วันนี้ (๙ กย. ๔๙) เพื่อนเก่าสมัยเรียน ม. ๖ ที่ รร. ปานะพันธ์นัดมาหาที่บ้านและออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน วัตถุประสงค์ก็เพื่อพบและคุยกัน เพื่อนคนนี้ฐานะรวยกว่าผมเป็นสิบเท่า และมีลูกเป็นหมอ ๒ คน มีลูกเขยและลูกสะใภ้เป็นหมอด้วย รวมแล้วมีหมออยู่ ๔ คนในครอบครัว
เขาอายุมากกว่าผม ๓ ปี เรียนจบปริญญาตรีเคมีจากอินเดีย เกษียณจากตำแหน่งผู้จัดการบริษัทยามากว่า ๑๐ ปีแล้ว เวลานี้มีสวนยางอยู่หลายร้อยไร่ ที่มาก็เพื่อมาเล่าผลการศึกษาวิธีการเร่งน้ำยางโดยการอัดแก๊ส จากบริการของบริษัทที่มาเลเซีย โดยที่บริษัทมีค่าบริการติดตั้งเครื่องมือ และค่าฉีดแก๊สทุกๆ ๑๐ วัน ซึ่งจะทำให้ได้น้ำยางเพิ่มขึ้น ๒๐ - ๓๐% โดยที่พบกันคราวที่แล้วผมค้านเขาว่าตัวเลขที่บริษัทอ้างอาจไม่เป็นจริง เพราะว่าเขาคิดแบบคลุมๆ ไม่ได้คิดจากวันกรีดยางจริง
ตอนนี้เขาติดตั้งไปแล้ว ๑/๓ ของสวนยางที่เขามี ได้ตัวเลขจริงมาแล้ว ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ แต่ตอนนี้ราคายางตกจากร้อยกว่าเหลือห้าสิบกว่า การลงทุนติดตั้งระบบเร่งน้ำยางชักจะไม่ค่อยคุ้ม แต่เพื่อนคนนี้เขาเป็นกึ่งนักวิจัย กึ่งนักจัดการความรู้แบบ individual KM เขาสามารถส่งแก๊สไปตรวจทางเคมีและรู้ว่าเป็นแก๊สอะไร เขามีความรู้ทางชีววิทยาเกี่ยวกับแก๊สนั้นในพืชจากการค้นคว้าด้วยตัวเอง และสามารถคิดทำระบบอัดแก๊ส รวมทั้งหาซื้อแก๊สมาด้วยตนเองได้ ในราคาที่ถูกกว่าบริษัทที่มาบริการเขาหลายเท่า
ผมฟังเขาด้วยความตื่นเต้น ที่เขามีความสามารถปะติดปะต่อความรู้ทีละชิ้น ทีละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นความรู้ที่ใช้การได้ดี แต่คนที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องมีพื้นความรู้แน่นมาก และมีความสามารถในการค้นหาความรู้จากภายนอก รวมทั้งใช้โอกาสในการติดต่อพูดคุยกับผู้คนในการดูดซับ (capture) ความรู้ เอามาปะติดปะต่อกัน และทดลองใช้ จนใช้การได้จริง เขาย้ำว่าการได้มีโอกาสทดลอง หรือปฏิบัติ ทำให้คิดออกว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างไร และสามารถนำความรู้จากประสบการณ์ตรงไปปรับใช้กับเหตุการณ์อื่นๆ ได้อีก
เพื่อนคนนี้ไม่เคยเป็นข้าราชการ เคยแต่ทำงานบริษัทกับทำธุรกิจส่วนตัว ผมนึกในใจว่าเพื่อนคนนี้สมองดีกว่าผมหลายเท่า สามารถคิดปะติดปะต่อประยุกต์ประดิษฐ์เครื่องมือได้ แต่เรื่องแบบนี้ผมทำไม่เป็น คิดไม่ออก และการลงทุนแบบที่เพื่อนทำผมก็ทำไม่เป็น ใจไม่ถึง คือทำงานแบบต้องเสี่ยงลงทุนไม่เป็น
เพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องบ้านเมืองจากความรู้ในการเป็นเจ้าของสวนยาง ให้เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปจัดการอย่างไรเพื่อเอาประโยชน์เข้าพรรค ซึ่งมีผลทำให้ราคายางตกลงเรื่อยๆ เขามองว่าคณะกรรมการเรื่องพัฒนายางที่รัฐบาลตั้งขึ้นไม่มีน้ำยา เขาไม่ศรัทธาใน สกย. เพราะเป็นข้าราชการที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง รอแต่ให้นายหรือนักการเมืองสั่ง เขามีข้อมูลจากพื้นที่มาก เพราะต้องลงไปเดือนละ ๒ ครั้ง
ชีวิตของเขามีเวลาว่างมากกว่าผมหลายเท่า และมีรายได้มากกว่าผมหลายเท่าด้วย แต่เขาไม่รวยงานและแวดวงกิจการงานเท่าผม เพื่อนคนนี้มีอะไรๆ ต่างกับผมแบบคนละขั้วหลายอย่าง แต่เราก็คบกันได้ตลอดมา โดยที่เราเป็นเด็กบ้านนอกเหมือนกัน และรักในชีวิตที่พอเพียงเหมือนๆ กัน
วิจารณ์ พานิช
๙ กย. ๔๙
อยากให้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับ สกย.อีก ว่ามีประโยชน์มากน้อยแคใหน ควรยุบหรือไม่