สัญชาตญาณแห่งความมีตัวตน ทำให้เห็นแต่ตน


     เดี๋ยวนี้เราปุถุชนมันอยู่ด้วยความคิดประเภทที่มีตัวตนอยู่ตลอดเวลา  แล้วมีตัวตนมันก็เห็นแก่ตน  นี้เป็นธรรมดา  ตามหลักของสัญชาตญาณมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ

      เมื่อสัญชาตญาณแห่งความมีตัวตน  มันก็ต้องเห็นแก่ตน  แล้วมันก็ต้องมีความรู้สึกว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายแก่ตน  ความรู้สึกอันนี้มันระแวงสงสัยอยู่ตลอดเวลาจิตใจไม่ว่างจากความรู้สึกนี้ ถ้าว่างก็เป็นอรหันต์อีกนั่นแหละชีวิตที่เกลี้ยงนั่นแหละคืออิสรภาพ  คือความหลุดพ้น

      พวกท่านทั้งหลาย  อยากจะท้าว่าพอเห็นบุรุษไปรษณีย์เดินเข้ามาในบ้านเท่านั้นแหละ  จิตปกติอยู่ตามเดิมไหม ?  มันจะต้องนึกว่ามีข่าวดีหรือข่าวร้าย  การได้หรือการเสีย  ฉนั้นจึงเปิดจดหมายด้วยมือที่สั่ไช่ใหม  ?  นี่ถ้าไม่ว่างมันเป็นอย่างนี้  นี่เพียงแต่บุรุษไปรษณีย์มา  ถ้าเจ้าหนี้มาเป็นอย่างไร ?  จิตมันปกติไหม ? ลูกหนี้มามันก็ยังไม่ปกติ  เพราะว่ามันจะมาทวงหนี้ไม่ได้ ถ้าตำรวจถือคุณแจมือมา  จิตมันปกติไหม  ?

       คิดดูให้ดีสิว่า  ชีวิตแต่ละวันที่มีอะไรเกิดขึ้นเกี่ยวข้องนั้น  มันทำให้จิตเกิดความรู้สึกประเภทตัวกู - ของกู  จะได้จะเสีย  จะแพ้ชนะ  จะสุขจะทุกข์  จะได้เปรียบเสียเปรียบอะไรขึ้นมาเต็มในจิตใจ  นี้เรียกว่า  คนธรรมดาไม่ได้อยู่ด้วยจิตใจของปรมานุตตรสุญญตา  

      อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส " ตถาคตอยู่ด้วยปรมานุตตรสุญญตา...ความว่างอันสูงสุด "  อะไรมาก็ไม่มีอะไรที่จะเกิดความรู้สึกหวั่นไหว  ว่ามันจะได้อะไรหรือจะเสียอะไร  มันเลยปกติ  ไม่ได้เปลี่ยนจากความปกติ

       แต่ถ้าคนธรรมดามันไม่เป็นอย่างนั้น  สังเกตุดูเอาเองจากในใจของตนที่ทีความรู้สึกอยู่จริงๆวันหนึ่งๆ  มันเกิดความรู้สึกสึกทำนองนี้มากน้อยเพียงใด ?  บางทีมันเกือบทั้งหมด  แม้จะทำการงานอยู่มันก็อดวิตกกังวลไม่ได้  นั่นคือไฟชนิดที่เผา  เผาโพลงๆ  ในบางคราว  เผากรุ่นๆอยู่ในบางคราวหรืออัดควันอยู่ในบางคราว  ชีวิตเป็นแบบนี้  

        ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้จะเป็นอย่างไร ?  เราจะเรียกจิตที่มันเกลี้ยง  ชีวิตที่มันเกลี้ยง  นั่นแหละคืออิสรภาพ  เสรีภาพ  นั่นคือวิมุตติ ความหลุดพ้นตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา  เมื่อวิมุตติหลุดพ้นจากสิ่งที่บีบคั้นนี้แล้ว  มันก็เห็นเป็นนิพพาน  เป็นความเย็น  แม้ยังไม่สิ้นกิเลส  แต่ถ้ากิเลสไม่เกิดขึ้นรบกวน  มันก็เย็นเป็นนิพพานโดยเท่ากัน

       ทีนี้เรายังมีกิเลส  แต่ถ้าเราทำชนิดกิเลสไม่เกิดขึ้นเผาลน  มันก็ยังมีความเย็นไปตามแบบเดียวกันนั่นแหละ  เรียกว่านิพพานโดยปริยาย  อย่างสามัญธรรมดา  ถ้าไปทำรายรากเหง้าของกิเลสจนหมดสิ้นเชิง  ไม่อาจจะเกิดอีกแล้ว  มันก็เป็นนิพพานสมบูรณ์ของพระอรหันต์

คำสำคัญ (Tags): #กิเลส
หมายเลขบันทึก: 547632เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2013 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2013 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วแสดงความคิดเห็นเพื่อนำมาพัฒนาใหม่  พร้อมกับมอบดอกไม้ไว้สักคนละ1ดอกเพื่อเป็นกำลังใจ     เจริญพร  ขอให้รวยเงินรวยทองกันทุกๆคน

...เจริญพร  ขอให้รวยเงินรวยทองกันทุกๆคน...

If everybody is rich there won't be much left for anyone else ;-)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท