แอบเข้ามาอ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับพระเครื่อง และสาระอื่นๆในหน้าเพจของอาจารย์ทุกคืนจนได้ความรู้มากมายแต่ยังไม่เคยได้ร่วมแสดงความเห็นกับอาจารย์ วันนี้เอาหน่อย เห็นด้วยกับอาจารย์ครับที่ว่าพระสมเด็จวัดระฆังซึ่งมีพุทธศิลป์ที่เรียบง่ายงดงามนั้นซ่อนปริศนาธรรมที่สูงส่งเอาไว้ การสร้างพระพุทธรูป(รูปเคารพ)เพิ่งมาเกิดหลังพระเจ้าอโศกมหาราช ก่อนหน้านั้นจะใช้เป็นสัญลักษณ์ในรูปของสัตว์บ้าง ดอกไม้บ้าง เช่นรูปสิงห์ใช้แทนการประกาศพระศาสนา(สีหนาทบันลือ)รูปช้างใช้แทนพระธรรมคำสอน ดอกบัวใช้แทนการประสูติ ต้นโพธิ์ใช้แทนการตรัสรู้ พระสถูปหรือเจดีย์ใช้แทนการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน (ท่านพุทธทาสท่านได้เขียนตีความเกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆในพุทธศาสนาจากหลักฐานงานปฏิมากรรมจำหลักตั้งแต่สมัยทวราวดี ศรืวิชัยไว้อย่างละเอียด) และสัญลักษณ์ต่างๆเหล่านี้ก็กลายมาเป็นพระพุทธรูปต่างๆ พิมพ์พระเครื่องตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงปัจจุบันก็ล้อพิมพ์มาจากพระพุทธรูปปางต่างๆทั้งสิ้น ที่เห็นได้ชัดก็สองปางหลักๆคือมารวิชัย กับปางสมาธิ ไหนๆก็ต้องยาวแล้วขอพูดถึงพระพุทธรูปสองปางนี้นิดหนึ่ง ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจพระสองปางนี้อย่างกระจ่างนักซึ่งสำคัญมาก(แต่คนฝ่ายมหายาน จีน ญี่ปุ่น ธิเบตกลับเข้าใจมากกว่า) พระปางมารวิชัยจะอยู่ตรงกันข้ามกับปางสมาธิจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย(คนไทยต้องอ่านพุทธประวัติให้เแตก) ปางมารวิชัย(Concentration)ตอนนั้นเจ้าชายสิทธัตถะยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ครับยังไม่ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมมาสัมโพธิญาณ ภาพที่พระโพธิสัตว์เอาพระหัตถ์ขวาแตะพระธรณีหมายถึงท่านกำลังสู้รบกับพระยามาร(คือกิเลส)อยู่ หลังจากปราบมารเสร็จสรรพก่อนรุ่งสางของราตรีนั้นพระองค์ก็บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณพระอค์ประทับนั่งในปางสมาธิ(Meditation)เพื่อกำหนดญาณตามลำดับชั้น พระองค์หมดกิเลสอย่างไม่ต้องสงสัยไม่ต่องไปสู้รบกับมารที่ไหนอีก (พระยามารมาทวงสัญญาอีกครั้งก็ตอนปรินิพพานครับ) ทีนี้เข้าประเด็นของอาจารย์เลยครับ พระพุทธปฏิมาในพระสมเด็จวัดระฆังนั้นเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน(ไม่ใช่พระโพธิสัตว์))ประทับนั่งปางสมาธิ บนฐานสามชั้นใช้แทนสัญลักษณ์"ไตรสิกขา) ศีล สมาธิ ปัญญา ศืลจะอยู่ล่างสุดต้องทำใจให้บริสุทธิ์ก่อน แล้วจิตถึงตั้งมั่นและจิตตั้งมั่น(สมาธิ)นี่แหละคือความเพียรที่จะสู้รบกับพระยามาร(ปางมารวิชัย)ขั้นตอนนี้จะโหดที่สุด(อย่างที่อาจารย์บอก)ถ้าใครเคยอ่านประวัติหลวงปู่ชาแล้วจะรู้ หลังจากเอาชนะกิเลสจนสิ้นซากแล้วก็เข้าสู่โหมดแห่งปัญญาคือฐานบนสุด เหนือขึ้นไปคือองค์พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ รู้แจ้งเห็นจริงจะประกาศพระศาสนาไปอีกสี่สิบห้าปี แล้วเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระเกศที่เป็นกวยแหลม(ทรงเจดีย์)ขึ้นสู่เบี้องบน(ทะลุซุ้มก็มี)คือสัญลักษณ์แห่งพระนิพพานครับ...ดังนั้นพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังนี่นับว่าสุดยอดทั้งรูปแบบ(พิมพ์ทรง)และเนื้อหาที่แฝงปริศนาธรรมในพุทธศาสนาไว้อย่างครบถ้วน...แต่ไม่รู้ว่าพวกเซียนใหญ่เขาจะคิดแบบอาจารย์หรือแบบผมหรือเปล่าพวกเฮียแกเอาแต่จะปั่นราคาท่าเดียว...สุดท้าย เอาแค่การแยกพระสมเด็จเก๊ออกจากพระสมเด็จแท้นับว่าต้องใช้ความเพียรสุดๆท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตท่านวางกุศโลบายไว้อย่างเยี่ยมยอดจริง ขนาดผมเข้ามาศึกษาพระเครื่องจากอาจารย์อยู่บ่อยๆ จนป่านนี้ผมยังหาพระสมเด็จไม่ได้สักองค์ แสดงว่าผมยังอยู่ในขั้นใช้ความเพียร สักวันหนึ่งคงเข้าสู่โหมดปัญญา...ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับอาจารย์
ขอบคุณครับที่มาช่วยขยายความ ท่านอ่านมามากกว่าผมแน่ๆเลย ในมุมนี้
แต่ท่านอาจจะยังทำ มรรคมีองค์ 8 ไม่ครบ หรือไม่พอมั้งครับ
ยังไงลองมาคุยกันได้ครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
ทุกอย่างเป็นสิ่งสมมติเท่านั้น ไม่มีเรื่องที่จริงแท้แน่นอน การคาดเดาหรือวิเคราะห์ต่างๆขึ้นอยู่กับภูมิความรู้,ปูมหลังและเชาว์ปัญญาตลอดจนปฏิภาณไหวพริบของผู้วิเคราะห์ ผู้ออกแบบมีจิตเจตนาอย่างไรล้วนเป็นสิ่งที่ผู้วิเคราะห์ใช้ภูมิความรู้อนุมาณเอาเท่านั้น สำหรับเซียนพระก็คิดตามแบบของเขา ถูกหรือผิดก็ไม่มีประโยชน์ในการศึกษา องค์ความรู้ในการศึกษาพระเครื่องก็มีหลายแนวทาง ส่วนรูปแบบการจดจำก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของผู้ศึกษาเป็นหลักว่าจะโน้มเอียงไปทางไหนครับ ไม่ได้มีหลักเกณฑ์อะไรจะมากำหนดตัวตนของผู้ศึกษาได้นอกจากตัวผู้ศึกษาเอง โชคดีมีพระแท้ทุกท่านและสงบสันติทุกท่าน...........สวัสดี
ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ อิอิอิอิอิอิอิ