแคล่ว ด้วยความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและการจัดการอย่างมีระบบของบรรดาสาวกของมหาโจร

โดยเฉพาะบรรดาลูกน้องโจร ที่เข้าไปนั่งมีบทบาทหน้าที่กำกับดูแลในทุกระบบของสังคม ..

จึงไม่แปลก เมื่อระบบในสังคมที่ถืออำนาจประชาชนเป็นใหญ่ จะได้ถูกมหาโจรปล้นไปด้วยวิถีทางกฎหมายที่เอื้ออำนวยให้

และได้สถาปนา ระบบโจราธิปไตย ขึ้นมาแทน ภายใต้สีสันของ ประชาธิปไตย..

ที่ห่อหุ้มภายนอกสังคมในระบบ โจราธิปไตย

จึงปรากฏเกิดขึ้นให้เห็นเป็นลักษณะแห่งการผูกขาดผลประโยชน์ในทุกด้าน

โดยมีบรรดามวลสมาชิกของมหาโจรที่ถูกวางตัวให้กำกับดูแลทุกองคาพยพของสังคม เป็นหน่วยปฏิบัติการที่สามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงหรือต่อต้านอำนาจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ..

แม้ในที่สุด อำนาจทางกฎหมายที่มหาโจรใช้ประโยชน์

หากเห็นเป็นโทษ ก็สามารถสั่งการให้ต่อต้านเพื่อไม่ถือปฏิบัติตามก็ย่อมทำได้...

แต่ด้วยอำนาจธรรมที่ว่า.. ไม่มีอำนาจใดๆ จะยั่งยืน เป็นอมตะได้

หากอำนาจนั้นขาดคุณธรรม ...

เราจึงเห็น ระบบโจราธิปไตย ที่เคยยิ่งใหญ่เหนือหมู่ชนในสังคม

ไม่ว่าในประเทศใดๆ ในที่สุดก็ต้องล่มสลาย

ส่งผลตอบแทนคืนกลับด้วยอำนาจกฎแห่งกรรมอย่างสาสม..

กับบุคคลหมู่คณะที่ก่อการตั้งตัวเป็นมหาโจรและพรรคโจรกรรมแห่งชาติ ดังที่มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ..

จึงขอให้สาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้มั่นคงเข้มแข็ง

พึงศึกษาให้เข้าใจในระบบโจราธิปไตย อย่าได้ให้เกิดมีขึ้นบนแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาด..

หากมี พึงจับลงหม้อปิดยันต์ถ่วงน้ำเสีย อย่าได้ผุด-ได้เกิดโดยเด็ดขาด เพราะหายนะจริงๆ ..

หากเกิดมีหรือดำรงอยู่ในสังคม....

เจริญพร

พระอาจารย์อารยวังโส

ปักธงธรรม หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์
27 ธันวาคม 2556

หมายเลขบันทึก: 559540เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2014 00:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2014 00:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ความดีงาม กับ ความเลวร้าย..ได้วางมวยกันมาตั้งแต่สิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้นมาบนโลกนานแล้ว.สาเหตุเพราะโลกเล่นตลก..แอบสร้างสิ่งที่เป็นกลางไว้ให้...แต่ให้ากันเอาเอง...เออ....สิ่งใดเล่าที่เป็นกลาง..ถ้าสิ่งที่เป็นกลางมีจริงแล้ว..ควรจับเจ้าความดีงามกับเจ้าความเลวร้ายนี้มาต่อยกันตัวต่อตัว...แล้วเชิญกลุ่มผู้ไร้เดียงสาด้วยกิเลสทั้งปวงมาชมอย่างไม่มีคะแนนให้ เพราะไร้กิเลสการให้ด้วย...ความดีงาม กับ ความเลวร้ายมีรางวัลกิเลสในตัวอยู่แล้ว..มันจะได้ของมันและมันเองเมื่อเห็นผลแพ้ชนะ..แล้วสิ่งที่เป็นกลางก็เก็บค่าบริการสถานที่....ไปให้กลุ่มผู้ไร้เดียงสาด้วยกิเลสทั้งปวงไม่มีแม้กระทั่งกิเลสอัตาหิอัตโนนาโถใช้...ถ้าเป็นเช่นนี้...สิ่งที่เป็นกลางย่อมมีคุณสมบัติคุณธรรมบวกความยุติธรรมจะโดนยำ...เพราะฉะนั้นถ้าจะรักษาคุณสมบัติคุณธรรมบวกความยุติธรรมแล้ว...ก็เกิดความเวียนวนมิรู้จบ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท