ชีวิตที่พอเพียง : 142. แบ่งปันความสุข แก่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้โดยสาร


      วันที่ ๒๘ กย. ๔๙ ภรรยาและผมรอดพ้นปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างฉลุย    แต่มาตกเครื่องบินที่ฮ่องกง    เพราะเครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิช้าไปเกือบ ชม.    เครื่องที่เราจะต่อไป แอลเอ ออกจากฮ่องกงไปแล้ว
  
     แม้เราจะได้รับการดูแลจัดเที่ยวบินใหม่ให้    จัดบัตรขึ้นเครื่องเอามาให้ทันทีที่ลงจากเครื่อง    พร้อมทั้งให้บัตรกินอาหารฟรีปลอบใจ     แต่ภรรยาและผมยังคิดว่าเราน่าจะสร้างความแน่นอนให้แก่ช่วงต่อเครื่องที่สนามบิน ลอสแอนเจลีส

      เราจึงเที่ยวถามหาเคาน์เตอร์ช่วยเหลือผู้โดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก    เมื่อผมไปต่อคิวนั้น คิวค่อนข้างยาว    มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงให้บริการอยู่ ๒ คน    คนหนึ่งตัวโต    มีฝรั่งเข้าไปคุยอยู่นาน และเจ้าหน้าที่คนตัวโตก็พูดโทรศัพท์มือถืออยู่นาน    ในที่สุดฝรั่งก็ลาไป โดยไม่ได้อะไร   เจ้าหน้าที่คนตัวโต บอกเขาว่า  ขอโทษนะ ที่เราช่วยเหลือไม่ได้   แล้วฝรั่งก็จากไป    มีผู้โดยสารเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานคนตัวโตก่อนผมอีก 2-3 คน ต่างก็ได้รับความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ  หรือไม่ได้อะไรเลย

      พอถึงตาผม พนักงานคนตัวโตก็ฉายแววตาเป็นประกาย   นี่คือปัญหาที่เธอช่วยได้เต็มไม้เต็มมือ    เพราะผู้ให้บริการคนก่อนอ่อนหัด    เป็นเด็กที่คงจะไม่เคยเดินทางไปต่อเครื่องบินที่ แอลเอ    จึงบอกผมว่ามีเวลาต่อเครื่องบิน 1 ชม. ก็เพียงพอถมไป

       การที่ผมไม่เชื่อเจ้าหน้าที่เด็ก    และไปขอความช่วยเหลือพนักงานคนตัวโต    แสดงว่าผมเป็นลูกค้าชั้นดี    เอาเรื่องที่เป็นชิ้นเป็นอันไปให้เธอทำ    ไม่ใช่ไปขอความช่วยเหลือเรื่องมโนสาเร่ 

      จากแววตาท่าทางของเธอ ที่เดิมดูเบื่อๆ  และระหว่างที่ผมเข้าคิวรออยู่ผมก็ไม่นึกศรัทธาเธอ    ไม่คาดหวังว่าจะได้รับบริการที่ดีจากเธอ    แต่การณ์กลับตรงกันข้าม    เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันทีที่ทราบปัญหาของผม    ผมมีเวลาต่อเครื่องที่แอลเอ เพียงชั่วโมงเดียว ไม่พอแน่    เธอจัดการเปลี่ยนเที่ยวบินและออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผมอย่างกระฉับกระเฉง     ท่าทางเหนื่อยหน่ายเมื่อสักครู่หายไปเป็นคนละคน

       และเมื่อผมร้องขอบริการแถม  ขอให้โทรศัพท์ แจ้งลูกชาย    ผมก็ได้รับบริการที่ผมพึงพอใจ

       เหตุการณ์ นี้สอนผมว่า    คนเราต้องการทำงานที่มีคุณค่า    งานไหนไม่ท้าทายไม่ต้องใช้ความสามารถ   หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ก็จะน่าเบื่อ  ไม่สนุก    เมื่อไรได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าชัดเจน  ชีวิตช่วงนั้นก็จะมีชีวิตชีวา

      ผมดีใจ ที่การตกเรือบินของผม   ได้ช่วยให้พนักงานคนที่ตัวโตได้เกิดชีวิตการทำงานที่มีความสุข

      ผู้ขอใช้บริการ เป็นฝ่ายให้ความสุขแก่ผู้บริการ    แปลกแต่จริงนะครับ 

วิจารณ์ พานิช
๒๘ กย. ๔๙
บนเครื่องบิน บินจากฮ่องกงไป แอลเอ

หมายเลขบันทึก: 55795เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2006 09:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
   ถ้าคนทำงานมีความสุขกับงานที่ท้าทายได้อย่าง "คนตัวโต"  ที่อาจารย์เล่า สังคมของเราคงเต็มไปด้วยคนทำงานที่กระฉับกระเฉงและชีวิตชีวานะครับ

คิดเพิ่มอีกนิดค่ะอาจารย์ ว่าเราน่าจะหาวิธีทำให้คนคิดว่างานทุกงานมีคุณค่า ต้องหาวิธีมองหาคุณค่าในงานที่ตนเองต้องทำ โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมายกย่อง ความสุขจึงจะเกิดเพียงเพราะได้ทำงานนั้น

ที่เห็นอย่างนี้ด้วยเพราะพบเห็นว่า มีคนมากมายที่มองไม่เห็นว่างานที่ตนเองทำอยู่มีคุณค่า ซึ่งน่าเสียดายค่ะที่สิ่งนี้เป็นเหตุให้ทำอย่างไม่มีความสุข ผลก็เลยออกมาไม่ดี ถ้าโดนต่อว่าเข้าไปอีกก็ยิ่งรู้สึกแย่ลง วนเวียนเป็นวัฏจักรชั่วร้าย ที่บั่นทอนความภาคภูมิใจใจงานลงไปอีก

เชื่อว่า เราทุกคนช่วยกันได้ค่ะ ช่วยกันทำให้คนรอบๆตัวรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมีประโยชน์ เขาจะได้เห็นคุณค่าของตัวเอง 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท