ผู้เขียนได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมอบรม “ศาสตร์และศิลปะแห่งการโค้ช (Leadership Coaching Program)” ณ ห้องประชุมกวี ทังสบุตร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ในฐานะกรรมการการจัดการความรู้ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จาก อ.จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร (อ.เอก) ซึ่งได้รับการทาบทามผ่านทาง พี่อุบล จ๋วงพานิช ทำให้มีโอกาสได้ฟังเรื่องยากนี้ อย่างง่ายๆ ในช่วงเวลาอันสั้น เพียง 1 วัน ด้วยศักยภาพสูงของผู้บรรยายที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคนิคการถ่ายทอดที่ดีเยี่ยม
ประเด็นสำคัญเชิงทฤษฎีหลายเรื่องได้ถูกกลั่นกรองและนำมาเรียบเรียงในเอกสารแจก ส่วนทักษะสำคัญถูกนำมาฝึกให้เข้าใจตนเอง ความแตกต่างของคน เพื่อสามารถเป็น facilitator ที่ดี
...
ผู้เขียนนำเรื่องที่ได้เรียนรู้ มาเล่าและแบ่งปันโดยจัดกิจกรรมช่วงเช้าของวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556 ให้กับน้องๆ วิสัญญีพยาบาล ณ ห้องบรรยายสรรชัย ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มข. ซึ่งกลุ่มวิสัญญีพยาบาล มข.มีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิและประสบการณ์ การลดช่องว่างระหว่างกันก็เพื่อให้ทีมสามารถร่วมงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้เขียนนำสาระที่เกี่ยวข้องจากสไลด์ของอาจารย์ มาเป็นกรอบ เชื่อมโยงกิจกรรมให้เหมาะสมกับเวลาที่มีจำกัดราว 40 นาที ซึ่งได้บรรยากาศและอารมณ์สนุกดีมาก
หัวข้อ “ฝึกการเรียนรู้ตนเอง”
โดย
1) กล่าวนำให้เห็นความจำเป็นและความสำคัญที่ต้องเรียนรู้จักตนเองเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
2) “วิเคราะห์ธาตุทั้งสี่ในตัวเรา” ดิน น้ำ ลม ไฟ จากนั้นถอดรหัสธาตุทั้ง 4 และหรือเปรียบเทียบเข้ากับสัตว์ 4 ประเภท ได้แก่ กระทิง (ธาตุไฟ) อินทรีย์ (ธาตุลม) คุณหนู (ธาตุน้ำ) และคุณหมี (ธาตุดิน)
3) ผู้เขียนให้น้องๆ ทำแบบประเมินตนเอง ว่าเป็นประเภทใด
4) จัดกลุ่มใหม่ให้แบ่งกลุ่มประเภทเดียวกัน อยู่ด้วยกัน
5) ต่อมาให้สงบนิ่ง มีสมาธิ และนึกถึงความสุขสมัยเด็ก ใช้เวลาราว 2-3 นาที
6) จับคู่ฟังเรื่องเล่า โดยจัดประสบการณ์ ที่ทั้งผู้ฟังไม่สนใจฟังและสนใจฟังเรื่องเล่า ที่ให้ความรู้สึกต่างกัน
ผลการวิเคราะห์ พบว่า น้องๆ ของผู้เขียนมีครบ 4 ประเภท เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ คุณหนู (ธาตุน้ำ)คุณหมี (ธาตุดิน)อินทรีย์ (ธาตุลม) และกระทิง (ธาตุไฟ) เป็นตัวอย่างรูปธรรมที่แสดงให้เห็นว่าพวกเราเองก็มีความต่างกันโดยพื้นฐาน
การทำความเข้าใจและยอมรับในความต่างระหว่างกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมคนทำงาน มนุษย์มิใช่แผ่นจิ๊กซอที่จะต่อกันเป็นภาพได้แนบสนิท ที่ว่างระหว่างกันจึงควรมีบ้างเพื่อให้แต่ละคนไม่อึดอัดจนเกินไป
การที่แต่ละคนก้าวจากพื้นที่ความเป็นตัวตนของตนเองออกมาอยู่ในพื้นที่ ที่เรียกว่า Balance Area (BA) ทำให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
ขอขอบคุณ อ.จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร และฝ่ายทรัพยากรบุคคล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ทำให้ผู้เขียนได้รับประสบการณ์จนเกิดการเรียนรู้ที่ดี นำมาซึ่งการเลียนรู้... สู่การเรียนรู้ในองค์กรของผู้เขียน ผู้เขียนเห็นน้องๆ มีความสุขในกิจกรรมแล้ว ก็ให้สุขตามไปด้วย
ขอบคุณค่ะ
...
ขอขอบพระคุณ อ.จตุพร วิศิษฐ์โชติอังกูร ที่กล่าวในขณะเข้าอบรมว่า “ความรู้มีไว้แจกจ่ายครับ” ที่เป็นที่มาของการนำสไลด์นำเสนอของอาจารย์สู่ชุมชนค่ะ
ไม่มีความเห็น