บันทึก ๑๙ ตอนนี้ มาจากการตีความหนังสือ Teaching Kids to Be Good People : Progressive Parenting for the 21st Century เขียนโดย Annie Fox, M.Ed.
ตอนที่ ๑๓นี้ ตีความจากบทที่ ๖ How Do You Think That Makes Him/Her Feel? Stretching Young Minds and Hearts to Empathize โดยที่ในบทที่ ๖มี ๔ ตอน ในบันทึกที่ ๑๒ได้ตีความตอนที่ ๑และ ๒ ในบันทึกที่ ๑๓นี้จะเป็นการตีความตอนที่ ๓ และ ๔
ทั้งบทที่ ๖ ของหนังสือ เป็นเรื่องการฝึกลูก/ศิษย์ ให้รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น (empathize) ไม่ดำเนินตามวัฒนธรรมโหดร้ายทารุณ ที่กำลังครองโลกอยู่ในปัจจุบัน ให้คนรุ่นใหม่กล้าออกมาต่อต้านวัฒนธรรมชั่วร้ายนี้ โดยฝึกลูก/ศิษย์ ให้เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ในตอนที่ ๓ เบื้องลึกของการสื่อสาร ผู้เขียนบอกว่าในถ้อยคำที่คนสื่อสารออกมา มีส่วนที่อยู่เบื้องลึกหรือเบื้องหลัง (meta-message) ด้วยเสมอ แม้แต่คนกับสุนัขเลี้ยง ก็มีการสื่อสารเบื้องลึก (meta-conversation) ต่อกัน โดยที่ต่างก็ไม่รู้ภาษาของกันและกัน
ผู้เขียนอ้างถึงคำคมของปราชญ์ท่านหนึ่งว่า “คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด คนจะลืมสิ่งที่คุณทำ แต่คนจะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำให้เขารู้สึก” ดังนั้น การสื่อสารที่ได้ผลคือ ต้องกระทบใจผู้ที่เราสื่อสารด้วย นี่คือข้อเตือนใจเรื่องวิธีสอนลูก/ศิษย์ ให้เป็นคนดี
เด็กที่จะเติบโตเป็นคนดี ต้องได้รับการฝึกฝนทักษะในการดำรงความสัมพันธ์ระยะยาวกับคนอื่น
คำถามของเด็กอายุ ๑๑ ขวบ “ผมจะทำอย่างไรดี ผมถูกเพื่อนแกล้ง แต่ก็ไม่อยากทำให้เพื่อนเสียใจ”
คำตอบของผู้เขียน “เธอโดนเพื่อนแกล้ง และรู้สึกเดือดร้อน แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นมาแสดงว่าไม่ชอบถูกกลั่นแกล้ง เป็นการส่งสัญญาณที่ผิดไปยังเพื่อนว่า ที่เพื่อนทำนั้นเธอชอบ และให้เพื่อนทำต่อไป คำแนะนำคือ เธอต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเธอเอง ดังนั้นเธอต้องส่งสัญญาณไปยังเพื่อนว่า ‘ฉันเป็นคนที่ควรได้รับความเคารพหรือเกรงใจ’ สัญญาณนี้อาจได้ผล หรืออาจไม่ได้ผล แต่มันก็ช่วยบอกว่า เมื่อเขาทำไม่ดีต่อเธอ เธอไม่พอใจ
เธอบอกว่าเธอรู้สึกเดือดร้อน แต่ก็ไม่อยากทำให้เพื่อนเดือดร้อนโดยการบอกให้เขาหยุดกลั่นแกล้ง ฉันเข้าใจ เพราะเขาอาจหาว่าเธอเป็นเหตุให้ความเป็นเพื่อนสั่นคลอน หรือการบอกอาจได้ผลก็ได้ แต่ถ้าเฉยก็แน่นอนว่าเขาจะแกล้งอีกต่อไปเรื่อยๆ เพราะฉนั้น หากเรากล้าที่จะลุกขึ้นมาบอก ทั้งเรื่องที่ตัวเราเองไม่พอใจ หรือช่วยบอกแทนเพื่อน เรากำลังหาทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”
ผมคิดว่า เรื่องแบบนี้ หากพ่อแม่/ครู เป็นที่ปรึกษาให้เด็กได้ และมีโอกาสพูดคุยกันโดยตรง การสื่อสารสองทางจะช่วยให้ ครู/พ่อแม่ ทำหน้าที่ โค้ช ฝึกการสื่อสารที่มีความหมายเบื้องลึก (meta-message) ถูกต้องไปยังเพื่อนได้
ในตอนที่ ๔ สื่อสารอย่างตั้งใจ ๑๐๐% แนะนำพ่อแม่ให้หาเวลาพูดคุยกับลูกอย่างตั้งใจจริงๆ อย่างสม่ำเสมอ มีการสบตา ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหลาย เพราะจะเป็นการฝึกลูกให้มีทักษะ “ฟังอย่างลึก” (deep listening) และทักษะการสื่อสารอย่างแสดงความเคารพ หรือให้ความสำคัญอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นเครื่องมือสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนอื่น
ผู้เขียนแนะนำให้ในครอบครัวชวนกันประเมินคุณภาพของการสื่อสารพูดคุยกันภายในครอบครัว และแนะนำว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะมีงานยุ่งเพียงใดก็ตาม ต้องจัดเวลาสำหรับการพูดคุยอย่างมีคุณภาพกับลูก เพราะนี่คือการเรียนรู้ปลูกฝังความเป็นคนดีของลูก
คำถามของสาว ๑๖ “เพื่อนชายของหนูบอกเลิกมาทางอินเทอร์เน็ต หนูปวดใจมาก ที่เขาไม่แคร์ความรู้สึกของหนูเลย เขาบอกว่าเราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างเพียงพอ และไม่เคยเชื่อมใจกันอย่างจริงจัง เรามีกิจกรรมยุ่งทั้งสองคน เขาไม่ยอมต่อรองเลย หนูพยายามเจรจา แต่เขาไม่คุยด้วยและหันไปเล่นเกมกับเพื่อน ส่วนที่ยากที่สุดคือหนูยังอยากเป็นแฟนของเขา หนูควรทำอย่างไร การที่หนูพยายามง้อเขาเป็นสิ่งที่มีค่าควรทำหรือไม่”
คำตอบของผู้เขียน “ฉันเข้าใจความยากลำบากในการสื่อสารของเธอ คนเราเมื่อมีเรื่องสำคัญเราจะคุยกันแบบพบหน้า มีจักษุสัมผัส สังเกตน้ำเสียง ภาษาท่าทาง และอ่านสีหน้าซึ่งกันและกัน ในการสื่อสารผ่านระบบไซเบอร์ เราไม่มีการสื่อสารแบบ non-verbal เลย การที่เพื่อนชายบอกเรื่องนี้ผ่าน อินเทอร์เน็ต ไม่หาทางคุยกันสองคน แสดงความไม่เคารพให้เกียรติและเห็นอกเห็นใจเธอ การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ต้องเลือกคนที่มีค่านิยมตรงกัน เนื่องจากการสื่อสารกันอย่างเคาระเห็นอกเห็นใจและให้เกียรติกันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอ ต่อไปเมื่อเธอมีเพื่อนชายคนใหม่ (เชื่อขนมกินได้เลยว่าเธอต้องมีแน่ๆ) จงเลือกคนที่คิดแบบเดียวกัน
เพื่อนคนนี้ไม่เหมาะกับเธอ จงลืมเขาเสีย ทำใจให้ได้ เดินต่อไปในอนาคตที่ดีกว่านี้”
ผม AAR กับตนเองว่า การสื่อสารที่ดี เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นคนดี มีความเคารพเห็นอกเห็นใจคนอื่น การสื่อสารที่ดีที่สุดนั้น เป็นการสัมผัสกันระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ สัมผัสเข้าไปถึงเบื้องลึกของจิตใจ พ่อแม่/ครู ต้องฝึกลูก/ศิษย์ ให้มีทักษะนี้
วิจารณ์ พานิช
๘ เม.ย. ๕๖
ความหนังสือ Teaching Kids to Be Good People ....ขอบคุณท่าน อาจารย์มากๆค่ะ
I'd consider as a part of human development to become empathy (พยายามเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น) and more understanding of not just other humans but other things around. If we can see from a tree's point of view; if we can see from termites' point of view; if we can see from a wall's equilibrium... We can see better and react better to angers greed, drug and alcohol,...