สืบเนื่องจาก จะนำ PRA มาใช้ใน PAR ให้แยบยลได้อย่างไร และ PRA ดีไม่ดีอย่างไร
หลักการของ PRA
PRA พบว่าแรก
ๆ มีการนำมาใช้ ในกลุ่มงานพัฒนาชนบท หรือกลุ่มที่พัฒนาการเกษตรในชนบท
(จะหาอ้างอิงมาเพิ่มอีกครั้ง)
โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาน้อยกว่าวิธีการอื่นที่เคยใช้มา
ในการเรียนรู้สภาพความเป็นชุมชนนั้น ๆ ของนักพัฒนาที่เข้าไป PRA
มีหลักการง่าย ๆ ดังนี้คือ
1.
ไม่มีรูปแบบการเรียนรู้ อย่างไรก็ได้
เป็นไปตามธรรมชาติเรียนรู้จากเขา
2. ชาวบ้าน
หรือชุมชน เป็นครูที่ให้เรา
3.
จะไม่ใช้ตัวนักวิจัยเป็นเกณฑ์ในการเรียนรู้
หรือจะไม่ใช้การตั้งสมมติฐานไปจากข้างนอก และทดสอบ
4.
เน้นความหลายหลายทั้งที่เป็นความแตกต่างหรือความเหมือน
ไม่เน้นตัวเลขบอกจำนวน หรือค่าเฉลี่ย
5.
ใช้การตรวจสอบสามเส้าหลาย ๆ
รูปแบบเป็นวิธีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
6.
ค่าใช้จ่ายที่จะเสียไปเพื่อการเรียนรู้ต้องมีความคุ้มค่า
(หากต้นทุนสูง หรือแพงก็ไม่ต้องดำเนินการ)
7.
ทำให้เกิดขบวนการที่เป็นชาวบ้าน หรือชุมชนเป็นผู้วิจัย
ส่วนนักวิจัยก็เป็นผู้แสวงหาข้อเท็จจริง
หรือเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เกิดขึ้น
8.
เปิดเวทีให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างชาวบ้าน-ชาวบ้าน,
ชาวบ้าน-ผู้วิจัย, ผู้วิจัยและชาวบ้าน-กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
9.
ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่พบ
ที่ได้มาเป็นของชุมชนไม่ใช่ของนักวิจัยหรือนักพัฒนา