วันที่ ๒๘ กย. ๔๙ ภรรยาและผมรอดพ้นปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างฉลุย แต่มาตกเครื่องบินที่ฮ่องกง เพราะเครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิช้าไปเกือบ ชม. เครื่องที่เราจะต่อไป แอลเอ ออกจากฮ่องกงไปแล้ว
แม้เราจะได้รับการดูแลจัดเที่ยวบินใหม่ให้ จัดบัตรขึ้นเครื่องเอามาให้ทันทีที่ลงจากเครื่อง พร้อมทั้งให้บัตรกินอาหารฟรีปลอบใจ แต่ภรรยาและผมยังคิดว่าเราน่าจะสร้างความแน่นอนให้แก่ช่วงต่อเครื่องที่สนามบิน ลอสแอนเจลีส
เราจึงเที่ยวถามหาเคาน์เตอร์ช่วยเหลือผู้โดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก เมื่อผมไปต่อคิวนั้น คิวค่อนข้างยาว มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงให้บริการอยู่ ๒ คน คนหนึ่งตัวโต มีฝรั่งเข้าไปคุยอยู่นาน และเจ้าหน้าที่คนตัวโตก็พูดโทรศัพท์มือถืออยู่นาน ในที่สุดฝรั่งก็ลาไป โดยไม่ได้อะไร เจ้าหน้าที่คนตัวโต บอกเขาว่า ขอโทษนะ ที่เราช่วยเหลือไม่ได้ แล้วฝรั่งก็จากไป มีผู้โดยสารเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานคนตัวโตก่อนผมอีก 2-3 คน ต่างก็ได้รับความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ได้อะไรเลย
พอถึงตาผม พนักงานคนตัวโตก็ฉายแววตาเป็นประกาย นี่คือปัญหาที่เธอช่วยได้เต็มไม้เต็มมือ เพราะผู้ให้บริการคนก่อนอ่อนหัด เป็นเด็กที่คงจะไม่เคยเดินทางไปต่อเครื่องบินที่ แอลเอ จึงบอกผมว่ามีเวลาต่อเครื่องบิน 1 ชม. ก็เพียงพอถมไป
การที่ผมไม่เชื่อเจ้าหน้าที่เด็ก และไปขอความช่วยเหลือพนักงานคนตัวโต แสดงว่าผมเป็นลูกค้าชั้นดี เอาเรื่องที่เป็นชิ้นเป็นอันไปให้เธอทำ ไม่ใช่ไปขอความช่วยเหลือเรื่องมโนสาเร่
จากแววตาท่าทางของเธอ ที่เดิมดูเบื่อๆ และระหว่างที่ผมเข้าคิวรออยู่ผมก็ไม่นึกศรัทธาเธอ ไม่คาดหวังว่าจะได้รับบริการที่ดีจากเธอ แต่การณ์กลับตรงกันข้าม เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันทีที่ทราบปัญหาของผม ผมมีเวลาต่อเครื่องที่แอลเอ เพียงชั่วโมงเดียว ไม่พอแน่ เธอจัดการเปลี่ยนเที่ยวบินและออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผมอย่างกระฉับกระเฉง ท่าทางเหนื่อยหน่ายเมื่อสักครู่หายไปเป็นคนละคน
และเมื่อผมร้องขอบริการแถม ขอให้โทรศัพท์ แจ้งลูกชาย ผมก็ได้รับบริการที่ผมพึงพอใจ
เหตุการณ์ นี้สอนผมว่า คนเราต้องการทำงานที่มีคุณค่า งานไหนไม่ท้าทายไม่ต้องใช้ความสามารถ หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ก็จะน่าเบื่อ ไม่สนุก เมื่อไรได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าชัดเจน ชีวิตช่วงนั้นก็จะมีชีวิตชีวา
ผมดีใจ ที่การตกเรือบินของผม ได้ช่วยให้พนักงานคนที่ตัวโตได้เกิดชีวิตการทำงานที่มีความสุข
ผู้ขอใช้บริการ เป็นฝ่ายให้ความสุขแก่ผู้บริการ แปลกแต่จริงนะครับ
วิจารณ์ พานิช
๒๘ กย. ๔๙
บนเครื่องบิน บินจากฮ่องกงไป แอลเอ
คิดเพิ่มอีกนิดค่ะอาจารย์ ว่าเราน่าจะหาวิธีทำให้คนคิดว่างานทุกงานมีคุณค่า ต้องหาวิธีมองหาคุณค่าในงานที่ตนเองต้องทำ โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมายกย่อง ความสุขจึงจะเกิดเพียงเพราะได้ทำงานนั้น
ที่เห็นอย่างนี้ด้วยเพราะพบเห็นว่า มีคนมากมายที่มองไม่เห็นว่างานที่ตนเองทำอยู่มีคุณค่า ซึ่งน่าเสียดายค่ะที่สิ่งนี้เป็นเหตุให้ทำอย่างไม่มีความสุข ผลก็เลยออกมาไม่ดี ถ้าโดนต่อว่าเข้าไปอีกก็ยิ่งรู้สึกแย่ลง วนเวียนเป็นวัฏจักรชั่วร้าย ที่บั่นทอนความภาคภูมิใจใจงานลงไปอีก
เชื่อว่า เราทุกคนช่วยกันได้ค่ะ ช่วยกันทำให้คนรอบๆตัวรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมีประโยชน์ เขาจะได้เห็นคุณค่าของตัวเอง