ชีวิตต้องสู้ ตอน หนทางยังมี


พี่ชายถามว่า แล้วเตรียมตัวหรือยังสำหรับชาติหน้า  ผมบอกว่าอยากจะเว้นวรรคไม่มาเกิด  ขึ้นไปอยู่สวรรค์ชั่วคราว  แล้วลงมาเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตตรัยเลย ไปเคยไปอ่านหนังสือเขียนไว้ว่านับแต่นี้เป็นต้นไป โลกมันจะแย่เข้าทุกที  อายุคนจะสั้นเข้า  น้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว ไฟจะไหม้  จะแย่งกินแย่งกันเกิด คนฉลาดเขาจะเว้นวรรคอธิษฐานไม่ลงมาเกิดในยุคนี้

พี่ชายบอกว่าทำไมคิดอย่างนั้น หนทางยังมีอยู่  เราก็ทำความดีให้เต็มที่ตอนนี้ ชาติหน้าครูบาอาจารย์ก็ยังมีอยู่ ถ้าได้โสดาบันในชาตินี้ อย่างช้าที่สุดก็อีกเจ็ดชาติ ทำธุระให้เสร็จสิ้นในสมัยพระพุทธโคดมเสียเลย จะไปรอทำไม

ผมก็ได้แต่สงสัย  มีวันหนึ่งได้เจอซือฝู  จึงได้ถามท่าน ว่าความคิดเช่นนี้ถูกหรือผิด

ท่านตอบว่า คล้ายๆกับพี่ชายผมว่า คนเราเลือกไม่ได้  แล้วคุณจะแน่ใจแล้วหรือว่าคุณจะเวันวรรคได้  คุณจะแน่ใจหรือว่าคุณจะไปเว้นวรรค์อยู่บนสวรรค์ คุณตายไปไปอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ ทำไมไม่ทำมันเสียให้เต็มที่เสียแต่ในตอนนี้

คุณล่ะถามตัวบางหรือยัง  ว่าชาติหน้าคุณอยากจะไปไหน  จะไปทำอะไร  

คุณอยากจะได้อะไร  ถ้าชาตินี้ไม่มี  คุณจะรีบทำเสีย เพราะ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว บุญหรือบาป เราจะเป็นทายาท คือจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป

 

__________________________________________________________________________________

ปล ลูกสาวถามพ่อว่าทำไมพ่ออยู่กับลุงแล้ว พ่อดูมีความสุข  ไม่เคยเห็นพ่ออยู่กับใครแล้วพ่อมีความสุขอย่างนี้เลย

 

 

หมายเลขบันทึก: 555876เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2013 23:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 ธันวาคม 2013 23:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ชื่นชมค่ะ...เตรียมตัวเพื่อชีวิตในชาติหน้า...รอบคอบมากนะคะ

ชอบค่ะ...ทุกคนมี..(สิ่ง)..ที่ต้องแบก..ทุกคน..ของตน..."คนไกลตัว..ทิ้งคำพูดนี้ไว้...ให้คิด.."..ตอนมีชีวิตอยู่..อ้ะะๆๆ...

(ที่ชวนมา..ลองกดๆๆๆ..เข้าไปดู..แต่ยังไม่ประสพความสำเร็จเจ้าค่ะ.....เมื่อไร..มาเมืองไทยอีก..เจ้าคะ..ยายธีตอนนี้..ยังอยู่..ที่นี่..ค่ะ...)

เกิดแล้วตายไปแล้ว

พระศรีอริยะเมตรัย นั้น เกิดไปแล้ว และ ก็ ตายไปแล้วด้วย สงสัยอาจารย์คงพลาดไปแล้วหละ มาช้าไปหน่อยแค่1400กว่าปีเอง

น้องกรรม ต้องช่วยออกมาให้ได้

ถ้ามีกรรมเป็นของตนเองจริง สมควรกตัญญู ขอบคุณผู้มอบกรรมชุดแรกให้เราในชาติแรก เพราะเรามาจากชาติที่ 0 ย่อมไม่มีกรรมทั้งดีและชั่วแน่นอน แต่มีกรรมดี คือ ความสุขในมดลูกแม่ของทุกๆคนไง

น้องกรรมยังถูกนักบวชนำพาไปทำมาหากิน ใช้งานทุกวันอย่างไม่ยุติธรรมมาตลอด โดยเฉพาะ ตลาดนัดตอนเช้าไปดูให้เห็นแจ้งอยู่

Allamdulillsa

"กรรม" วลีนี้ จะรับผิดชอบในการกระทำเรา และ ท่าน ได้เต็มจำนวนไหม

ใครเคยเห็น กรรม บ้าง? แน่นอนไม่เคย แล้วเราไปยกการรับผืดชอบให้กับสิ่งที่มองไม่เห็นกระนั้นหรือ

พ่อแม่ เรา และ ท่าน นั่นเอง ที่สมควรยิ่งในการรับผิดชอบ หากเรา-ท่าน กระทำการสิ่งใด ทั้งบวก และลบ

อีกทั้งครูบาอาจารย์ บรรพบุรุษ ศาสนทูต ที่มองเห็นสัมผัสได้จริง นั่นแหละที่ควบรวม ว่าจะรับผิดชอบในการกระทำของ เรา-ท่าน

เลิกงมงายไร้สาระเถิด ว่า"กรรม"คือ ผู้รับผิดชอบเต็มๆ (มิใช่ปฎิเสธปิดกั้นนะว่า ไม่มีแบบที่ชาวไทยปฎิเสธผู้มีพระคุณว่า ไม่มี)

พ่อแม่นั่นเอง ที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกๆ. นี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดมาโดยผู้สร้างมนุษย์แล้ว

เรายังต้องมีหน้าที่ช่วยน้อง"กรรม"ออกมาจากการถูกใช้แรงงาน เพื่อทำมาหากิน ตั้งแต่ตลาดนัดตอนเช้า ไปถึงรัฐสภาเลยด้วย

คำว่า "กรรม" พุทธไทยยังเข้าใจเพี้ยนๆอยู่ โดยเฉพาะได้ฟังจากพระสงฆ์มา แต่ขาดการวิเคราะห์เนื้อในและความหมายเดิมของมันและบริบทครั้งพุทธกาลที่พระพุทธองค์สอนว่า มีพุทธรัศมีอย่างไร..ขออธิบายเสริมนะครับ

คำว่า "กรรม" เป็นคำภาษาไทยทีนำมาพูด เขียนกัน บาลีว่า "กัมมะ" สันสกฤตว่า "กรฺม" คือ ความเชื่อเรื่องชีวิตถูกลิขิตโดยการกระทำของตน หมายถึง การแสดงออกของพฤติกรรมของมนุษย์ มีผลลัพธ์สองออย่างคือ ดีและไม่ดี สำหรับอรหันต์มีผลเดียวคือ "อกิริยา" แปลว่า เป็นเพียงการกระทำ ไม่มีผลลัพธ์

ในสังคมพราหมณ์มีคติที่ว่า ชีวะมีอัตตา ทั้งสองมีการกระทำในตัวเอง (กัมมันต) จึงเกิดผลลัพธ์ตามมา เช่น การกระทำทางกาย คือ ใช้มือ เท้า ลำตัว ศีรษะ แสดงออกหรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอยู่บนพื้นฐาน "เจตนา" (แปลว่า การตั้งใจ ต้นแบบของความคิด จุดเริ่มของการกระทำ หรือการวางแผน เตรียมการไว้) อันนี้เรียกว่า "กรรม" (ในแง่ทางศาสนา) ทางวาจา เช่น การพูด การเขียน การทำสัญลักษณ์ โดยมีพื้นฐานเหมือนกัน แล้วเกิดผลเหมือนกัน ฯ ทางมโน เช่น การคิด ความรู้สึก การยึดเกาะ ผูกพัน ไม่พอใจ ไม่ชอบ เกี่ยวมั่นหมายในทางลบ ฯ โดยมีพื้นฐานเดียวกัน ย่อมมีผลเหมือนกัน

ส่วนการกระทำในแง่พฤติกรรมศาสตร์หรือการแสดงออกตามธรรมชาติของสัตว์โลก ย่อมมีผลแน่นอน เช่น เราเดิน กายย่อมเคลื่อนไหว อาจเหยียบแก้วที่แตก เหยียบแมลงแล้วตาย หรือมือลูบไปตามเคยชิน เคยตัว แล้วไปถูกสัตว์ตาย หรือทำอย่างไรอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีเจตนา แต่เกิดผลมหาศาลก็มี หรือเราเผลอทำอะไรบางอย่าง ฯ เหล่านี้เป็นกรรมที่อาจต้องแยกแยะให้ออก เพราะมันอาจลื่นไหลไปตามลักษณะนิสัยเคยชิน หรือทำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติในวิถีชีวิตของสัตว์โลกอยู่แล้ว กระนั้น เราก็ถือว่า อยู่ในกรอบของกรรมในแง่ชาติหรือภพ มวลรวมทั้งหมดของชีวิตคนหนึ่ง เพราะเรามีภพ มีชาติ มีชีวิตอยู่ มีร่างกายเป็นเครื่องมือในการกระทำ อย่างนี้เรียกว่า ชีวิต มีการแสดงออก มีการกระทำหรือการเคลื่อนไหว ในแต่ละวัน ถือว่า เป็นการกระทำ (ในแง่ภาษา)

ส่วนในแง่ศาสนพุทธ พูดถึงชีวิตทั้งมวล (ในหนึ่งคน) ของคนๆนั้น ตั้งแต่เกิด จนกระทั่งตาย เราถือว่า มีกรรม อยู่เสมอ เอาตั้งแต่หัวใจเต้น เลือดเดินในร่างกาย ก็ถือว่า กรรม ของระบบภายในกาย กล่าวโดยการแสดงออกหรือพฤติกรรม มี ๓ ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ทั้งหมดของพฤติกรรมเราจะรวมไว้ในสามกรอบนี้ ส่วนที่เน้นว่า เป็นหัวใจของกรรม อยู่ "จิต" เรียกว่า "เจตนา" (Intention or Volition) ฝรั่งใช้คำว่า "Will" ทีนี้ การกระทำกลายเป็นผลกรรมได้อย่างไร พุทธศาสนา ยอมรับการกระทำทั้งหมด มาจากต้นจิต ต้นแบบของการคิด การเตรียมการของเจตนาที่จะกระทำหรือแสดงออก อย่างใดอย่างหนึ่ง เรียกว่า ในแรงโน้มไปสู้การละเมิด การน้ำหนักเจตนาเทไปอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะล่วงกระทำ มีเป้าหมายอย่างใด อย่างหนึ่ง แล้วกระทำลงไป การกระทำนั้น (ดอก) ถือว่า มีผล จึงเรียกกรรมพร้อมผลว่า "เป็นกรรม" (ผล : Result) ซึ่งมีกิริยาอาการตามลำดับดังนี้ รู้อยู่ว่ากระทำ (สิ่งใด) พยายามกระทำ (สิ่งนั้น) และการกระทำนั้นสำเร็จลง จึงมีผล ๓ อย่างคือ ดี ไม่ดี ไม่มีผล

คำว่า "ดี หรือไม่ดี" นั่น ก็ต้องมาวัดด้วยหลักธรรมอื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบให้มนุษย์รู้ว่า จนเองกระทำเช่นนั้นดี ไม่ดี อย่างไร ผิดหลักศีลธรรมอย่างไร ซึ่งจะมีชุดหลักธรรม มาประเมินพฤติกรรมอีก หลักธรรมต่างๆ ที่วัดนั้นมีมากมาย เช่น ศีล ๕ ธรรม ๕ สติ ปัญญา ตัญหา กิเลส อวิชชา ฯ เป็นหลักจริยศาสตร์ในทางศาสนาพุทธ (ศาสนาอื่นก็มีเครื่องวัดของตนเองต่างกันไป) ที่จะบอกคุณภาพของการกระทำของมนุษย์ว่า สอดคล้องกับหลักการศาสนาอย่างไร หรือผิดหลักการศาสนาอย่างไร หรืออีกทางหนึ่งคือ อุดมคติทางสังคม ค่านิยมของสังคมนั้นๆ ว่า มีกรอบวัด เปรียบเทียบพฤติว่า ดี เลว อย่างไร เช่น การฆ่าพ่อแม่ โดยสามัญสำนึก มนุษย์ก็จะไม่ทำร้ายพ่อแม่ของตน หรือมโนธรรมที่เกิดขึ้นเองในจิตของความเป็นมนุษย์ ย่อมรู้สึกผิด ชอบชั่วดีเอง ด้วยสามัญสำนึก ฯ เหล่านี้คือ เครื่องมือวัดการกระทำของมนุษย์ว่า ดี ไม่ดี

ส่วนผลลัพธ์ของกรรม ก็มีแตกต่างในแต่ละศาสนา สำหรับพุทธ มีผลดังนี้ บุคคลใดกระทำกรรมในทางที่ดี (ซึ่งมีวิธีมากมาย) เมื่อสะสมกรรมดีไว้ ย่อมมีผลต่อพฤติกรรม ที่มีแนวโน้มเป็นคนมีคุณธรรมประจำใจเป็นพื้นฐาน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับความเมตตาหรือไมตรีจิตจากคนอื่นด้วย (ซึ่งไม่แน่เสมอไป เพราะมีเงื่อนไขอื่นๆ มาแทรกได้) โดยพื้นฐานจะอยู่ในฐานะที่ดี ตรงกันข้าม บุคคลใดกระทำแต่กรรมไม่ดี ย่อมมีแนวโน้มที่ผู้คนจะแสดงกรรมตอบโต้ได้ ผลทั้งสอง อยู่เจตนาดี ไมีดี (ซึ่งก็ดูยากอีก เพราะอยู่ด้านใน) นี่คือ พฤติกรรมทั่วๆไปของสามัญชน ที่แสดงออกตามวิถีวัฒนธรรม ศาสนานั้นๆ

สำหรับการกระทำที่ยิ่ง (อภิกรรม) คือ การกระทำที่สร้างชีวิตให้เจริญขึ้น โดยเน้นที่จิต เพราะพุทธเน้น การพัฒนามนุษย์ที่จิตให้เจริญเหนือคำว่า "ปุถุชน" เพื่อเดินทางไปสู่ "อริยบุคคล" ซึ่งก็เกิดมาจากการกระทำหรือกรรมที่เราแสดงออกตามปกติทั่วไปในแต่ละวัน ซึ่งพุทธเน้นการฝึกฝนการกระทำทางจิตละเอียดขึ้นไปอีกคือ การฝึกปฏิบัติ ให้ยิ่งกว่าปกติ ที่มนุษย์ทำได้ยาก เช่น ฝึกแบบสมาธิ วิปัสสนา ละโลก ปล่อยวาง อยู่เป็นปกติแต่รู้เท่าทันการกระทำของ กาย วาจา และใจ ทุกกระเบียดวินาที อย่างนี้เรียกว่า การทำกรรมเพื่อเป็นอริยบุคคล เพราะเราต้องอาศัยกาย ใจ เป็นเครื่องมือในการสร้างให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งคือ "อริยภาวะ" หากทำอย่างเข้มข้น ภายใน ๗ ปี ย่อมเกิดทางจิตแน่เทียว ปัญหาคือ ยากที่ปุถุชนจะทำได้ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยอยู่มากมายในยุคปัจจุบัน

ส่วนความหมายที่บอกว่า "กรรมติดตัว" ไปสู่ปรภพนั้น ที่จริงเป็นสำนวนหรือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อในทางศาสนาประมาณนั้น ต้องการให้คนมองเห็นผลใหญ่ แต่ใครจะรู้ละว่า เมื่อตายแล้วจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก หวังน้ำบ่อหน้า หวังลมๆ แล้งครับ ในส่วนตัวเชื่อว่า "กรรม" (การกระทำ) ที่แสดงในชาติมนุษย์ย่อมมีพลังมากกว่าทั้งสิ้น เนื่องจากว่า มนุษย์ปัจจุบันไม่อยากไปแบบอดีตสาวก ในครั้งพุทธกาล ไร้อุดมคติเรื่องการดำรงชีวิตแบบสิ้นอัตตาถาวร เหมือนแต่ก่อน ตรงกันข้าม กลับหวังชาติหน้า หวังเกิดอีก ซึ่งไม่มีใครรู้แน่ชัดดอกว่า จะเป็นอย่างไร มีเพียงคัมภีร์ ตำรา ความเชื่อของคนโบราณกล่าวไว้เท่านั้น แต่หลานพันปีแล้ว ยังไม่มีใครยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ ทางที่สมเหตุสมผลอย่างสัตบุรุษกล่าวคือ ทำชาตินี้ให้สิ้น ชาติหน้าก็หมด จุดนี้เป็นปัญหาใหญ่ของชาวพุทธนะครับ (หากสงสัยจะขออธิบายภายหลัง หากขอมา) ดังนั้น ยืนยันว่า กรรม คือ การกระทำให้สิ้นชาตินี้คือ "อภิกรรม" หรือ "อริยบุคคล"

พี่ของพี่ (คนบ้านไกล) กล่าวถูกต้องครับ เพราะชาติที่เรารู้ดี และพิสูจน์ได้ด้วยจิตของตนคือ การกระทำด้วยการมีพยานกายรับรองครับ หากตายไป ไร้กายที่จะสร้างกรรม ครับ มีแต่รับผลกรรมในปัจจุบันที่สร้างไว้ ซึ่งเราก็ไม่รู้แน่ชัดว่า จะเป็นอย่างไร พูดง่ายๆ คือ เราไม่รู้ ไม่เห็น เชื่อแต่บรรพบุรุษบอกไว้ และกำชับว่า ทำบุญให้ด้วย! ดังนั้น หากอยากไปชาติหน้าที่ดี พิสูจน์ชาตินี้สิครับ รับรอง คุณไม่ได้ชาติไหนแน่นอน เพราะชีพคุณสิ้นสุดในชาติที่เป็น อริยบุคคลชั้น อรหันต์แล้ว ไงละครับ สาธุๆๆ (แจงซะจะให้ไปนิพพานเลย)

ในเมื่อมนุษย์ทุกคน เสพสรรพสิ่งจากการสร้างของพระเจ้ามาช้านาน กาอนมีวรรณกรรมอินเดียที่เยี่ยมยอดใดใด มากล่าวยกเลิกผู้มีพระคุณสูงสุดต่อมวลมนุษยชาติที่สร้างและมอบออกซิเจน มอบชั้นบรรยากาศที่เดินได้ไม่ลอยหลุดพ้นจากโลก จากการพึ่งพาพระเจ้ามาก่อนหน้านั้นเลย

กรรมที่จิตหรือไม่ล่ะ ที่ยิตติดเนรคุณ จน สามารถสั่งจริตได้ด้วยว่า สร้างวรรณกรรมใหม่ที่เนรคุณได้กันเถิด ยุยงจริต ที่ปาก ให้กล่าวปฎิเสธปิดกั้น (ทั้งๆที่ยังเสพอยู่)ว่า ผู้มีพระคุณนั้นไม่มีหรอก มันคือเรื่องงมงาย ไร้สาระเท่านั้น นั่นแหละที่มนุษย์ผู้พบเห็นผล ทราบเหตุ วิเคราะห์ปัจจัยแล้วว่า ท่านอาจพลาด ไปก่อร่างสร้างรูปบัญชีที่เสียหายให้กับพ่อแม่ตนเองได้ เพราะพ่อแม่คือ ผู้เหนือปกครองของลูกตามการใกล้ชิดของสายเลือด (DNA) อยู่ไงล่ะ ฉะนั้นหากจิต หรือจริตของลูก สามารถเนรคุณต่อผู้ให้ออกซิเจนต่อพระพุทธเจ้า และ พ่อแม่ของเขาหายใจได้ล่ะก็.... บัญชีพ่อแม่นั่นเอง ที่เสียหายพร้อมผู้เป็นลูกนั้นไปด้วยกันเลย

และ มีหลักฐาน บวกพยานล้นโลก ที่มิใช่วรรณกรรมที่เยี่ยมยอดของอินเดีย ที่ใครนำมาประกอบการอธิบายนั้นเลยว่า มนุษย์จะต้องมีวันสอบสวน โดยผู้พิพากษที่ยุติธรรมสูงสุด เป็นผู้เดียวกันนั้น ที่สร้างมนุษย์ และ สร้างสิ่งเสพ สิ่งค้ำจุน จรรโลงมนุษย์ มายาวนาน หลักฐานที่เป็นเอกสารนั้นก็มีอายุเก่าแก่มากกว่า6500 ปี(ก่อนวรรณกรรมที่พระเจ้าอโศกมหาราชจะเรียบเรียงให้เราอ่านอีกเป็น4000ปีกระมัง) และยังมีการย้ำเตือนยืนยันในความถูกต้องในเอกสาร อัพเดท เมื่อ 1400 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง เพื่อเป็นสิ่งปัจจุบัน ที่พระพุทธเจ้าเน้นย้ำว่า ให้พี่น้องมนุษย์อยู่กับปัจจุบัน ตักเตือนมิให้โบราณ ฉะนั้นเอกสารนี้ เป็นทางการ ทำลายไม่ได้เพราะเป็นต้นแห่งตำราแพทย์ ไม่มีการสอดใส่สิ่งใดเข้ามาแบบที่พระเจ้าอโศกมหาราช ทำกับวัจนะของพระพุทธเจ้า และไม่มีสอ่งใดที่ไร้สาระจนมนุษย์ถอดออก หรือ สร้างกุสโลบายให้ตามๆไปก่อนแบบวรรณกรรม นี่แหละที่มนุษย์สามารถเรียกว่า "คัมภีร์" ได้อย่างเต็มจิตและจริต (มิใช่ฝึกจิตมาสั่งจริตให้เนรคุณ ปิดกั้นผู้มีพระคุณ)

กรรม ตาม คุณค่าที่ผู้สร้าง และ มอบวลีนี้ ให้กับมนุษยชาติ คือ บัญชีสองบัญชีของตนที่ตนรักษาให้มีผลบวกในเวลาที่ตรงกันของการกระทำ ทั้งภายในและภายนอก(บวกตรงกันคือ ดี อย่างเป็นมาตรฐานสากล จับต้องได้ คำนวนได้ ไม่คาดเดาพยากรณ์) และ อีกสี่บัญชี คือ ของพ่อแม่ที่เรารักษามั่นให้บวก (กตัญญู) และ หากเรารักใคร เราก็เพิ่มการดูแลรักษา อีกสองบัญชีของเขาควบสี่บัญชีของพ่อแม่เขา(standard of Love ) นี่แหละที่คัมภีร์ให้คุณค่าตั้งสามประการ คือ ดี กตัญญู และ ความรัก

อยากทราบแผนผังในเรื่องนี้ PM address เอาไว้ซิ แล้วจะส่งให้

ขอพรจากเจ้าของพร ให้ทุกๆท่านมี สันติสุข และ สันติธรรม

เมื่อเพียง1400 กว่าปีที่ผ่านมา มีการประกาศชื่อศาสนา อย่างเป็นทางการ จากท่านหนึ่งที่ชื่อ มูฮัมมัด (ซึ่งมีชื่อเดียวเท่านั้น ที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ผู้ประกาศมีชีวิตตอนประกาศ และ ยังอยู่ตรวจสอบความถูกต้องบองคัมภีร์ที่ชื่อ อัล-กุรอาน ด้วยตนเอง อีกนานกว่าจะจากไป) เป็นชื่อของปรัชญาเดียวที่มีชื่อกำกับ มีทางนำที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่สระตัวเดียวมา1400 กว่าปี หลักฐานนี้ มั่นคง ไม่เคยมีใครแก้ไขได้ (กัลยาณมิตร ที่ไม่เคยแปรไปตามกระแสสังคมใดใดมาถึง1400 กว่าปี)

วันนี้ ไม่มีรูปร่วมเคารพของท่านมูฮัมมัด(มหัศจรรย์มากที่ เพียง1400 กว่าปี หารูปท่านไม่ได้เลย อัลลอฮ์ จัดการเก็บหมด เพราะแน่นอน น่าจะมีจิตรกร วาดไว้บ้างนะ แต่ไม่พบเลยในโลก)

น่าจะลองศึกษากัลยาณมิตร ที่ท่านตรวจสอบความถูกต้องกันบ้างนะ เพราะในนั้น ไม่มี 5 needs ที่มาสโลว์กล่าวเลย การแนะนำว่ามนุษย์ควรดำเนินชีวิตอย่างไร ที่มาจากผู้สร้างมนุษย์เองน่ะ น่าอ่าน น่าศึกษานะค่ะ. หากจิตจะlearn ก็เริ่มเรียนกันได้เลย ใช้อิถิบาท4 ใช้อินทรีย์5 ก็ใช้เถิด ใช้เรียนในความจริงน่ะใช้เลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท