สลัดผักคุณเปิ้ล


กิตติยาณีย์/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

ชีวิตทรหดของหญิงแกร่ง อุไรรัตน์ ไชยจิตร

สู้จนน้ำตาร่วงกว่าจะมาเป็นเถ้าแก่ร้านสลัดผักคุณเปิ้ล

 

ต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้เธอสู้จริงๆ ในช่วงของการทำข่าวหลายปีที่ผ่านมาเราพบว่าชีวิตเธอคนนี้รันทดที่สุด แต่เธอก็สู้ไม่ถอย และกล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เรากำลังพูดถึง คุณอุไรรัตน์ ไชยจิตร  หรือพี่เปิ้ล เจ้าของร้าน สลัดคุณเปิ้ลที่วันนี้เธอขายสลัดที่มีรายได้วันละ9,000-10,000 บาท ซึ่งเท่ากับรายได้ทั้งเดือนของนักศึกษาจบใหม่ หรือพนักงานประจำที่เดียว

        ชีวิตต้องสู้อย่างไรน่าสนใจ  พี่เปิ้ลเล่าว่าตนเองเป็นคนสุพรรณบุรี  มีพี่น้องด้วยกัน 9 คน ตนเองเป็นคนโต ตอนที่เรียนหนังสือจบชั้นป. 7  คุณแม่เสียชีวิต ส่วนคุณพ่อไม่ได้พูดถึง น้องคนเล็กยังแบเบาะ ตอนที่แม่เสียชีวิตน้องคนเล็กหิวนมร้องให้จนปากเบี้ยวไปเลย คุณเปิ้ลบอกว่าตอนนั้นน้องร้องก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็พาน้องไปขอกินนมคนข้างบ้านที่เขามีลูก และทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กเพื่อเลี้ยงน้องจนสามารถมีชีวิตรอดมาได้ทั้ง 9 คน

        พี่เปิ้ลเล่าอีกว่า ในช่วงที่ทำงานก็เปิดร้านที่ห้างไดอาน่าหาดใหญ่เปิดร้านขายผัดไทย หอยทอด ข้าวต้มกุย เปิดพร้อมกัน  3 ล็อกเลย มีลูกน้อง 3 คน หลังจากเปิดได้สักพักลูกน้องขอเปิดเงินเดือนล่วงหน้า ก็ให้ไป ปรากฏว่าให้ไปแล้วลูกน้องก็ทยอยหายไปที่ละคนก็ต้องเลิก

        หลังจากนั้นก็กลับบ้านไปเปิดร้านนวดฝ่าเท้าที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็เป็นเจ้าแรกเปิดนวดฝ่าเท้า  ลงทุนไปหลายแสนบาทแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลิก

กลับมาหาดใหญ่อีกครั้ง ก็มาเปิดเป็นร้านนวดเปิดอยู่หน้ามูลนิธิท่งเซียงเซียงตึ้ง ทำได้สัก 2 ปี เราเป็นเจ้าของร้าน  แต่ก็มีปัญหา คือตอนนั้นร้านนวดเปิดกันจำนวนมาก หาหมอมานวดไม่ได้ก็ต้องปิด

        พี่เปิ้ลบอกว่าในช่วงที่ปิดร้านนวดนี่ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่วิกฤติที่สุดในชีวิต เพราะตอนนั้นเงินที่ลงทุนก็หมด ตัดสินใจเปิดเป็นนวดเดลิเวอรี่ให้บริการตามบ้าน  พี่เป็นหมอนวดด้วยตนเอง  ปรากฏว่าก็มีลูกค้าสนใจโทรเรียกให้ไปนวดที่บ้าน แต่ก็ต้องเลือกเหมือนกัน เพราะลูกค้าที่เรียกไป เราก็ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยไหม ขณะเดียวกันลูกค้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเรานั้นเป็น 18 มงกุฎด้วยหรือเปล่า ดังนั้นก็จะบริการกันเฉพาะลูกค้าประจำ ซึ่งก็ทำให้มีปัญหาว่าวันหนึ่งเราได้ลูกค้า 1 คน คิดแค่ 199 บาท ต่อครั้ง กว่าลูกค้ารายเก่าจะกลับมาใช้บริการอีกก็เป็นอาทิตย์ทำให้ไม่มีเงินเช่าบ้าน ไม่มีเงินผ่อนรถ

        พี่เปิ้ลบอกว่าตอนนั้นน้ำตาร่วง รถกระบะที่เคยซื้อไว้ค้างเขา 3 งวดไฟแนนซ์จะมายึดรถอยู่แล้ว ก็ต้องผัดผ่อนเขาไป มันเหมือนหัวใจจะขาด คือเราสู้แล้ว แต่โอกาสไม่มีให้เรา

แต่ก็กัดฟันสู้ คือคนเขายอมรับว่าเรานั้นยอดนักสู้แล้ว 

        ในช่วงที่ทุกอย่างแย่ มีวันหนึ่งก็ไปรับประทานอาหารบ้านเพื่อน คุณแม่เพื่อนนั้นเก่งเรื่องการทำน้ำสลัด ก็บอกว่าคุณแม่อยากจะเรียนวิธีทำสลัด บังเอิญว่าวันนั้นคุณแม่กำลังปั่นสลัดอยู่พอดี เราก็จับปากกากับกระดาษเข้าไป

        หลังจากวันนั้นก็ฝึกทำสลัด หิ้วสลัดใส่ตะกร้าขายไปสถานที่ต่างๆ ก็เดินขายไปเรื่อย จนกระทั่งคนรู้จักก็ตัดสินใจไปเปิดร้านขายที่ใกล้กับแมนชั่นถนนปุณกัณฑ์ ลงทุนครั้งแรก 2,700บาท ขายวันแรกได้เงินมา 1,700 บาท แต่ของที่เตรียมมาก็หมดเหมือนกัน

        พี่เปิ้ลบอกว่าขายจนขาดทุนไป300,000 บาทในเวลาประมาณ 8 เดือน ก็ถอดใจ ไปพักที่อยุธยาหนึ่ง ก็ไปขายสลัดที่โรงงานแถวอยุธยา เราไม่เคยทำ และอาจจะเราไม่มีประสบการณ์ พี่เปิ้ลบอกว่าขายสลัดผัก ขายดี แต่สิ้นเดือนนับเงินที่เหลืออย่างมากก็ 4,000 บาท

        เราทำสลัดมา 27 อย่างลูกค้าอยากได้อะไรเราก็ตักหมดทุกอย่าง กำไรมันก็ไม่เหลือ เงินเหลือเดือน 4,000บาท แทบทุกเดือนเป็นอย่างนี้เป็นปี เพราะเขาขายแพ็คหนึ่ง 25-35 บาท ก็อยู่ไม่ได้

        กลับหาดใหญ่อีกครั้งจำได้ว่าปี 2553  เพราะเราขายสลัดตรงนี้มา 3 ปีแล้ว มาครั้งแรกก็ที่ตลาดใหม่ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามเขาใจดีให้มานั่งขาย  เราก็หิ้วตะกร้ามา ทำสลัดมา 18 แพ๊ค น้ำสลัดมา 20 กระปุกก็ขายหมด คนเริ่มรู้จัก 3 เดือนต่อมาเพิ่มเป็น 50 แพ็ค ผ่านไป 1 ลูกค้ารู้จักพี่ก็เอาโต๊ะ 4 ตัวมาวางขวางหน้าร้านอาเอียขายก๋วยเตี๋เยว ด้วยความเกรงใจว่าลูกค้าเราเพิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

        ก็ย้ายมาขอเช่าขายหน้าร้านมาริโอ้ แต่ลูกค้าก็มาก ก็เลยต้องย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบัน ทุกวันนี้ขายวันละ 160-190 แพ็ค ก็ลองคูณกันดู พี่เปิ้ลขายแพ็คละ 60- 100บาท

        พี่เปิ้ลบอกว่าทุกวันนี้ไม่ได้คิดทำอะไรที่ใหญ่กว่านี้ และคิดว่าจะขายสลัดด้วยตนเอง ทำแค่ตัวเองไปไหว ไม่อยากจะต้องจ้างลูกน้องให้วุ่นวายใจ และน้องหน้าตาที่น่ารักที่ช่วยอยู่ทีร้านพี่เปิ้ลบอกว่าเป็นหลานสาว ที่มาช่วยช่วงปิดเรียน ก็ทำให้เบาใจได้ระดับหนึ่ง

        ทุกวันนี้ตื่นตี 10 เตรียมผักเองทุกอย่าง ซื้อสดทุกวัน ข้าวโพดก็สั่งมาที่ละมากๆ ไปเลือกที่ตลาดสดด้วยตนเอง ส่วนผักสดก็เลือกซื้อในพื้นที่ มีบ้างชนิดสั่งตรงมาจากโครงการหลวง โดยพวงมากับของซิสเล่อร์ ซึ่งเขาสั่งเยอะเราสั่งน้อยก็มากับเขาไม่เช่นนั้นเราก็จะสู้เรื่องค่าเครื่องบินไม่ไหว

        ในส่วนของจุดเด่นของที่ร้านพี่เปิ้ลบอกว่าอยู่ที่น้ำสลัดที่มีให้ลูกค้าเลือกประมาณ 20 ชนิด และที่ร้านจะแตกต่างจากที่อื่นนั้นคือน้ำสลัดมาจากผลไม้ทั้งหมด นอกจากนี้พี่เปิ้ลบอกว่าด้วยคนใต้นั้นชอบกินเผ็ด พี่เปิ้ลก็เลยประยุกต์น้ำสลัดต้มยำซึ่งปรากฎว่าถูกปากลูกค้าในกลุ่มผู้ชายที่ไม่ค่อยชอบทานน้ำสลัดทั่วไปที่ค่อนข้างเลี่ยน

        เรายืนคุยกับพี่เปิ้ลนานร่วม 2 ชั่วโมง พี่เปิ้ลคุยกับลูกค้าเสร็จก็หันมาคุยกับเรา  ทำให้เราว่าลูกค้าเข้ามาในร้านพี่เปิ้ลไม่ได้ขาดสาย พี่เปิ้ลบอกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าเก่าที่รักสุขภาพ

        ก่อนจะจากกันเราได้ถามพี่เปิ้ลว่าสำหรับคนที่อยากมีอาชีพสามารถมาติดต่อขอเรียนได้หรือไม่ พี่เปิ้ลบอกว่าทุกวันนี้นอกจากขายเองแล้ว ก็ยังเปิดสอนด้วย ค่าคอร์สทำน้ำสลัด 50,000 บาท  ก็ได้สอนไปเยอะแล้ว มีร้านสลัดในหาดใหญ่หลายเจ้าที่เป็นลูกศิษย์  รวมทั้งต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นที่สุราษฎร์ธานี ปัตตานี สตูล นราธิวาส  หรือแม้กระทั่งคนไทยที่ไปเปิดร้านในมาเลเซีย

        แต่ปัจจุบันก็เลือกคนสอนแล้วเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาเมื่อเรียนจบไปแล้วหลายคนก็ไปแตกลูกแตกหลาน ซึ่งเราเองสอนแบบไม่ปิดบัง ก็กลายมาเป็นคู่แข่งกระทบเหมือนกัน เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งเมื่อได้รับประทานสลัดที่สรชาดเหมือนกันก็จะไม่เดินทางมาที่ร้านเขาอีก

        เอ้าเป็นว่าใครสนใจก็ลองติดต่อ 085-3782906 คุยสายตรงกันเองก็แล้วกัน

หมายเลขบันทึก: 554576เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 08:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 08:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

..... น่าทานมากๆเลยค่ะ ชอบทานมากๆค่ะ สลัดมีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ เขียนมาอีกนะคะ รออ่านค่ะ

-สวัสดีครับ..

-น่ากินมาก ๆ ๆ ๆครับ..

-ชอบจัง..สลัด..

-ขอบคุณครับ


น่ากินมากค่ะ ถ้าอยู่ใกล้ ๆจะไปอุดหนุนทุกวันเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท