จากที่ฉันได้เขียนความหมายของ โรงเรียนพ่อแม่ อ่านได้จากที่นี่...โรงเรียนพ่อแม่... แล้วนั้น...ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของพ่อเพรียงเจ้าฟ้าคราม...ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ในฐานะที่ฉันเป็นย่าและมีลมหายใจอยู่...ฉันก็ยังต้องการเห็นลูก ๆ หลาน ๆ ของฉันมีความสุขต่อการใช้ชีวิต และไม่หลงทางกับการใช้ชีวิตอีกด้วย...ฉันทำทุกวิธีที่จะให้ลูก ๆ หลาน ๆ ของฉันมีความสุข ๆ ที่เราพึงจะมีและจะเป็นได้ด้วยตัวของเราเอง...ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น...ทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง...เพราะฉันถูกสอนมาว่า..."ให้พึ่งตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้...อย่าทำให้คนอื่นเดือนร้อน" นี่คือ การที่ฉันถูกสอนมาแบบนี้...
ฉันจึงอยากเห็นลูก ๆ หลาน ๆ ของฉันเป็นแบบฉัน...เราต้องพึ่งพาตนเองให้ได้...ฉันจึงต้องอยู่ใกล้ชิดพวกเขาให้มากที่สุด เพราะคำพูดหรือการกระทำของฉันจะได้ทำและปฏิบัติให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้ดูเป็นตัวอย่าง...ยามใดที่ฉันมีเวลาว่าง ฉันจะนำ "ฟ้าคราม" มาอยู่กับฉันด้วย เพราะฉันเลี้ยงเขามาตั้งแต่แบเบาะ...จนบัดนี้ "ฟ้าคราม" รู้เรื่องมากขึ้น พูดเป็นประโยคได้มากขึ้น...ต่อว่าคนเก่งขึ้น...พูดแต่ละคำ "ฟ้าคราม" มีความคิดผิดกับเด็กวัย ๒ ขวบกว่า ๆ...หนูมีความคิดที่ฉลาด ๆ พูด ฉลาดถาม...อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวหนูเองก็ได้ ที่ทำให้หนูเป็นเช่นนี้...
เท่าที่ย่าสังเกตดูหนูฟ้าคราม...หนูจะเด็กที่ทั้ง EQ และ IQ ดีมาก ๆ สำหรับ IQ ถ้าจะให้รู้แบบชัด ๆ...คงต้องรอดูในตอนโตขึ้นกว่านี้...หนูฉลาดที่จะโต้ตอบคนอื่นได้อย่างทันท่วงที...แต่สำหรับ EQ ย่าว่า หนูดีมาก ๆ ดูเหมือนว่าจะมาทางย่าอย่างเห็นได้ชัด...เพราะส่วนที่เหมือน นั่นคือ...เราจะไม่ค่อยหน้าเศร้าหรือบึ้ง...ย่ากับหนูจะเหมือนกัน คือ "ยิ้ม" ตลอด นี่คือ EQ ที่ตัวย่ากับตัวหนูมีคล้าย ๆ กัน...EQ จะดีได้นั้น นั่นคือ การแสดงออกถึงข้างในว่า "จิตใจ" ของเรานั้นเป็นอย่างไร?...
วันนี้ (๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) ก็อีกเช่นเคยที่ย่าพาหนูฟ้าครามมาที่ทำงานกับย่าในวันเสาร์ วันที่ไม่มีการประชุมสภามหาวิทยาลัย...เพียงแค่ย่าชวนหนู ๆ ก็ไม่ปฏิเสธต่อย่า...รับปากทันทีว่า "ไปด้วย"...บางคนถามว่า..."ทำไมฟ้าครามติดย่าล่ะ?" ฉันก็ได้แต่ยิ้ม...ใจก็นึกว่า...อ้าว!!! ก็ตอนเด็ก ๆ ฉันเลี้ยงฟ้าครามอยู่กับอกของฉันตลอด เวลาจะนอนก็เอาแนบอกกัน มันคงสื่อถึงกันมั้ง คริ ๆ ๆ...
ย่าก็จะพยายามสอนหนูไป เท่าที่ย่าจะทำได้ วันนี้ก็เช่นกันย่าอธิบายให้หนูฟ้าคราม ฟังว่า...จวนจะถึงเวลาที่หนูต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก...หนูต้องเข้าเรียน ๆ ให้ได้อย่างลุงภัคร เพราะหนูยังเป็นเด็ก มีเวลา มีโอกาส ฯลฯ...มากมายที่ฉันได้สอนฟ้าคราม ดูท่าทางหนูก็ตอบว่า "จ๊ะ" เหมือนกับเข้าใจตามคำที่ย่าบอกหนู...นี่คือ โรงเรียนพ่อแม่ ที่น่าจะเป็นช่วงปลายชีวิตของฉันแล้วกระมัง...ที่ฉันยังโชคดี ที่ยังมีเวลาได้สอนบทเรียนชีวิตให้กับลูกหลานของฉัน เพื่อให้เขาดูเป็นตัวอย่างแล้วนำไปสอนลูก หลานของพวกเขาเองอีกต่อไป...
นี่คือ...ภาพความสุขระหว่างเราสองคน "ย่า + ฟ้าคราม" ณ วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖...
มีเรื่องที่ไม่ลับจะบอกน้อง ดร.ขจิตคร้า...
"ฟ้าคราม" กินกล้วยตาก...ไม่อยากบอกน้อง ดร.ขจิต ว่า...ตอนแรกพี่ตั้งใจซื้อกล้วยตาก...อร่อยมากจะนำไปฝากให้น้อง ดร.ขจิต ทาน...แพ็คใส่ถุงอย่างดิบดี...แต่กลัวมดจะขึ้นถ้าขืนวางไว้บนโต๊ะในบ้าน...เพราะฝนตก มดเยอะมาก ๆ ในบ้าน...พี่เก็บไปไว้ในรถยนต์...คริ ๆ ๆ...สุดท้าย...พี่บุษ...ลืมคร้า...ไม่ได้เปิดรถยนต์เอาของฝากไปให้ ดร.ขจิต...ต้องไปซื้อที่ร้านขายของฝากใหม่...ตามที่ ดร.ขจิตเห็นนั่นแหล่ะค่ะ...สุดท้าย!!! กล้วยตากที่ "นู๋ฟ้าคราม" กินอยู่ คือ ของฝากของน้อง ดร.ขจิต...คร้า...คริ ๆ ๆ ขอโทษด้วยจร้า...ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้เลย...น้อง ๆ ในกอง บอกว่า "พี่บุษเป็นเอามากแล้วนะ" อิอิ...
ขอบคุณแผ่นฟีล์มแห่งความสุขค่ะ
น่ารักทั้งคุณย่าและฟ้าครามนะคะ
เห็นความสุขของย่าหลานแล้วครับ
ยิ่งใหญ่มาก...
หลานน่ารักมากค่ะ
ขอบคุณมากๆๆครับพี่
ฟ้าครามแย่งลุงขจิต กินกล้วยตาก 555
ขอบคุณค่ะ คุณ + คุณพิชัย + คุณ มนัสดา + ดร.ขจิต
ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจากทุก ๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณ คุณย่าบุษยมาศ สำหรับบันทึกดีๆ ที่ส่งร่วมรายการเรื่องเล่าระหว่างปิดเทอม ขอเวลากรรมการพิจารณาหน่อยนะครับ
ขอบคุณค่ะ คุณจันทร์ยิ้ม :)…
เป็นคู่ย่าหลานที่น่ารักมากเลยค่ะ
ขอนำไปแชร์เป็นตัวอย่างนะคะ
ยินดีค่ะ น้อง ann
คุณย่าน่ารักมากๆ ค่ะยังสาวอยู่เลย เป็นบุญของน้องฟ้าครามที่มีคุณย่าใจดี เห็นความสำคัญของการเรียนรู้