วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 (ต่อ)
บ่ายแล้วเราหาที่ที่จะกินอาหารกลางวัน บางคนชวนกินร้านริมถนนที่มีเก้าอี้เล็กๆ ให้นั่ง คุยกันแล้วในที่สุดอาจารย์เจียมก็พาพวกเรานั่งแท๊กซี่ไปกินอาหารที่ร้านแถวริมทะเลสาบ ร้านนี้อยู่ภายในอาคารต้องขึ้นบันไดแล้วขึ้นลิฟต์ไปอีก เขาจึงมีพนักงานมาคอยเชื้อเชิญลูกค้าที่ด้านล่าง
พนักงานเป็นหญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อย คุยกันได้ความว่าเรียนจบมหาวิทยาลัย ทำงานนี้ระหว่างรองานอาชีพ จากหน้าต่างของร้านเรามองเห็นทะเลสาบสูงขึ้นมาอีกหน่อย อาหารที่ร้านนี้รสชาติกินได้เหมาะกับความหิว หลังจากนั้นเราจึงเดินชมทะเลสาบยามบ่ายแก่ๆ พบว่าไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้คนที่นี่ก็สามารถทำมาหากินกันได้หลายรูปแบบ เจอคนที่กำลังย้อมผมให้ผู้อื่นตรงนี้ด้วย สงสัยจริงๆ ว่าทำแล้วจะไปล้างผมกันที่ไหน ผู้สูงอายุก็ยังมานั่งขายของเล่น
ริมทะเลสาบยามบ่าย สะพานสีแดงคือสะพานแสงอาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมเต่ายักษ์ที่วัดกันไม่ขาดสาย
เราไปหาซื้อของฝากตามร้านที่มีอยู่มากมายไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก ของที่พวกเราซื้อกันเยอะคือถุงผ้าที่มีลายปัก ทำจากผ้าหลายแบบ ราคาแตกต่างกันตามคุณภาพของผ้า อาจารย์อมราซึ่งซื้อถุงเหล่านี้จำนวนมากบอกว่าเอาไว้ใส่รองเท้าหรือชุดชั้นในเวลาที่จัดกระเป๋า จึงมีลายปักทั้งที่เป็นรูปรองเท้าและชุดชั้นในด้วย
วันสุดท้ายในเวียดนามเราอยากจะกินอาหารดีๆ สักมื้อ เจอภัตตาคารฝรั่งอยู่เกือบจะติดกับโรงแรมที่พัก ตอนเย็นจึงพากันจะไปดินเนอร์สักหน่อย เข้าไปในร้านเจอแต่ฝรั่ง บรรยากาศดูดี แต่ดูเมนูและราคาอาหารแล้ว กำลังเงินของเราไม่พอ จึงต้องถอยไปกินอาหารเวียดนามดีกว่า
อาจารย์เจียมพาเราไปที่ภัตตาคารริมทะเลสาบ คราวนี้ชวนนั่งรถสามล้อให้พอมีประสบการณ์ด้วย อาจารย์เลิศชายลังเลเพราะกลัวคนถีบจะเหนื่อยจะขอเดินไป ต้องขะยั้นขะยอกันอยู่นาน
นั่งสามล้อเวียดนาม
ภัตตคารที่เราไปกินอาหาร มีดนตรีและนักร้องร้องเพลงให้ฟังด้วย พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เขาก็ร้องเพลงลอยกระทง จึงให้ทิปไปตามมรรยาท อาหารที่เรากินถูกจัดมาสวยงาม มีปริมาณมากจนต้องพยายามกินกันจนเกินพอ
ยำหัวปลี
ปอเปี๊ยะทอด ของธรรมดา แต่เสริฟมาแบบแปลกๆ
หอยที่เอาเนื้อออกมาผสมกับหมูแล้วคงเอาไปนึ่ง
เหมือนปลาเจี๊ยน ตกแต่งด้วยตาข่ายแครอท
หลังจากนั้นอาจารย์เจียมขอตัวไปพักก่อนเพราะวันนี้เดินมามากแล้วสำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เราเดินไปเรื่อยๆ บางคนแวะซื้อของฝากเพิ่มเติมอีก
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2556
เช้าวันนี้อาจารย์เจียมและอาจารย์เกษวดีออกเดินทางกลับเมืองไทยไปก่อนเรา 4 คน เราออกเดินทางจากโรงแรมก่อน 08 น. ดิฉันซื้อข้าวเหนียวที่แม่ค้ามานั่งขายใกล้ๆ กับโรงแรมเอาไว้ให้อาจารย์เลิศชายกินเป็นอาหารเช้า ข้าวเหนียวเป็นเมล็ดดูนุ่มมีควันกรุ่นเพราะอยู่ในภาชนะสานที่มีผ้าหนาๆ ปิดไว้ หน้าข้าวเหนียวมีถั่วและคล้ายๆ เนื้อปลาป่นแห้งๆ อาจารย์เลิศชายบอกว่ารสชาติเค็มๆ
ร้านอาหารด้านหน้าโรงแรมที่พัก ภาพล่างคือแม่ค้าขายข้าวเหนียว
การเดินทางไปถึงสนามบินใช้เวลาพอสมควร เมื่อ check in เรียบร้อย คนที่ยังมีเงินเวียดนามเหลือก็หาซื้อของต่อ ดิฉันซื้อผ้าคลุมไหล่ 2 ผืน เพื่อฝากผู้ที่สนับสนุนการทำงานอย่างต่อเนื่อง ผ้าคลุมไหล่เป็นผ้าไหมเวียดนาม สีและลายที่ชอบมีเนื้อผ้า 2 แบบ ราคาต่างกันหนึ่งเท่า คนขายเชียร์ให้ซื้อของแพง บอกว่าเนื้อผ้าดีกว่า ซักแล้วไม่เสีย คำนวณแล้วว่าซื้อของแพงเงินเวียดนามจะหมดพอดีเลยตกลง ที่นี่ขายของไม่มีใบเสร็จ
เครื่องบินออกตรงเวลา เราเดินทางกลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
มุ่งหน้ากลับไทย ท้องฟ้าด้านบนมีเมฆฝน
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2556
น่ากินมากเลยครับ
น่าไปทำงานด้วยอากาศดีนะครับ
ชอบภาพนั่งสามล้อครับ
วันที่ 23 ธค ผมและอาจารย์จันทวรรณ ไปม วลัยลักษณ์ครับ
เรียนอาจารย์ขจิต หวังว่าวันที่ 23 คงจะได้เจอกันนะคะ อาจารย์เดินทางวันไหน เช้าวันที่ 23 จะเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ ไปนครศรีธรรมราชค่ะ
เดินทาง 23 เช้าครับ ไปถึงนครฯ 08.00
มีคุณหมอสุขจันทร์ไปด้วย