วันจันทร์ที่ผ่านมาผมต้องลางานกระทันหัน ขึ้นไปอีสานที่ชุมแพเพื่อร่วมไว้อาลัยหลานชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำเป็นลูกชายของหลานสาวที่เป็นลูกสาวของพี่ทัย พี่สาวแท้ๆของผม
แม้จะเป็นหลานชายแท้ๆแต่ด้วยความที่ผมย้ายมาอยู่เมืองไกลทำให้ไม่คุ้นเคย ไม่สนิทจนจำหน้าตาของหลานคนนี้แทบไม่ได้ เคยเห็นตอนยังเล็กๆ
หลานชายชื่อเบนซ์อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น...
ผมไปถึงบ้านที่จัดงานศพ กำลังเตรียมจะนำศพไปป่าช้า โดยมีประเพณีท้องถิ่นว่าหากตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่เผาแต่จะทำพิธีฝังแทน และจะนำมาเผาเพื่อทำพิธีทำบุญหาเมื่อเวลาผ่านไปเป็นปี
ผมเห็นญาติๆหลายคนดูท่าทางเศร้าโศกจากการจากไปโดยไม่มีวันกลับของหลานชายผู้ยังอยู่ในวัยเยาว์
หลังทำพิธีทางศาสนาเสร็จ ที่วัดป่าก้นำศพเข้าหลุม ก่อนเข้าก็เปิดฝาโลงเพื่อให้ญาติๆประพรมน้ำล้างหน้าศพและดูศพเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงธรณีกรรแสง และวิทยากรที่อ่านบทกวีอันแสนเศร้า
ผมพยายามจะทำใจให้ปล่อยวาง รับรู้ถึงการจากพรากของสรรพสิ่ง มันเป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก ที่ต้อง
มีการเกิดดับเป็นอนิจจัง
ไม่ใช่เพราะการตามใจของผู้ใหญ
ไม่ใช่เพราะการคึกคะนองของเด็กๆ
.................
หลายๆคนเดินไปไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แน่นไปหมด จนคนเริ่มบางลง...
ผมเดินเข้าไปดูศพหลานชาย พรมน้ำหอมจากกิ่งใบไม้ลงบนหน้าศพ
ขณะที่พี่สาวและหลานสาวนั่งกุมเกาะข้างโลงศพ...สะอื้นให้อยู่ตลอดเวลา
...ผมเห็นพี่สาวและหลานสาวร้องให้ข้างโลงศพแล้วต้องเบือนหน้าหนี...
ไม่อาจทนยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปได้ เดินเลี่ยงๆออกมาด้านหลัง
รู้สึกมีน้ำอุ่นตรงเบ้าตาที่พร่าเลือน...
ผมไม่เข้าใจว่าตัวเองอาลัยต่อผู้จากไปหรือสงสารคนที่อยู่...
.....................
ขอแสดงความเสียใจกับพี่ทัยผู้เป็นยาย กุ้งผู้เป็นแม่
25 ตุลาคม 2556
พ.แจ่มจำรัส
-ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่าน พ.แจ่มจำรัส ด้วยนะครับ
-เหตุการณ์แบบนี้ไม่อยากให้เกิดและยากต่อการทำใจครับ
-ขอบคุณครับ
ขอแสดงความเสียกับความสูญเสียลูกของพี่สาวคุณพิชัยด้วยนะคะ...
แม้จะรู้ว่าการเกิดดับเป็นอนิจจัง แต่ก็ยากที่จะทำใจ ยิ่งเป็นการดับก่อนเวลาอันควร ยิ่งยากที่จะทำใจ ไม่ว่าจะดับจากสาเหตุใดก็ตาม มันคือการสูญเสีย…… ส่งกำลังใจให้กับครอบครัวคุณพิชัยด้วยค่ะ
ขอบคุณฏกำลังใจจากทุกท่านครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
เสียใจด้วยนะครับ
อยากเรียนรู้ครับว่า ธรรมเนียมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้ฝังก่อนแล้วค่อยเผาทีหลัง มีที่มายังไงครับ
ผมคิดว่า การจัดงานศพเป็นกระบวนการเยียวยาผู้ที่ยังอยู่เป็นอย่างดี ตามวัฒนธรรมของตนเอง เลยอยากรู้ที่มาอะครับ
ขอบคุณอาจารย์ขจิต ฝอยทองครับ
ขอบคุณคุณหมอ
ธรรมเนียมการฝังศพ ได้ถามคนเก่าแกบอกว่าน่าจะมาจากความเชื่อที่ว่าคนตายยังไม่ถึงเวลาอันควร ไม่ป่วยไม่ไข้ วิญญาณจึงยังวนเวียนอยู่กับร่างที่แน่นิ่ง จึงถือปฏิบัติกันมาตามความเชื่อนั้น
ขอบคุณครับ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วยจ้ะคุณพิชัย
จึงยังไม่รีบเผา...
ฝัง เหมือนร่างยังอยู่
เผา หมดสิ้น
ประมาณนั้นหรือครับ
เข้าใจแล้วครับ