ข้อเขียนของ "นิ้วกลม" เกี่ยวกับ "การเขียน BLOG" ... (บันทึกนี้ ๕ ดาวสำหรับ Blogger ของ Gotoknow)


ข้อเขียนนี้เป็นข้อเขียนบทแรกในหนังสือ "Head" ของ "นิ้วกลม"

อ่านช้า ๆ คุณจะพบอะไรบางอย่างโดยเฉพาะ "การเขียน Blog"

 

 

ทำไปทำไมถ้าไม่ได้เงิน


ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเขียนไดอะรี่ มันเหมือนภาพถ่ายความคิดและความรู้สึก
วันเวลาผ่านไปไม่หวนกลับ แต่ทุกครั้งที่เราเปิดอัลบั้มภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายเก็บไว้
ความทรงจำสารพัดก็ลอยฟุ้งขึ้นตรงหน้า ผมเชื่อว่า ภาพถ่ายทุกใบไม่ใช่ภาพนิ่ง
มันเป็นภาพเคลื่อนไหว เพียงแค่มันเคลื่อนไหวอยู่ในหัวของเรา

ความเคลื่อนไหวของอดีตในปัจจุบัน

ไดอะรี่ก็เป็นเช่นนั้น

หากใครสักคนอยากถ่ายภาพความคิดหรือความรู้สึกเก็บเอาไว้
ไม่ว่ากล้องยี่ห้ออะไรก็คงทำไม่ได้ วิธีเก็บมันไว้ง่ายดายกว่านั้น
คือ บันทึกมันไว้

บันทึกไม่ยากหรอก แต่การบันทึกถี่ ๆ ต่างหากล่ะที่ยาก
ชีวิตคนเราจะมีอะไรให้เขียนทุกวันเลยหรือไง มีอะไรน่าสนใจทุกวันเลยหรือ
ถ้าไม่เขียนไดอะรี่คงตอบว่า ทุกวันก็คล้ายกัน ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่หรอก
แต่ถ้าลองได้ลงมือเขียนก็จะรู้ว่า แต่ละวันมีเรื่องสำคัญให้บันทึก

โลกคือโรงเรียน เราเจอครูทุกวัน อยู่ที่เราจะฟังคำสอนของครูหรือเปล่า

ไดอะรี่ก็เหมือนสมุดการบ้าน ดีอย่างไม่ต้องส่งใคร
จดคำสอนของครูที่มีชื่อจริงว่า "ประสบการณ์" ใส่สมุดการบ้าน
เก็บไว้อ่านเอง

แต่ผมก็เป็นนักเรียนสันหลังยาว ส่งการบ้านขาด ๆ หาย ๆ
เขียนไดอะรี่ได้ไม่กี่วันก็เลิกราไป หน้ากระดาษเปล่าที่รอบันทึกเรื่องราวไว้
เป็นความทรงจำยังคงว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น เล่มแล้วเล่มเล่า

 

กระทั่งเมื่อมีกระแสการเขียนบล็อก ผมก็เอากะเค้าด้วย การเขียนบล็อกทุกวันเป็นเรื่องสนุก
สั้นบ้าง ยาวบ้าง ไม่จริงจัง ไม่ได้ส่งบรรณาธิการที่ไหน ไม่ได้ตีพิมพ์
เหมือนเขียนใส่สมุดบันทึกตัวเอง ขณะเดียวกันก็แบ่งปันให้คนอื่นอ่านด้วย

ก็ใช่ เรื่องที่เขียนคงไม่ได้ส่วนตัวมาก (แหม ก็อายเป็นเหมือนกันนะเว้ย)
แต่มันก็เป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวันของตัวผมเองนี่แหละ อ่าน พบ ประสบ เจอ
อะไรมาก็นำมาบันทึกไว้ เพลิดเพลินดีครับ ที่เพลินกว่านั้นคือ
มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มาคุยต่อจากประเด็นที่เขียนแลกเปลี่ยนกัน
และดีใจเมื่อมีคนบอกว่าได้ประโยชน์จากมันในบางวัน หรือแค่คำสั้น ๆ ว่า "ชอบ"

นั่นอาจเป็นข้อต่างจากไดอะรี่ ความเห็นและความชอบเป็นน้ำมันชั้นดี
ที่ทำให้คนเขียนบล็อกอยากเขียน เพราะเขารู้ว่ากำลังเขียนให้คนจำนวนหนึ่งอ่าน

แม้ไม่ใช่ไดอะรี่เต็ม ๆ แต่มันก็เป็นไดอะรี่ในรูปแบบหนึ่ง

 

กระทั่งเกิดเฟซบุ๊กขึ้นมา บล็อกเริ่มหดหาย ผมเองก็เริ่มหดฮิต หันมาติดเฟซบุ๊กแทน

เฟซบุ๊กเปิดโอกาสให้คนอื่นสื่อสารสั้น ๆ ไม่กี่ตัวอักษรทางสเตตัส ถ้าจำไม่ผิด
แต่ก่อนมีการจำกัดจำนวนตัวอักษรด้วยซ้ำ อย่างที่เขาว่ากัน มันก่อให้เกิดนิสัยอ่านสั้น
เขียนสั้น เห็นอะไรยาวเฟื้อยแบบนี้ก็ขี้เกียจอ่านแล้ว

เมื่อรู้ว่าคนอยากอ่านอะไรสั้น ๆ คนเขียนก็เลยเขียนอะไรสั้น ๆ สุดท้ายก็เลยสั้นกุดจุ๊ดจู๋กันหมด

"ยาว" ไม่ได้ดีกว่า "สั้น" เสมอไป แต่นิสัยติดความสั้นนั้น อาจทำให้อดอ่านอะไรดี ๆ อีกมาก
และอดเขียนอะไรยาว ๆ ด้วย

 

ไม่นานมานี้ ผมเพิ่งกลับไปอ่านบล็อกที่เคยเขียนไว้ อ่านแล้วก็จำได้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น
รู้สึกยังไง คิดยังไงกับมัน รวมทั้งได้เห็นบรรยากาศแลกเปลี่ยนความคิดกันตอนนั้น
แล้วจึงได้คิดว่า "เออเว้ย ดีจังนะ" ก็เลยลองตั้งอกตั้งใจเขียนไดอะรี่ (เกือบ) ทุกวัน
แบบที่ทำอยู่นี้ แม้ไม่แน่ใจว่าจะทำไปได้สักกี่น้ำ เดี๋ยวอาจจะขาดส่งการบ้านอีกตามเคย
แต่เมื่อคิดแล้วก็ลองทำดูก่อน เมื่อทำแล้วก็พบว่าสนุกดี เพลิน ๆ

การเขียนลักษณะนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากการเขียนหนังสือหรือเขียนคอลัมน์อยู่เหมือนกัน
มันกดดันน้อยกว่า ตั้งใจน้อยกว่า ไม่ต้องมาเรียบเรียงอะไรมากมาย ก็แค่บันทึกไว้

สิ่งที่ได้คือความสุขระหว่างทำ

ง่าย ๆ - ทำเท่าที่อยาก

 

ผมเพิ่งอ่านหนังสือ Tao: The State and the Art ของท่านโอโช บทที่พูดถึงคุณค่าของสิ่งไร้ประโยชน์
ท่านโอโชบอกว่า

"คุณจะเป็นตัวของคุณเองอย่างแท้จริง เวลาที่คุณทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ วาดภาพ-โดยไม่คิดจะขาย
เพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น, ทำสวนเพื่อความรื่นรมย์, นอนแผ่หลาบนชายหาด, ไม่ทำอะไรเลย
แต่สนุกไปเรื่อย ๆ เป็นความสุขที่ไร้ประโยชน์ หรือกระทั่งการนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เพื่อนสนิทสักคน"


ท่านโอโชยังบอกอีกด้วยว่า "ภายในของเราจะรุ่มรวยขึ้นเมื่อเรามีความสุขกับสิ่งไร้ประโยชน์"

ผมคิดถึงกิจกรรมหลายอย่างที่เราทำในวัยเด็ก มันไม่มีมูลค่า ตีเป็นราคาหรือตัวเงินไม่ได้
ไม่มีใครจ้างให้เราทำ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเล่น ขี่จักรยาน วาดรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี เตะบอล
เล่นขายข้าวแกง ก่อปราสาททราย ฯลฯ

ไม่มีค่าจ้าง ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีเหรียญตรา ไม่ได้เลื่อนขั้น ไม่มีผลต่อโบนัส แต่มีผลต่อจิตใจ

ก็เพราะไม่มีสิ่งเหล่านั้นนั่นแหละ เลยไม่มีความคาดหวังอยู่ในนั้นเช่นกัน

เมื่อไม่คาดหวัง ก็มีความสุข

จะว่าการเขียนไดอะรี่ทำนองนี้เป็นสิ่งไร้ประโยชน์ ผมอาจพูดไม่ได้เต็มปาก
หากเราวัดคุณค่าเป็นเงิน มันอาจเท่ากับศูนย์ แต่ถ้าเรายังเชื่อว่าโลกนี้ยังมีคุณค่าชนิดอื่น
ที่ประเมินไม่ได้ด้วยตัวเลข หากแต่สัมผัสได้ด้วยใจ...

ผมคิดว่ามันไม่ไร้ประโยชน์หรอกครับ

 

..................................................................................................................................................

 

"นิ้วกลม" เล่าให้ฟังไว้ตรงกับความรู้สึกของบล็อกเกอร์มือใหม่แล้วว่า

ตอนแรก ๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาเขียน เพราะทุก ๆ วันมันก็คล้ายกันหมด

แต่หากไม่เขียนมาเรื่อย ๆ เราก็คงจะไม่รู้จัก "ประโยชน์" ที่มันมีอยู่จริง

ทุกอย่างต้องใช้เวลา แม้กระทั่งการเขียน Blog นี่แหละ

 

ไม่เขียนไม่รู้ ไม่ดูไม่เห็น

 

ว่าไหมครับ?

 

บุญรักษา บล็อกเกอร์ทุกท่านครับ ;)...

 

 

..................................................................................................................................................

ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...

นิ้วกลม (นามแฝง).  Head.  กรุงเทพฯ : Kob, ๒๕๕๖.

 

 

หมายเลขบันทึก: 552110เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2013 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม 2013 23:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

เห็นด้วยมากๆเลยครับ หลายสิ่ง หลายอย่าง หลายเรื่องราว หลายกิจกรรม เป็นดังคำของท่านwasawat “ หากเราวัดคุณค่าเป็นเงิน มันอาจเท่ากับศูนย์ แต่ถ้าเรายังเชื่อว่าโลกนี้ยังมีคุณค่าชนิดอื่น ที่ประเมินไม่ได้ด้วยตัวเลข หากแต่สัมผัสได้ด้วยใจ… ผมคิดว่ามันไม่ไร้ประโยชน์หรอกครับ” ความสุขมากมายอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน หรือถ้ามีเงินมาข้องเกี่ยวแล้วละก็ คุณค่าจะหายไป ไร้สุขพลัน

นอกจากบันทึกเรื่องราวของชีวิต เรายังสามารถบันทึกงาน ช่วยจำได้ด้วยและนำมาสรุปผลงานได้อย่างดี

ถือว่าเป็น มรดกชีวิต ของคนๆ นั้นด้วยจ๊ะ :)…

ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งใน g2k ค่ะอาจารย์

รู้ว่าจะเขียนอะไร แต่ไม่มีเวลาเขียน อิอิ

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะอาจารย์

ขอบคุณมากๆ ค่ะ บันทึกนี้โดนใจนะคะ

 

เมื่อตอนวัยเด็กคุณพ่อสอนให้หัดเขียนไดอารี่ทุกๆ วัน

ดิฉันก็ทำมาเรื่อยๆ จนเป็นนิสัยนะคะ เรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก บทกลอน ของแต่ละวัน

ไม่มีความลับ ดิฉันรู้ว่าคุณพ่อก็อ่านไดอารี่ของดิฉัน .......ก็ดีนะคะ ท่านสามารถติดตามสถานการณ์ของลูกได้ตลอดเวลา .. หากความคิดสุดโต่ง ก็จะคอยตักเตือนค่ะ

 

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นวัยทำงาน และวัยผู้ใหญ่แล้ว ......เรือ่งราว อารมณ์ ความรู้สึก และแนวคิด ก็มีหลากหลายมากขึ้น

น้องชายแนะนำให้รู้จักที่นี่ กทน. ก็เขียนมาเรื่อยๆ และปรับเปลี่ยนจากการเขียนในไดอารี่กระดาษ มาเป็นบันทึกในเว็ปแทน

กระดาษใช้บันทึกเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่ ...และ Planner ในโทรศัพท์ค่ะ

 

Bright lily ของดิฉันเป็นบันทึกที่เขียนมาจากใจล้วนๆ เมื่อติดตามย้อนหลังหลายปีที่ผ่านมา ...จะพบว่า ..นั่นคือประวัติทางความคิดของเรา เหตุการณ์ อารมณ์ ความรู้สึกในแต่ละห้วงเวลาค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากครับ ท่าน Yanyong-P ;)...

เป็นสุขง่าย ๆ ที่เราได้จริงนะครับ

เห็นด้วยกับพี่ Bright Lily ทุกประเด็นครับ ;)...

ฮาๆๆๆครูนกมองว่า...เขียนเพื่อจารึกประวัติศาสตร์ในการทำ การคิด หรือการใช้ชีวิตของเรานะคะ......สมัยโบราณเขามีหลักศิลา แต่สมัยนี้คงต้องอิงหลักสังคมออนไลน์ หรือบล็อก

ที่แท้ครูนก noktalay กำลังสลักศิลานี่เองครับ ;)...

เขียนมาเขียนไป  เขียนเล่น ๆ  ได้เยอะพอควร  มีกลับไปอ่าน  

เฮ้อ !!!  เขียนไปได้อย่างไร อิ อิ  ^_,^

น้านน พยานคนสำคัญมาแล้ว คุณหมอธิ ทพญ.ธิรัมภา นั่นเอง ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท