ไม่เคยคิดที่จะรับราชการนะคะ


ไม่เคยคิดที่จะรับราชการนะคะ แต่แล้วก็สอบเป็นนักเรียนทุนของสำนักงานการแพทย์ กทม วชิรพยาบาลมาจนได้นะคะ ทุกคนที่จบมาจากที่นี่จะได้รับปริญญาบัตรจาก ม.มหิดล นะคะ การเป็นนักเรียนทุนสำหรับมณีเทวาถือว่ามันคือภาวะและหน้าที่อย่างแรงนะคะ เทอมแรกเรียน Anatomy ได้ A และเกรดเฉลี่ยทั้งหมด 3.82 นะคะ

ชีวิตที่ผูกพันกับคนไข้ และ รพ. ดูเหมือนไม่ใช่ตัวตนของตัวเองนะคะ เลยมีความคิดว่าคนเก่งอยู่ที่ไหนก็ได้นะคะ เพราะคิดแบบนี้แหละค่ะจึงมีอะไรที่มาท้าทายความสามารถของตัวเองมากมายนะคะ จึงตัดสินใจพูดกับคุณแม่ว่า "แม่ค่ะ...ที่บ้านเราก็มีคนรับราชการตั้งหลายคนแล้วนะคะ ถ้าหนูขอลาออกสักคนแม่จะว่ายังไงค่ะ " แม่ถามว่าทำไมคิดจะลาออกละ ตอนนั้นตอบแม่ไปว่าแม่ค่ะพยาบาลแต่ละคนอ้อล้อจะตายนะคะ หนูไม่ชอบสังคมแบบนี้นะคะ

เพราะไม่เคยคิดที่จะรับราชการจึงได้ตัดสินใจลาออกมานะคะ แล้วก็ทำงานกับมูลนิธิฝรั่งมาหลายปีนะคะ ตอนนั้นเอาเวลาส่วนหนึ่งไปลงเรียน วจก รัฐศาสตร์ ควบคู่ไปด้วยนะคะ และเรียนภาษาไปด้วยรวมถึงการเรียนภาษามือด้วยนะคะ การทำงานกับองค์กรต่างประเทศทำให้โลกทัศน์ของตัวเองกว้างขึ้นนะคะ และเข้ามาทำงานร่วมกับ สยช ในสมัยนั้นปัจจุบันคือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นะคะ เริ่มเป็นตัวแทนของภาคเอกชนในการเข้ามามีร่วมสร้างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติฉบับที่ 7 นะคะ

เมื่อมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เป็นเยาวชนดีเด่นแห่งชาติในปี 2534 สาขาความคิดริเริ่มดีเด่น ผลสืบเนื่องนี่เองที่ทำให้ตวเองค่อยข้างจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงนะคะ จึงชอบมีแนวคิดไรมากมายนะคะในมุมที่คนเขาไม่มองกันนะคะ ลองสอบทุนโครงการมิตรภาพเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงนะคะ และแล้วก็ไม่ผิดหวังนะคะ หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนะคะ ก็ลองสอบทุนในระดับประเทศอีกทุนหนึ่งนะคะ เป็นทุน JICA ขอรัฐบาลญี่ปุ่นนะคะ และได้เป็นตัวแทนคนไทยไปศึกษาดูงานบริหารการปกครองท้องถิ่น และก็จบบริหารการปกครองท้องถิ่นมาอีกใบหนึ่งนะคะ แล้วก็กลับมาเรียนบริหารการปกครองท้องถิ่นที่ไทยอีกใบหนึ่ง แล้วก็ไปเรียนรัฐศาสตร์อีกใบหนึ่งที่แม่โจ้

ชีวิตในแม่โจ้ เน้นเรื่องความสามัคคีและความอดทนเป็นหลักนะคะ ได้อะไรมามากมายจากแม่โจ้เช่นกันนะคะ ชอบแม่โจ้อยู่อย่างหนึ่งนะคะไม่ว่าคุณจะเข้าไปเรียนในระดับไหน ตรี โท เอก ทุกคนต้องผ่านการรับน้องเป็นประเพณีที่น่าประทับใจมากๆนะคะ และต้องเรียนวิชาเกษตรเป็นวิชาบังคับด้วยนะคะ ถ้าคุณอยากร้องไห้ต้องไม่ใช่ที่แม่โจ้...(ขอไปร้องให้ที่แม่จันแทนได้ไหมค่ะ 555)

ทุกวันนี้มีเพื่อนที่รับราชการมากมายนะคะชอบมาปรึกษาเรื่องที่จะลาออกจากราชการนะคะ จริงๆแล้วอาชีพแต่ละอาชีพขึ้นอยู่ที่เรามองเราชอบเรารักและโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพเป็นหลักนะคะ ต้องคิดให้เยอะๆนะคะ ถ้ามั่นใจว่าทางข้างหน้าสว่างไสวกว่าก็ให้มั่นใจที่จะเดินออกมานะคะ อย่างตัวเองเนี่ยไม่หวั่นไหวเลยนะคะเพราะคิดว่าทางข้างหน้าสามารถเดินไปได้ไกลกว่านี้นะคะ ทุกวันนี้้กลับดีใจมากนะคะที่ตัวเองผ่านอะไรมามากมายนะคะเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนที่อยู่ใน รพ นะคะ โอกาสที่ได้ไปชื่นชมกับโลกกว้างสวยงามเหลือเกินนะคะ บางครั้งก็กลับมามองคนใกล้ตัวอย่างน้องสาวของตัวเองนะคะ เป็นข้าราชการอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ (ก็เป็น ดร.เหมือนกันนะคะ) แต่ดูชีวิตเขาวุ่นๆวายๆยังไงไม่รู้นะคะ

ศร.ดร.อะกิโนะ เคยสอนว่า คนเราไม่มีใครมีชีวิตเต็มร้อยนะคะ  30 หนึ่งคือตัวเอง 30 สองคือสังคม 30 คือบุญวาสนา ส่วนอีก10 หนึ่งคือส่วนที่หายไปนะคะ สำคัญที่ตัวเราเองกี่เปอร์เซ็นต์ต่างหากละคะ เราคิด เราทำ เต็มที่แล้วหรือยัง สติปัญญาเราอารมณ์เต็มที่แล้วหรือยัง เราสร้างบุญสะสมไว้เป็นอริยทรัพย์หรือเปล่า นั้นแหละทำตัวเองเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้าเต็มที่แล้วอย่างอื่นก็ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะคนที่คิดดีทำดีมีสติปัญยาดีแบบนั้นคงไม่เลือกสังคมที่ต่ำต้อยให้กับตัวเองหรอก...เป็นไรที่น่าคิดนะคะ

เคยพูดกับน้องๆเด็กๆและเยาวชนอยู่เป็นเสมอนะคะว่าการศึกษาเล่าเรียนปริญญา ตรี โท เอก ใครๆก็จบได้นะคะ สำคัญที่ว่าจบมาแล้วคุณมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนนะคะ คุณสามารถทำงานและสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมมากน้อยแค่ไหนนั้นแหละคือสิ่งที่สำคัญว่าการศึกษาเป็นไหนๆ จะปฎิเสธไหมว่าราชการบางคนก็ไม่ได้เป็นคนดีเท่าที่ควรนะคะ เรื่องจริงที่เราอย่าได้หลอกคนอื่นและสังคมอีกเลยทุกวันนี้คนที่บ้านของเรามีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นนะคะ แกร่งแย่งกันเสียไปทุกอย่างนะคะ น่าเบื่อสิ้นดี ดังนั้นเราอย่าเอาตัวอย่างที่ไม่ดีของคนเหล่านี้มาใช้นะคะ เกิดมาทั้งทีทำดีไม่ได้เสียชาตินะคะ  บางคนเวลาไปติดต่อราชการนะคะมองเราด้วยหางตาเหมือนชาวบ้านไร้การศึกษายังไงไม่รู้นะคะ ไม่ให้เกียรติกันเลย

มีคำพูดหนึ่งที่ชอบมากๆๆนะคะ "เก่งได้แต่อย่าเด่นเกิน" นะคะ นึกถึงคำพูดนี้ที่ไรต้องเจียมเนื้อเจียมตัวไว้ตลอดเวลานะคะ

ง่วงนอนแล้วค่ะแค่นี้ก่อนนะคะ ว่างๆจะมาเล่าอดีตให้ฟังอีกนะคะ เพื่อว่าบันทึกนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านได้บ้างพอสมควรนะคะ อยู่ที่วิธีคิดของเราเองนะคะ ความสำเร็จก็อยู่ที่เราคิดนะคะ และเราก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่ากับคนอื่นนะคะดังนั้นอย่าล้ำเส้นคนอื่นเป็นเด็ดขาดนะคะ

ขอบคุณค่ะ

มณีเทวา

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 556698เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2013 22:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม 2013 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ไม่เคยคิด แต่วันหนึ่งความคิดก็เปลี่ยนตามวัยตามวันเวลา เหมือนนักการเมืองที่เข้ามาเห็นช่องก็กอบโกยไม่หยุด

-สวัสดีครับ..

-ตามมาอ่านเรื่องราวในอดีต..

-ได้ข้อคิดอะไรมากมายจากบันทึกนี้่ครับ..

-สำคัญที่ตัวเราเองกี่เปอร์เซ็นต์ต่างหากละคะ เราคิด เราทำ เต็มที่แล้วหรือยัง

-สติปัญญาเราอารมณ์เต็มที่แล้วหรือยัง

-เราสร้างบุญสะสมไว้เป็นอริยทรัพย์หรือเปล่า

-ถ้าเต็มที่แล้วอย่างอื่นก็ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะคนที่คิดดีทำดีมีสติปัญยาดีแบบนั้นคงไม่เลือกสังคมที่ต่ำต้อยให้กับตัวเองหรอก.

-"เก่งได้แต่อย่าเด่นเกิน"

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท