เด็กในยุคนี้คงจะไม่รู้จัก พลเอก สนั่น เศวตเศรนี ชาวน่านในอดีต ถึงแก่กรรม วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๔ แนะนำให้รู้จักสังเขปจากความทรงจำข้าพเจ้ากันก่อน มารดาท่่านเป็นคนบ้านน้ำล้อม ส่วนบิดาท่านเป็นทหารที่ถูกส่งมาประจำการ ในวันเด็กราวอายุ ๗-๘ ปี โดยที่ก่อนหน้าบิดาท่านย้ายกลับเมืองกรุง มารดาท่านไม่ย้ายติดตาม บิดาท่านได้ส่งคนมารับท่านเพื่อนำท่านไปรับการศึกษาที่กรุงเทพฯ ท่านจะไม่ไปได้หลบหนีไปบ้านหาดผาขน จนพลบค่ำกลับมาประสาเด็กจึงมีการนำตัวท่านไปกรุงเทพฯ ระหว่างอยู่กรุงเทพฯ ท่านเล่าว่า เหงามากคิดถึงเมืองน่านบ้านเกิด แต่จำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนตามลำดับชั้นจนสำเร็จจาก รร.นายร้อย จปร.รุ่นที่ ๒ เข้ารับราชการทหารไต่เต้าตามลำดับ
ท่านเล่าว่า มีวันหนึ่งมีโอกาสสนทนากับท่านชาติชาย ชุณหวัณ จากที่กลับสงครามเวียดนานทำนองว่า เมื่อไหร่เราจะรบกับคอมมิวนิสต์ให้ชนะกันได้ ในเวลาต่อมาผู้บังคับบัญชา คือพลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ เรียกเข้าพบว่า สนใจงานกิจการพลเรือนหรือไม่ ท่านตอบรับจึงได้รับมอบหมายงานกิจการพลเรือนตั้งแต่นั้นมา ในช่วงหนึ่งของชีวิต พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ถูกส่งไปปฎิบัติงานในเขมร ส่วนที่ส่งตัวไปทำงานในลาว เป็นภารกิจที่ไปสนับสนุนให้ความรู้แก่กองกำลังประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยในช่วงนั้น มีความคิดแบ่งฝ่ายซ้าย-ขวา มีการต่อต้านการดำรงอยู่ของฐานทัพอเมริกา นักศึกษา กรรมชน ต่อการประชาธิปไตย ท่านยังคงอยู่ศึกษากิจกรรมพลเรือนเพื่อความมั่นคงประเทศ ผลงานเป็นที่ไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา มีโครงการอีสานเขียวในพื้นที่อีสาน ท่านได้เข้าไปมีส่วนร่วม จึงเกิดแนวคิดว่า น่าจะนำมาใช้ในบ้านเกิด จึงคิดคำพูด " น่านแห้ง น่านแล้ว น่านทิ้งถิ่น " ทำงานร่วมกับชาวน่านในกรุงเทพ และปริมณฑล รวมทั้งที่จังหวัดน่านในนาม ชมรมชาวน่าน ต่อมาจัดทะเบียนเป็น สมาคมชาวน่าน ผนวกรวมประกอบส่วนกับสมาคมชาวเหนือ
ในช่วงเวลาต่อมา เพื่อนนายพล ๕ คนลาออกจากราชการ มาตั้งพรรคความหวังใหม่ โดยมีพลเอกชวลิตฯ เป็นหัวหน้าพรรค นอกจากทำงานส่วนกลางท่านมาเปิดสาขาพรรคที่น่าน โดยใช้บ้านเจ้านิรมิตร สิริสุขะ อยู่เยื้องสี่แยกไปรษณีย์น่าน-ร้านสายสวรรค์ เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรม โดยมีบ้านพักอยู่บริเวณซอยใกล้วัดพญาภู ( หลังเรือนจำน่าน ) ได้เป็น ส.ส.น่าน ๒ สมัย แม้ว่าสมัยที่สามก่อนเสียชีวิตจะสอบไม่ผ่าน แต่ท่านได้รับความไว้วางใจให้มีตำแหน่งทางการเมือง ด้วยความทุ่มเทของท่านจนก่อนวันสิ้นลม ขณะปฎิบัติราชการเกิดภาวะทางหัวใจส่งผลให้ท่านต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเร่งด้วย ที่สุดถึงแก่กรรมในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๔ ท่านเกิดวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๔๗๒ ศพของท่านได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๔
จากความทรงจำ : ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖
ขอบคุณที่บันทึกเรื่องดีๆให้อ่านครับ
หายไปนานเลยครับ