เคยรู้สึกใหมค่ะว่า ทำไมบางครั้งเราจึงรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ จนเกิดอาการเซ็ง แล้วก็พาลโทษความไม่ได้เรื่องของตนเองในหลาย ๆ เรื่อง
ความตั้งใจจริงและทุ่มเท เป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังที่จะทำให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
เคยรู้สึกใหมค่ะว่า ทำไมบางครั้งเราจึงรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ จนเกิดอาการเซ็ง แล้วก็พาลโทษความไม่ได้เรื่องของตนเองในหลาย ๆ เรื่อง ทั้ง โง่เง่า ไม่เก่ง ไม่สวย ไม่ฉลาด ไม่ขยัน และอีกสาระพัดไม่ ที่ล้วนแต่บั่นทอนจิตใจเราเหลือเกิน จริงแล้ว การเป็นคนเก่งไม่ไช่ความโชคดี หรือพันธุกรรมหรอกนะคะ แต่ขึ่นอยู่กับการฝึกฝนต่างหาก ฉันพบวิธีคิดที่ทำให้รู้สึกมีพลังใจมากขึ้นในการจัดการกับชีวิต และอยากเก็บไว้อ่านและเตือนตนเอง คือ
-
คิดในทางบวก มองโลกในแง่ดีและทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลัง "คนทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อด้อยปะปน แต่ให้คิดว่าทุกคนล้วนอยากทำดี ล้วนอยากเป็นคนดี"
-
มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเอง เพราะว่าถ้าตัวเราเองไม่มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเองแล้วจะมีใครที่ใหนมาเชื่อ
-
เรียนรู้จากความผิดพลาด ในเมื่อ "สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" จะเป็นไรไปถ้าเราทำไม่ได้ดังที่หวัง เพียงแต่ทำเต็มที่และเปิดใจให้กว้าง และยอมรับความจริง หันมาทบทวนสิ่งที่ผิดและเริ่มต้นใหม่...ให้ดีกว่าเดิม
-
ค้นหาบุคคลิกต้นแบบ แล้วศึกษาจุดเด่น แนวคิด วิธีการทำงานแล้วนำมาปรับใช้กับตนเอง ซึ่งฉันรู้สึกโชคดีมาก ๆ เพราะที่ทำงานฉันมีต้นแบบที่ดีและฉันชื่นชมหลายคน เช่น หัวหน้านพ.นิพัธ พี่โต้ง พี่นู๋ทิม เป็นต้น
-
"เอาใจเขา มาใส่ใจเรา" ถนุถนอมมิตรภาพเก่าที่มี และสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ คงไม่มีใครอยู่ได้โดยปราศจากเพื่อน แม้จะวุ่นวายกับชีวิตแค่ใหนก็ควรมีเวลาให้กับเพื่อน เช่น ทานข้าวด้วยกัน โทรหา ส่งการ์ดวันเกิด ส่งการ์ดปีใหม่ เป็นต้น
ถ้าคิด และทำได้แบบนี้เราจะรู้สึกสบายใจขึ้น มีพลังในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข