อดีตผ่านไปแล้วอนาคตยังมาไม่ถึง
บทบาทกับสิ่งที่ชีวิตของแต่ละคนต้องการนั้น..ดูเหมือนว่าบางครั้งจะไม่สอดรับกันเท่าไหร่
แต่ อย่างไร ก็ตามก็จะต้องประคับประคองชีวิตให้ตลอดรอดฝั่งไป......
ทำให้นึกถึงคำกลอนบทหนึ่งของหลวงพ่อ...ว่่า
ชีวิตในแต่ละช่วง จึงต้องผ่านทั้งสิ่งที่เป็นเหตุภายนอก ...ซึ่่งบางครั้งอาจเกิดจากสิ่งที่ตัวเราไม่ได้ทำไว้
แต่บางเหตุยอมเกิดแต่ตัวตนเรา ถึงอย่างไร...วันวานของชีวิตของทุกคนย่อมมีขึ้นมีลง
อาจเป็นเสมือน ชีวิตที่ดีย่อมมีคลื่นและลมผสมเข้ามา...
ขวบสิ้นปี ย่อมมีสิ่งสะท้อน
หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน
ดี ชั่ว สุขสม ไร้ปราถนา
ธรรมดาชีวิตเช่นนั้น
...
บ่ายตะวันอ่อน
เมตตาธรรม
นักบวช มิใช่มีหน้าที่รับทาน และพยากรณ์ เพียงสองอย่าง แต่ยังมีหน้าที่สื่อสาร(มิใช่ทำลายสาร) ที่สามารถบั่นทอนชั่ว และฟื้นฟูความดีด้วย
องการสื่อสารมวลชนที่มหาบุรุษหนึ่งอุตส่าห์ตั้งขึ้นมา ไม่น่าจะหวาดกลัวสารแห่งความเป็นจริงจนตื่นเต้น พวกเขาได้รับการสั่งสอนให้ใช้สติปัญญา มิใช่ให้ใช้อำนาจฝ่ายหวาดผวา ปต่พบแล้วจริงว่า มีผู้ไม่ใช้ปัญญาญาณ หวาดกลัวเสียจนก่อการที่ ทำลายเกียรติของมหาบุรุษ ให้สาธารณะพบเห็นทั่วไปได้
พลาดพลั้งไปก็ กลับเนื้อกลับตัวได้ ทำให้ทัน เพราะเวลารับทาน กับ กลับเนื้อกลับตัว มันคือเวลาเดียวกัน คือ เวลาที่ยังมีลมหายใจที่พระเจ้ามอบให้มา ดำเนินอยู่