Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

น้อมถวายสักการะแทบบาทพระสังฆรัตนะ แห่งคณะสงฆ์ไทย


ขอเจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนาข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก "สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๙" แห่งคณะสงฆ์ไทย ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ราชวงศ์จักรี คงสร้างความอาลัยในจิต ใจของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ซึ่งมิใช่แต่พุทธศาสนิกชนเท่านั้น.. ทั้งนี้ ด้วย พระเกียรติคุณพระบารมีคุณ ที่ทรงแผ่ไปทั่วทุกหมู่ชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเป็นที่ยอมรับใน พระเมตตา เป็น "อัปปมัญญาพรหมวิหาร" ที่ทรงฉายส่องไปทั่ว โดยมิได้เลือกที่รักมักที่ชัง มิใช่เฉพาะส่วนแห่งภพภูมิมนุษย์ แม้สัตว์ในอบายภูมิ เช่น เดรัจฉานทั้งหลาย ตลอดจนเทพยดาในสากลจักรวาล ย่อมคงเคยได้รับน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นไปด้วย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แผ่ส่งไป ยังให้เกิดประโยชน์สุขถ้วนหน้าในสัตว์ผู้มีสัมมาทิฐิจิตเป็นพื้นฐาน...

สำคัญยิ่ง ในวิถีการดำเนินชีวิตของ พระผู้เป็นสังฆรัตนะในพระพุทธศาสนา ที่แท้จริง ที่ควรกล่าวบูชาว่า "พระสุปฏิปันโน" พระองค์ได้ทรงถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ข้อวัตรปฏิบัติ อันควรแก่การยกเป็นแบบฉบับแห่งผู้ปรารถนามุ่งสู่ฐานะพระสงฆ์สาวกในพระผู้มีพระภาคเจ้า อย่างแท้จริง ไม่ว่าด้าน พระขันติธรรมที่ทรงมีความเป็นเลิศ ด้านพระวินัยและพระปัญญาที่ทรงแสดงให้เห็นในบริบทแห่งการสั่งสอนด้วยธรรมวิถีที่เกิดจากการปฏิบัติจริง...ประพฤติจริงถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย

ดังปรากฏคำสั่งสอนที่ได้ถูกเรียบเรียงจัดทำเป็นรูปเล่มหนังสือธรรมะเผยแผ่มาโดยตลอดทั้งภาคภาษาไทย... ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการสั่งสอนอบรมจิตภาวนาในแนวสติปัฏฐานสี่. ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสาย พระกัมมัฏฐาน ว่า. "พระองค์ทรงแจกแจงได้อย่างพิสดาร ลึกล้ำ แต่ไม่ลึกลับ ด้วยภาษาศาสตร์ง่ายๆ ที่อ่านแล้ว... ฟังแล้ว เข้าใจได้ไม่ยากต่อการนำไปปฏิบัติ..."

อาตมาได้มีโอกาสถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อรับกรรมฐานแนวสติปัฏฐานสี่จากพระองค์ท่านครั้งเมื่อได้รับนิมนต์เป็นองค์ แสดงธรรมปฏิบัติถวายหน้าพระที่นั่ง อันมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเป็นประธานเนื่องในงานวิสาขบูชา โลก ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๔... โดยเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งในขณะนั้น สมเด็จพระสังฆราชประทับอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ชั้นที่ ๖ โดยอาตมาได้รับประทานอนุญาตเข้าเฝ้าฯ ถวายแทบฝ่าพระบาทอย่างเป็นทางการ
ในครั้งนั้น ได้รับผ้าไตรจีวร เทียนมงคลธรรม ซึ่งประทานจากพระองค์ โดยมีโยมหมอจักรธรรม ธรรมศักดิ์ อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณ สุขพร้อมทั้งคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในงานวันวิสาขบูชาโลก มีพลเอกประดิษฐ์ บุญเกิด เป็นประธานคณะกรรมการฯ ร่วมอยู่ด้วย

จากภาพที่ทรงบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทมในห้องพักที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ในครั้งนั้น อาตมายังคงจดจำได้แม่นยำ เหมือนเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ด้วยพระพักตร์ที่ยังอิ่มเอิบสดใส แสดงถึงพระพลานามัยที่ยังสมบูรณ์
แม้จะต้องอยู่ในการถวายการดูแลของคณะแพทย์...
อาตมาจึงได้ขอประทานพระอนุญาตกระทำ สามีจิกรรมด้วยการกราบขอขมาพระมหาเถระ.. สมเด็จพระสังฆราชแห่งคณะสงฆ์ไทยแทบพระบาทคู่ ด้วยการซบศีรษะลงแนบพระ บาทคู่ของพระองค์. ดุจดังอัญเชิญพระบาทคู่ขององค์สมเด็จพระสังฆราชขึ้นประทับไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยความศรัทธาในพระสังฆปฏิปทา ของพระองค์ ที่ทรงเพียบพร้อมสมบูรณ์ด้วยความเป็นพระสุปฏิปันโน ในฐานะพระสงฆ์สาวกในพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างแท้จริง มิมีความสงสัยใดๆ ให้เกิดเป็นอกุศลจิตเลย โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงภาพครั้งสมัยที่พระองค์ทรงจาริกไปเยี่ยมเยียนพระปฏิบัติสายพระอรัญวาสี(พระป่า) พระองค์ท่านจะถวายความเคารพแด่พระอาจารย์สายพระป่าที่มีพรรษาอายุอุปสมบทมากกว่าพระองค์ท่าน ด้วยความเคารพนอบน้อม ไม่ได้ถือองค์ว่ามีสมณศักดิ์เป็นถึงสมเด็จพระราชาคณะ..
จนเป็นที่กล่าวขานยกย่องในพระจริยวัตรของพระองค์ในหมู่ครูบาอาจารย์สายพระปฏิบัติ

ในการได้รับประทานผ้าไตรจีวรในครั้ง นั้น อาตมาจึงได้อัญ เชิญไปถวายบูชาพระพุทธเมตตา ณ มหาโพธิวิหาร แห่งพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา อินเดีย เพื่อกระทำการสักการบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยผ้าไตรจีวรสำรับดังกล่าวนั้น ทั้งนี้ เพื่อจะได้น้อมถวายเป็นพระกุศลแด่องค์ประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย ขอได้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

หลังจากนั้นในปีต่อมา เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ อาตมาได้เข้าเฝ้าฯ แทบพระบาทอีกครั้ง
เพื่อน้อมถวายพระกุศลและถวายการสวดพระปริตรแด่พระองค์ ในห้องบรรทม ณ โรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และในครั้งนั้น อาตมาก็ได้ถวายขอขมากรรมแทบฝ่าพระบาทของ สมเด็จ พระสังฆราชา อีกครั้ง เพื่อกระทำความสำนึก ในฐานะที่ได้ตั้งจิตถวายเป็น ศิษย์ในพระองค์เพื่อการเรียนรู้จากคำสั่งสอนที่พระ องค์ทรงแสดงไว้ 
โดยเฉพาะในวิชาปฏิบัติ การเจริญสติปัฏฐานสี่ ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าว อาตมาได้เป็นประธานนำคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนสวดพระปริตร อธิษฐานจิตถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช โดยได้ ประทานพัดพระนามาภิไธยย่อ ญสส. ย่ามปักพระนามาภิไธยย่อ ญสส. ของพระองค์ท่าน ซึ่งปัจจุบันอาตมาเก็บรักษาไว้ที่วัดป่าพุทธพจน์ฯ

ในครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕
อาตมาได้ขอประทานอนุญาตเข้าเฝ้าฯ อีกครั้งที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ด้วยได้รับประทานพระบรมสารีริกธาตุและพระเกศาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกซึ่งทรงอนุโมทนาและประทานให้อาตมา ได้เชิญไปประดิษฐานบรรจุไว้ ณ พระเจดีย์ ปทุมรัตนเจดีย์ศรีอารยวงศ์ จ.เพชรบูรณ์ ที่ คุณหญิงนงเยาว์-อรุณ ชัยเสรี ร่วมกันสร้างถวายเพื่อเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนา และถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในการได้เข้าเฝ้าฯ ครั้งนี้ อาตมาได้ใช้โอกาสอย่างคุ้มค่าด้วยความรู้สึกในจิตใจว่า โอกาสต่อไปคงจะยากแล้วที่จะได้ถวายการบูชาคุณพระองค์ท่านอย่างนี้ ในครั้งนั้น ด้วยความกรุณาของพระเถระผู้ถวายการอุปัฏฐากในสมเด็จพระสังฆราช


จึงทำให้อาตมาได้ใช้เวลาเจริญพระพุทธมนต์ถวายอย่างเต็มที่ โดยขณะที่ถวายการสวดพระปริตรในบท โพชฌงคปริตร นั้น อาตมาได้จับปลายผ้ากาสาวพัสตร์ที่พระองค์ทรงอยู่ เพื่อถวายการบูชาจนจบการสวดพระปริตรและสิ้นสุดการตั้งจิตอธิษฐานธรรม
เพื่อขอพระองค์ทรงมีพระชนม์มากกว่า ๑๐๐ ปี ตามคำอาราธนาของโยมหมอจักรธรรม ที่อาราธนาอาตมาไว้ให้ถวายอธิษฐานจิตในกิจอันควรตามที่กล่าวมา


และในครั้งสุดท้ายนี้ อาตมา ได้มีโอกาสกราบแทบฝ่าพระบาทเป็นครั้งที่ ๓ เพื่อกระทำการถวายความเคารพด้วยอวัยวะอันสูงสุด และได้กระทำการขอขมากรรมอีกครั้งหนึ่ง เป็นครบ ๓ ครั้งสมบูรณ์ตามเจตนาที่ตั้งใจไว้

เมื่อพระองค์ท่านทรงมีพระชนม์ครบ ๑๐๐ ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ จึงนำมาสู่ความปีติยินดียิ่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยอาจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัยฯ และอาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้มีดำริมาถึงอาตมาผ่านทางชมพู่ (ดร.นิธินันท์ วิศเวศวร) รองอธิการบดี ว่า...
"มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นควรจัดงานเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ ๑๐๐ ปีของสมเด็จพระสังฆราช.."
โดยขออาราธนานิมนต์อาตมาและคณะสงฆ์วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จ.ลำพูน มาเจริญพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา นำสาธุชนปฏิบัติธรรม เพื่อน้อมถวายเป็นพระกุศลเนื่องในวโรกาสอันสำคัญดังกล่าว โดยอาตมาได้ถวายชื่องานในครั้งนี้ว่า

"สาธุการบูชา..ฉลองพระชันษาสังฆราชา ๑๐๐ ปี" ซึ่งงานดังกล่าวผ่านไปด้วยดี สมบูรณ์พร้อมทั้งการถวายสังฆทาน การตักบาตรพระสงฆ์ ๑๐๑ รูป การรับศีล ปฏิบัติธรรมอบรมจิตภาวนา

โดยมีคุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี ได้ถวายการกล่าว"มุทิตาคารวคุณ" แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ได้มีพระเมตตาแก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในช่วงเวลาไม่กี่วันสืบต่อมา หลังจากออกพรรษา (๑๙ ตุลา ๕๖) อาตมาเดินทางไปแสดงธรรมเทศนาที่ นครปูเน นครมุมไบ/อินเดีย ตามอาราธนาของศรัทธาชาวอินเดีย และได้รับทราบถึงข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราชที่เคารพยิ่ง จึงได้แต่ พิจารณาธรรมสังเวช เพื่อกระทำความสำนึกให้เข้าถึงความ จริงแท้

ดังพระนิพนธ์ของพระองค์ท่าน ที่ว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกจะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด"....

ขอถวายความเคารพแทบฝ่าพระบาทด้วยจิตคารวะยิ่ง.

อารยวังโสภิกขุ

เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย

เจริญพร

--
facebook: รวมพลังสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย
facebook: อาสาสมัคร ดรุณธรรม
https://sites.google.com/site/praparitta/
[email protected]


ปักธงธรรม หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2556
...
โดย.. พระ อ.อารยวังโส

[email protected]

หมายเลขบันทึก: 552248เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2013 17:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2013 17:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท