สืบเนื่องมาจากประเด็นบันทึก การศึกษานอกโรงเรียน
กับการจัดการความรู้ในองค์กร และผมได้เข้าไปแจมด้วย
ว่า ถ้าหากผมจะเรียก กศน.
ว่าเป็นหน่วยจัดการทรัพยากรบุคคลที่คอยเติมเต็มศักยภาพให้แก่ประเทศไทยได้มากหน่วยหนึ่ง
คงไม่ผิดนะ คำนี้ผมเคยใช้บรรยายให้เยาวชนที่มาจาก
กศน.และมาจากในระบบโรงเรียนฟังครับ (ตอนจัดอบรมฯ เรื่องโรคเอดส์ ที่
อ.บางแก้ว) คิดเห็นเพิ่มเติมอย่างไรครับ
ที่ม
กศน.(ชพ.) ได้ตอบกลับมาว่า
ขอบคุณที่ท่านช่วยสนับสนุน สละเวลาให้ความรู้แก้น้อง ๆ ชาว กศน.
และยังให้กำลังใจพวกเรา Km กศน.มือใหม่ ตอนนี้ ที่ชุมพร
สถานการณ์โรคเอดส์ก็น่าเป็นห่วง
กศน.ชุมพรทำงานร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เราค้นพบและยอมรับ
จุดอ่อนของการทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์
อีกส่วนหนึ่งที่ชุมพร คือ เราขาดกระบวนการประเมิน
ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งก็จะพยายามทำให้เกิดเป็นรูปธรรมในปีนี้
ท่านคงช่วยเป็นวิทยากรให้น้องๆ ทั้งในและนอกระบบ โรงเรียน
รวมทั้งชี้แนะพวกเราต่อไปนะคะ
ผมจึงได้
เสวนา (แห้ง ๆ) ผ่านกลับไป ว่าจริง ๆ
แล้วฐานคิดผมคือความรู้เรื่องโรคเอดส์นี่มีกันอยู่พอสมควรแต่การตระหนักต่อตนเองนี่สำคัญ
และที่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดเลยในเรื่องโรคเอดส์
คือการตระหนักต่อผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อครับ เขายังเป็นมนุษย์ครับเรา
(สังคม) ต้องดูแลเขา อันนี้ต้องยอมรับกันว่าแรก ๆ (ผมอยู่ ม.3) ตอนนั้นสังคมสอนให้กลัวและเกลียดโรคเอดส์
จนลืมนึกไปว่าคนที่ติดเชื้อจะถูกเกลียดไปด้วย แล้วจริง ๆ
ตอนนั้นผมทำรายงานหน้าชั้นเรียนพอผมบอกว่าให้สงสารเขาบ้าง
(เพราะมีข่าวลงว่าพ่อแม่ก็ไม่เอา ไม่รับกลับบ้าน ผมเอามาอ้างถึง)
เพื่อน ๆ หัวเราะผมกันทั้งชั้นเรียน ทุกวันนี้เรา (สังคม)
ก็ต้องมาจ่ายเงินเพื่อรณรงค์ให้คนทั่วไปเข้าใจและอยู่ร่วมกันในสังคมได้
ประเด็นที่สำคัญที่เป็นต่อแรก
คือจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการตระหนักต่อโรคเอดส์
และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยง คือการเรา (สังคม)
ได้เรียนรู้ผู้ป่วยเอดส์อย่างเข้าใจ (เพราะเห็นกับตา
ไม่ใช้สักแต่เขาว่า...) ผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อก็อยู่ได้ในสังคมนานขึ้น
อีกนาน (จะอยู่ได้อย่างปกติถ้าร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
แข็งแรง) นี่คือต่อที่สอง
(เชื่อไหมครับว่าคนไทยมีพื้นฐานการอาทรต่อกันอยู่ใน
ยีนอยู่แล้ว)
ผมไม่ใช่คนที่ทำงานเอดส์โดยตรง แต่เกี่ยวข้องเท่านั้น วันนั้น
(วันเอดส์โลก ปี 2546) ที่บางแก้ว ผมแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่ม น้อง ๆ
ประมาณ 50 คน (ถ้าจำไม่ผิด) โดยให้ทุกกลุ่มมีสมาชิกที่หลากหลายครับ
ผสมผสานกัน ประถม มัธยม คละโรงเรียนกัน เพศหญิง-ชาย น้อง ๆ จาก
กศน.ก็แยกย้ายกันอยู่ทุกกลุ่ม แล้วภาคเช้าก็ให้เล่าความรู้ ประสบการณ์
และความรู้ต่อเอดส์ (ไม่เน้นว่าโรคหรือคนไข้)
พี่เลี้ยงประจำกลุ่มก็ออกมาสรุป (อาจารย์ที่ควบคุมเด็กมานั่นแหละ
ใช้ประโยชน์และมีส่วนร่วมหมด)
ตอนบ่ายก็ช่วยกันจัดบอร์ดเพื่อเอากลับไปติดที่โรงเรียน หรือศูนย์
กศน.
และที่ผมต้องพูดว่า กศน.
ว่าเป็นหน่วยจัดการทรัพยากรบุคคลที่คอยเติมเต็มศักยภาพให้แก่ประเทศไทยได้มาก
ก็เพื่อสร้าง Empowerment ให้น้องเขา
เนื่องจากดูแล้วค่อนข้างจะแปลกแยกอยู่ในช่วงเปิดเวทีแรก ๆ
ซึ่งก็ผมพูดความจริงนี่ครับ (ยาวไปไหม...ฮา)
ไม่มีความเห็น