มองโลก"ให้บวก"
"รับมือและแก้ไขปัญหาด้วยการมองแง่ดี"
เมื่อเกิดปัญหาขึ้น จิตใจของคุณเตือนให้คุณเพ่งเล็งไปที่ความไม่ปลอดภัย ความยากลำบาก และมุมมองด้านลบ มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่คำถามคือ: แล้วคุณควรปล่อยให้ตัวคุณติดอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? เมื่อสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจเบื้องต้นจางหายใป คุณต้องอาศัยระยะเวลาเท่าๆ กันเพื่อกลับไปทำลายความวิตกกังวลเหล่านั้นและค้นหาสิ่งดีๆ ที่แฝงอยู่ในปัญหานั้นๆ มองหาโอกาสซึ่งมากพอๆ กับผลร้ายเช่นเดียวกัน
การตีกรอบความคิดใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คุณต้องฝึกฝนตนเองให้เปลี่ยนมุมมองความคิด ซึ่งต้องอาศัยทั้งสติ การจัดระบบอารมณ์ รวมทั้งการเปิดใจคิดว่าสิ่งดีๆ จะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่อันตราย มองย้อนกลับไป คุณจะมองเห็นว่าแสงสว่างซ่อนอยู่ในเมฆฝนทะมึนเสมอ สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดก็คือ ปัญหาที่คุณมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของคุณนั้น อาจกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตก็ได้
เราทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการไหลกลับของทัศนคติเหมือนกับการไหลกลับของสิ่งต่างๆ การมองแง่ดีหากคุณมีสติ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งของต่างๆ อย่างรอบคอบ จากสิ่งที่เลวร้ายเป็นสิ่งที่ดี คุณต้องระลึกถึงสิ่งที่ดีๆ และโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แทนที่จะเก็บภาพในสิ่งที่เลวร้ายไว้ในใจ การมองจากมุมบวกเปิดวิสัยทัศน์ของคุณ คุณจะมองปัญหาในมุมมองที่กว้างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ที่ยาวกว่าเดิม เป็นการจัดการกับการมองปัญหาที่ใหญ่สำหรับตัวคุณและบางครั้งตัวเองประเมินการแก้ไขปัญหาต่ำเกินไป
จากการวิจัยพบว่า การมองแง่บวกคือกุญแจสำคัญสู่ "บุคลิกภาพแห่งการอยู่รอด" บุคคลที่ฝึกฝนตนเองด้วยวิธีการนี้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปได้อย่างเข็มแข็ง มีความสุข และมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาไม่ได้เดินจากคุณไปเหมือนตอนที่เดินเข้ามาหาคุณ แต่เราจะเข็มแข็งหรืออ่อนแอเพื่อให้ปัญหามันลดลงหรือเพิ่มขึ้น
จงจำไว้ว่า คุณสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณคิดให้เป็นความจริงได้ วิธีที่คุณจัดการกับปัญหาที่มีผลต่อการรับมือกับมัน ดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่า "สิ่งเลวร้ายต่างๆ จะกลับกลายเป็นดีหากคนๆ นั้นทำทุกอย่างให้ดีที่สุด"
แปลโดย ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ
ความเห็น (1)
ถูกต้องครับ..ชีวิตคือปัญหา..แต่ปัญหาคือสิ่งที่ท้าทาย เราต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้..ก็ด้วยวิธีคิดบวก มองโลกในแง่ดี ปล่อยวาง ขอบคุณมากสำหรับบทความดีๆที่บอกต่อ