วันนี้ก่อนจะกลับบ้าน สักประมาณ 5 โมงครึ่งแล้ว (พวกเราใช้เวลาหลังเลิกงาน ตั้งแต่ 4 โมงครึ่งไปแล้ว จัดการงานเอกสารต่างๆ) ได้เห็นพี่นุชรัตน์ พี่ปนัดดา กำลังพยายามจัดปรับเปลี่ยนตารางการทำงานของพวกเราในหน่วย เพื่อจะรองรับการทดลองใช้เครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติตัวใหม่ ในขณะที่เรายังคงมีคนทำงานในปริมาณเท่าเดิม ได้เข้าไปช่วยออกความคิดเห็นเล็กน้อย เพื่อสุดท้ายแล้วพี่นุชรัตน์จะเป็นผู้นำไปจัดการแบ่งงาน เกลี่ยให้แก่จุดต่างๆก่อนที่จะนำมาพูดคุยกันอีกครั้ง
เห็นความตั้งใจที่พี่ๆมีต่อการที่จะทำให้ได้งานออกมา ด้วยคนเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเรียกว่าจำกัดมากๆ เพราะเราทำเรื่องขอคนเพิ่ม แจกแจงงานไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีคำตอบที่ต้องการกลับมาเลย พี่นุชรัตน์เอง เพิ่งจะพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจไปเมื่อเย็นวานนี้เองว่า ไม่มีใครเห็นเลยว่า พวกเราต้องทำงานกันหนักขนาดไหน ให้ได้งานออกมารวดเร็วถูกต้อง ทันเวลาอย่างที่เป็นอยู่ เพราะงานของหน่วยเราเป็นงานที่ต้องการผลเร็วภายในเวลาที่จำกัด เราจึงต้องพยายามจัดการงานทุกอย่างที่เข้ามาให้เสร็จ ไม่ว่าจะมีคนจำกัดแค่ไหน เรียกได้ว่าที่พวกเราทำได้เสมอมานั้นเป็นเพราะเราใช้พลังทุกอย่างที่มีอยู่ ทำเกินกำลังกันอยู่เสมอในเวลาช่วงเช้า จนหมดเรี่ยวแรงกำลังกันในช่วงบ่าย ซึ่งทำให้ดูเหมือนเรามีกำลังคนเพียงพอ จึงขอคนมาเพิ่มยากเย็นไม่ได้มาสักที คนที่ทำๆกันอยู่จะหมดแรงกำลังใจกันไปเสียก่อน เรียกได้ว่าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มประเด็นนี้ ทุกคนก็แสดงความเห็นเหมือนๆกันด้วยความอ่อนล้า
เห็นใจพี่ๆและพวกเราในหน่วยทุกคนมากที่ต้องทนรับสภาพนี้กันมาหลายปีแล้ว เพราะเราไม่เคยมีคนครบเพียงพอให้ทำงานกันได้อย่างไม่เหนื่อยจนเกินไปเลย และตั้งแต่กลับมาก็ได้พยายามเป็นปากเป็นเสียงให้หน่วยจนสุดความสามารถแล้ว รวมทั้งทุ่มเททำงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบจนหมดเรี่ยวหมดแรงไปแล้วเหมือนกันค่ะ นี่ขนาดตัวเองเพิ่งกลับมาทำงานได้ไม่ถึงปี บางครั้งก็เริ่มรู้สึกท้อแท้บ้างเหมือนกัน พี่ๆเริ่มบอกให้เราเขียนสายตรงถึงคณบดีกันเถิดว่า เราจะแย่แล้วได้โปรดพิจารณาเร็วๆด้วยเถิด
แต่พอถึงเวลาทำงานจริงๆ พวกเราทุกคนก็เป็นเหมือนที่พี่นุช พี่ดาเป็น คือตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างสุดแรงเกิด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลถูกต้องและรวดเร็วเท่าที่แรงของเราจะทำกันได้ แล้วค่อยไป "ถอดใจ" เอาเมื่องานเสร็จแล้ว
ประทับใจ...แบบเนื้อย เหนื่อยค่ะ
ฮือ.. เห็นใจและเข้าใจค่ะ
บางครั้งก็รู้สึกท้อเหมือนกัน แต่เห็นคนไข้ตาดำๆ สีหน้าของความช่วยเหลือ และรอยยิ้มพึงพอใจหลังจากได้รับแล้ว ก็ช่วยปลุกปลอบจิตใจว่า ทำต่อไปก่อนเถิด พยายามต่อไปก่อนเถิด
บางทีเวลาทำงาน ก็เข้ากับสำนวนที่ว่า "ตัวตายไม่คิด" เหมือนกันเนอะ ไม่สบายก็ฝืน จนกว่าจะเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ บางทีก็โด๊ปยาลงไปไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว เพื่อประคองตัวเองให้ทำงานจนเสร็จถึงฝั่ง (ออกเวร) เพราะไม่อยากลาป่วย ไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อนในเวร เนื่องจากเรารู้..ว่าคนทำงานไม่พอ ทุกคนก็เหนื่อยกัน
คุณ k-jira คะ พวกเราชาวห้อง lab ก็เห็นใจเพื่อนพ้องชาวโรงพยาบาลกลุ่มอื่นๆเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำหน้าที่ในส่วนที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ป่วยโดยตรง เพราะแม้จะเหนื่อยอย่างไร ก็ต้องพยายามรักษาอารมณ์ รักษาจิตใจให้สามารถให้บริการอย่างมีความสุข ลำบากกว่าพวกเราเสียอีก ดูเหมือนจำนวนผู้รับบริการจะเพิ่มมากขึ้น ไม่เป็นสัดส่วนกับพวกเราผู้ให้บริการเลยนะคะ
เรื่องโพสต์ดูเหมือนจะเจอเหมือนกันค่ะ ว่าไปออกความคิดเห็นที่บันทึกนึง แต่ไปโผล่ให้เห็นเหมือนยังไม่ได้ save ที่อีกบันทึกค่ะ คนละแบบกับของคุณ k-jira