วันอาทิตย์แห่งการเรียนรู้


วันอาทิตย์แห่งการเรียนรู้

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2556

                เมื่อนาฬิกาดังเตือนบอกเวลาก็ ลุกไปปลุกเด็ก ๆ เด็ก ๆ เก่งมากการตื่นนอนตอนตีสี่ ไม่เป็นปัญหากับเด็ก ๆ เลย

ยิ่งพอมาถึงศาลา 4 แม่ครูพาทำโยคะ หนูแยกไปทำอาหาร วันนี้ตั้งใจว่า “ทำตำแจ่วลวกผัก ไข่ตุ๋น หมูกะหล่ำน้ำมันหอย” ถ้ามีเวลาก็จะทำผัดคะน้า

ใจก็คิดถึงเด็ก ๆ อยากทำข้าวผัด แต่ทราบเมนูตอนเที่ยงว่าเป็นข้าวผัด เลยคิดว่า เดี๋ยวจะเอิอม ก็ยอมรับกับตนเองว่าทำอาหารแบบพอทานได้แค่ไม่กี่อย่าง ค่อย ๆ ลองไป

                นี่คือสิ่งที่คิดมากับตนเอง เมื่อคืนคิดไว้หลายเมนู ทั้งต้มจืด แต่พอจะลงมือทำก็ต้องตัดช้อยออก

แม่ทิพย์มาเช้ากว่าทุกวัน นึ่งข้าวเหนียวสุกไปบ้างแล้ว และกำลังทอดน่องไก่ ที่ป้าตึ๋งเตรียมไว้ ยายน้องมีมี่ก็มาร่วมด้วย ในครัวเป็นบรรยากาศคนละไม้คนละมือ ยายน้องมีมี แกะกระเทียมคั่วพริกแบบใช้เตาถ่ายหอมฉุย หั่นผัก แล้วแม่ทิพย์ก็มาช่วยลวกผัก หลังทอดไก่เสร็จ มีเตาแก๊สสองเตา

                ประมาณใกล้ ๆหกโมง เด็กสวดมนต์เสียงเงียบลง เหลือเมนูผัดคะน้า ซึ่งแม่ทิพย์กับยายน้องมีมี แม่มี

ใจหนูถึงขั้นสบายไม่ คำตอบคือ ไม่ค่ะ เป็นการทำงานแบบใช้ความคิด อาการคล้ายยกใจขึ้นมากกว่าความเป็นจริงเลยไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ พอแม่ครูมอบให้พาเด็ก ๆ สวดอิติปิโส เข้าในธรรมชาติของเด็ก ๆ ก็คิดว่า “ทำยังไงที่จะช่วยกระตุ้น”

พอใกล้ ๆ จะครบประมาณรอบที่ 30 พักประมาณ 5 นาที ครานี้ทุกคนสวดอย่างมุ่งมั่น แต่แล้วก็ได้เวลาใส่บาตร สวดยังเหลืออีก 1 รอบ ใจตอนนั้นก็ลุ้นเจ้าค่ะ เสียงสวดที่ตั้งใจของเด็ก ๆ ทำให้รู้สึกขนลุกได้เลย ครูเมตตาดึงศักยภาพเด็ก ๆ ออกมาได้ เพราะเมื่อเขาตั้งใจ ความนิ่งก็บังเกิดเป็นพลัง ที่ยิ่งใหญ่ แค่นั่งอยู่ด้วยรู้สึกได้จนขนลุกเป็น “ปีติ”

                เด็กตามพี่ ๆ สังกะลีไปใส่บาตร หนูไปหยิบผ้าปิดบาตร ใจทบทวนตามที่วางไว้ว่าใครน่าจะนั่งตรงไหน แต่พึ่งเดินถึงวางตะกร้าเด็ก ๆ ใส่บาตรเรียบร้อย เสียงข้างในดัง

เฮ้ย เอาไงดีหล่ะเนี๊ย ตัดสินใจเดินกลับพร้อมเด็ก ๆ ทุกคนพร้อมใจสวดอิติปิโสให้ครบ เสียงแจ้ว ๆ ทรงพลัง

พอครบสาธุ พักได้ เด็ก ๆก็ดีใจ จนรู้สึกยิ้มไปกะเขาด้วย

ขณะกำลังคิดเอาไงดี หน้าที่ ๆ รับผิดชอบเรายังไม่เสร็จ มองไปมองมา ครูเดินมาพอดี สาธุในความเมตตา

ครูเรียกเด็ก ๆ รวมหนูเลี่ยงไปจัดที่นั่ง วันนี่ทราบเพียงคร่าว ๆ ว่าแม่ชีไม่อยู่ แต่ก็เลือกที่จะเดินเข้าไปสำรวมถาม ปรากฏว่า มีแม่ขาวมาภาวนาท่านหนึ่ง ตอนแรกท่านก็ว่า จะนั่งรวมกับเด็ก ๆ เป็นครูมาก่อนดูเด็ก ช่วยได้สบาย แต่สุดท้ายท่านก็เปลี่ยนใจ เด็ก ๆ นั่งที่ลานธรรม วันนี้มีพระอาจารย์อยู่องค์เดียว

                เด็ก ๆ นิ่งมาก ๆ กับการรับอาหาร ดˆเหมือนบททดสอบอีกอย่างคือ กระติกน้ำ หนูหน่ะคิดได้ช้า แทนที่จะตัดให้เด็ก ๆ แล้วก็ส่งแก้วเอา เพราะตอนที่บวชสามเณรก็เห็นทำเป็นตัวอย่าง ผ่านไปแล้วก็ได้เพียงทบทวนแล้วยอมรับข้อบกพร่องค่ะ

                แม้ใจนี้ไม่ถึงขนาดนิ่งเย็น แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลัง ของแม่ครูและเด็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ในระหว่างการรับข้าว

ระหว่างเก็บเสื่อครูเดินมาชี้ว่า “ทำไมจัดถ้วยให้ไม่ครบ เห็นหลายครั้ง”

ตอนฟังใจก็ยังตอบสนองเหมือนเดิม แล้วก็กลับมาย้อนคิดกับตนเอง หนูไปติดที่แค่คำพูด แต่ไม่ได้เช็คที่สารที่ท่านเมตตาสื่อ หากเปิดความรู้สึกมาสัมผัส ก็น่าจะพอรับรู้ได้อยู่ วันนี้หนูบกพร่องหลายเรื่องมาก ๆ แต่ก็ยอมรับกับตนเองว่า “คึกคักดี”

ถ้วยครูไม่ครบ โอวัลตินไม่ได้ชง ผ้าเด็ก ๆ วางไม่ครบดีที่น้อง ๆ ถามแล้วก็ได้ส่งให้

สรุปว่า ณ ลานธรรมเต็มสิบให้ตนเองได้แค่หก เพราะใจก็ยังไม่นิ่ง ตรงนี้สำคัญ ตัดคะแนนความกระวนกระวาย

ภาพที่น้องเชอร์รี่นั่งทานข้าวข้าง ๆ แม่ครู แบบรู้สึกเหมือนอยู่เป็นเพื่อนกัน ทำให้ใจหนูที่กระด้างนิ่มลง รู้สึกถึงคำว่า

“น่ารักจัง”

พอทุกอย่างเสร็จ เข้าไปถามครูเพราะรู้สึกไม่แน่ใจว่า มีสิ่งที่ครูมอบหมายให้ฝึกฝนเพิ่มเติมเป็นภารกิจไหม

ครูก็ชี้ให้ว่า “ข้างในเรียบร้อยรึยัง” นึกขึ้นได้ว่า ห้องที่ตนเองพักไม่ได้เก็บเต้นมุ้งเพราะคิดว่า ถ้ามีเวลาจะชุนเพิ่มเติม และยังไม่ได้สำรวจห้องกระจก”

เข้าไปเก็บเรียบร้อยแล้วก็ถือโอกาสอาบน้ำ

ครูให้โอกาสฝึกอีกเรื่องการไปซื้อเค้กให้เด็ก ๆ ออกจากวัดสิบโมงครึ่ง ให้เด็กทานทันตอนเที่ยง

ให้เวลากับตนเองหนึ่งชั่วโมง เพราะขับปกติก็จะใช้เวลาไปกลับชั่วโมงหนึ่ง ถ้าทำเวลาน่าจะดีกว่านั้น นึกย้อนทวนร้านเค้กที่รู้จักมี 2 ร้าน ทบทวนถึงว่า ราคาน่าจะประมาณเท่าไหร่ ที่ประหยัด น่ากินและอร่อย เป็นปัจจัยที่ดีดขึ้นมากับตนเองแล้วก็ขับไปแล้วก็ท่องพุทโธอยู่ในใจ

 

ครูโทรเข้าแต่หนูรับไม่ทัน โทรกลับครูไม่ได้รับสาย คิดว่า “น่าจะมีการปรับแผนแล้ว”

ประมาณหนึ่งชั่วโมงพอดี ถึงว่าพอใช้ได้ ใจไม่หนักนัก สบาย ๆ ได้คิดด้วยว่า ในหัวเกิดเส้นทางการได้มาซึ่งเค้กหลายทางมาก ๆ แล้วมันก็เลือกตัดออกตามปัจจัยที่คิดว่าเป็นข้อจำกัด แล้วก็ได้เป็นเค้กมา

เสร็จเรื่องเค๊กครูเมตตาให้มาช่วยป้าตึ่งจัดอาหาร

เด็ก ๆ ทานน่าอร่อยมาก ใจก็อยากทานแต่ก็อดเอา

บ่าย ๆ ครูให้พาน้องฟี่ไปทำแผลที่ รพ.สต. พาครีมไปส่ง และให้ทุ่งเอาของส่วนเกินกลับบ้าน

เด็กทั้งสามคนคุยกันจ้อย ๆ อย่างคนคุ้นเคย ได้แวะบ้านทุ่ง เป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติมาก ๆ

กลับมาถึงวัด ครูให้ภูมิมาบอกว่า “ให้ไปเรียนนวด”

เจอครูปู ที่อยู่ รพ.กุดชุมมาสอน เป็นอะไรที่ ได้ความรู้ จากที่เคยเงอะ ๆ งะ ครูพักรักจำ เขานวดเรา เราลองเอาไปนวดคนอื่น ครานี้ก็เหมือนได้มาไล่เรียงท่า ได้นวดให้แม่มีด้วย รู้สึกเป็นโอกาสได้บุญ

พอได้เวลา ลาพระอาจารย์และครู พาเด็กไปส่งกลับบ้าน

ช่วงนี้หนูเลือกกลับขอนแก่น

ประเมินกับตนเอง อาทิตย์นี้เต็มสิบน่าจะได้สักห้า เพราะปริ่ม ๆ จะไม่รอดค่ะ ถ้าไม่เพราะครูให้โอกาสก็ร่วง

ขนาดกลับมาถึงบ้าน เคลียรสถานที่ เดินจงกรมเสร็จก็หลับ พึ่งได้มาเขียนบันทึกตอนเช้า ก็ข้อผิดพลาดเดิม ๆ ที่ไม่ฝึกไม่ฝืน

แต่ก็อย่ามัวไปจมกับความงี่เง่า เก่า ๆ ไปข้างหน้า อย่าให้ กิเลสมันทำลายซ้ำก็เท่านั้น

คำสำคัญ (Tags): #aar#km#ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 553106เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2013 06:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2013 06:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท