ดวงประทีปแห่งเเรงบันดาลใจ ๘


"เสียงที่ดีให้เราเก็บไว้ในความทรงจำ ส่วนเสียงที่ไม่ดีให้เราลองคิดดูก่อนว่าความไม่ดีนั้นใช่หรือไม่ เเต่จะไม่เก็บไปคิดมากในเรื่องราวนั้นๆ จนตกอยู่ในหลุมพรางของความรู้สึกที่จมอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของตนเอง"

พลังใจที่ได้ยิน

 

 

        ผลพวงเเห่งสัญญาณที่เเผ่ซ่านเข้ามาดังเเว่วๆอยู่ในความรู้สึกนึกคิด   สะท้อนให้มองเห็นภาพผ่าน "โสตวิญญาณ" เสียงที่ดังขึ้นเร้าอารมณ์เเล้วความรู้สึกให้ตื่นตัวขณะเดียวกันเสียงที่เบาลงให้ความรู้สึกอ่อนโยนตามเสียงที่ตนได้มองเห็นภาพ โสตวิญญาณ เป็นสิ่งที่น่าค้นหาอย่างนุ่มลึก การโคจรมาบรรจบกันระหว่าง คลื่นที่ส่งออกมาให้มากระทบกับเครื่องแปรเสียงที่ชวนให้หลงไหลเเละคล้อยตามเกิดกลายเป็นลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวตน สัญญาณเสียงที่ส่งออกมาสามารถทำให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำเเละสัญาณเสียงที่ส่งออกมาสามารถทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เพราะเพียง "โสตวิญญาณ" ที่เป็นการรับรู้ผ่านทางการได้ยินให้เราสามารถรู้สึกนึกคิดได้ตามอัตภาพที่ตนสามารถมองเห็นอย่างเข้าใจจึงคล้อยตาม

        การรับรู้ผ่านทางการได้ยินสามารถทำให้เรารู้สึกนึกคิดให้คล้อยตาม ทั้งนี้เพราะการได้ยินนั้นสามารถทำให้เรามองเห็นภาพได้อย่างกระจ่างใจ อาทิ ได้ยินเสียงระฆัง เราสามารถรู้ได้ว่านั่นคือเสียงระฆัง   ได้ยินเสียงเเม่ เราสามารถรับรู้ได้ว่านั่นคือเสียงเเม่ของเรา   ได้ยินเสียงคนรักเราสามารถรับรู้ได้ว่านั่นคือเสียงคนรักของเรา ซึ่งทั้งนี้เป็นการมองเห็นภาพที่ฝังอยู่ในเเก่นของความทรงจำของเราทุกๆคน "เมื่อเราได้ยินเสียงเเม่ของเราเองเรารู้สึกอย่างไร" ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกภูมิใจในการกระทำของตนเองที่ได้ทำดีเเล้วส่วนอีกหลายๆคนจะเศร้าใจในการกระทำของตนเองที่ยังทำไม่ดี   อยากย้อนเวลากลับไปเพื่อเเก้ไขในสิ่งที่พลาดพลั้ง  "เมื่อเราได้ยินเสียงคนที่เรารักเเล้วเรารู้สึกอย่างไร" ซึ่งอีกหลายๆคนจะรู้สึกผูกพันอย่างยิ่งในความรักของตนเอง รักใครสักคน รักลูก รักพี่น้อง หรือรักสิ่งใดใดของความทรงจำของตน คนปกติจะสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากเเต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มี "โสตวิญญาณ" เช่นเดียวกันเเต่เขาไม่สามารถมองเห็นภาพเหมือนที่เรามองเห็นได้ คือ ผู้พิการทางสายตา เคยสงสัยไหมว่าผู้พิการทางสายตาสามารถได้เห็นภาพอย่างที่เราได้เห็นภาพหรือไม่  เเต่เขาอาจใช้การสำผัสเเล้วจินตนาการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เเต่เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่เขาสามารถรับรู้เราได้ผ่านทางการได้ยิน เเละการจดจำเสียงที่ได้ยิน เเต่ถึงกระนั้นเองเขาก็สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข   คนปกติเราเมื่อได้ยินเสียงที่เราไม่อยากได้ยินได้ฟังจะรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาถนัดเเต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ "อัตตา" ของเราเเต่ละคนเเต่เมื่อพอได้ยินเสียงที่ตนอยากได้ยินกลับมีความสุขในเสียงนั้น  เเต่เมื่อเราได้ยินสิ่งใดนั้นให้เราลองคิดดูเพียงสักครู่สองครู่ทั้งนี้เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เรา "หูหนัก" ขึ้นโดยไม่เชื่อสิ่งใดไปอย่างง่ายดาย ให้ลองคิดดูเสียก่อนว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร "ใช่หรือไม่"  หลายกลุ่มเข้าใจผิดกันเพราะเสียงที่ตนเข้าใจผิดเพียงเพราะไม่ได้คิดก่อนเมื่อได้ยินจนทำให้เกิดกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตตามให้ให้เรายุ่งยากอีกมากมายเพียงเพราะ "การฟัง" ถ้าในการฟังครั้งใดใดเรารู้สึกดีให้ฟังสิ่งนั้นต่อไปเพราะความรู้สึกดีนี้สามารถทำให้เรามีเเรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆได้ เเต่ถ้าการฟังครั้งใดใดที่เรารู้สึกไม่ดีให้เราลองคิดดูอีกทีว่าความไม่ดีนั้นใช่หรือไม่   คำติชมนั้นใช่หรือไม่  "มีเพื่อนเขาบอกว่าเราควรปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้" ใช่หรือไม่ เเต่เราจะไม่เข้าข้างตนเองเราจะเป็นกลางในการกระทำนั้นๆที่ทำไป  เพื่อนเป็นเสียงที่ดีให้เราได้ปรับปรุงตนเองเเต่เสียงที่ดีนั้นใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่เราควรลองคิดอยู่เป็นประจำในการดำเนินชีวิต  เสียงที่เราได้ยินเเล้วเรารู้สึกดีเสียงนั้นเป็นเสียงอะไรเเละอย่างไร เมื่อเราได้ยินเสียงนั้นเเล้วสามารถทำให้เรามีความสุขขึ้นมาได้จากการจมกับความรู้สึกในห้วงของความไม่เป็นตัวตน ให้เราฟังต่อไป  ฟังให้เป็นกำลังใจให้เราได้พูด  ให้เราได้คิด  ให้เราได้ทำ  อาจเป็นเพลงของศิลปินที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวที่เมื่อได้ฟังเมื่อไรมีกำลังใจทุกครั้งไป  อาจเป็นเสียงของเพื่อนสนิทที่เราได้พูดคุยกับเขาทีไรเราจะสบายใจทุกครั้งไป   อาจเป็นเสียงของคนที่เรารักที่ได้ยินเสียงได้พูดคุยกับเขาทีไรเราสามารถมีกำลังใจที่เข้มเเข็งขึ้นมาได้ทุกครั้งไป..ซึ่งเสียงที่เราได้ยินเสียงที่เราได้ฟังจากคนที่เรารัก  คนที่เราพูดคุยด้วยเเล้วเราสะบายใจ  คนที่เราได้พูดเคุยเเล้วมีความสุข  ได้ยินเสียงเพลงของเขาเเล้วเรามีความสุข ให้เก็บเสียงนี้ไว้ในความทรงจำของเราเองเพื่อย้ำเตือนกำลังใจให้เราได้ดำเนินชีวิตต่อไป อาจจดจำประโยคเพียงสั้นๆจากคนที่เรารักว่า "สู้ๆ" ในหลายๆคนอาจมีกำลังใจที่เข้มเเข็งเพียงเพราะคำาง่ายๆหรือคำที่เป็นตัวจุดประกายให้เรามีพลังใจจากการฟังเเล้วเก็บมายังความทรงจำของตนเอง  เสียงใดใดหรือคำพูดใดใดที่เราไม่สบายใจให้เราอย่าเก็บไว้เเต่จงระบายให้มันออกไปผ่านทางการพูด หรือการเขียนต่างๆนานา อย่าเก็บไปคิดมากในคำพูดหรือการกระทำนั้นๆที่ไม่ดีเพราะอาจทำให้เราอยู่ในหลุมของความรู้สึกที่ไร้ความเป็นตัวตนได้..เมื่อฟังเเล้วดีให้เก็บ..เมื่อฟังเเล้วไม่ดีให้คิดก่อนว่าจะเก็บหรือไม่อย่างไร..

         เมื่อการได้ฟังสิ่งใดใดไปนั้น "เสียงที่ดีให้เราเก็บไว้ในความทรงจำ ส่วนเสียงที่ไม่ดีให้เราลองคิดดูก่อนว่าความไม่ดีนั้นใช่หรือไม่  เเต่จะไม่เก็บไปคิดมากในเรื่องราวนั้นๆ จนตกอยู่ในหลุมพรางของความรู้สึกที่จมอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เสียงของคนที่เรารักให้เก็บไว้เพื่อเป็นเเรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆในบรรลุผลไปได้ด้วยดี  "โสตวิญญาณ" เหมือนกระจกเงาที่สามารถสะท้อนเราได้ ๒ ด้านทั้งด้านดีเเละด้านเสีย เเต่จงเลือกสะท้อนด้านดีนี้ให้มาเป็นกำลังใจให้เราได้คิด  ให้เราได้พูด  ให้เราได้ทำต่อไปโดยใช้ โสตวิญญาณ ... 

หมายเลขบันทึก: 552293เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2013 07:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2013 07:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เมื่อเรารู้จักฟัง เราจึงได้ยินเสียงพิณบรรเลง

กาลเวลาที่มอบให้กับลมหายใจอย่างมีสติจะนำพาเราไปสู่สุนทรีย์ภาพของการฟัง

และเมื่อเราพบแล้วจงหมั่นเข้าไปให้ถึงดินแดนแห่งความสงบ เบิกบาน

และนำกลับมามาฝากทุกสรรพสิ่งที่เราเึคลื่อนกายไป

บทความข้างต้นอ่านเเล้ว...รู้สึกถึง "ความเงียบ" ได้เป็นอย่างดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท