วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั้นก็ถือว่าเป็นวันสำหรับครอบครัว
แต่เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมทุนนิยมทำให้งานหรือสิ่งอื่นๆมาแย่งเวลาของครอบครัวไป
จนรัฐบาลต้องมาประกาศนโยบายให้วันอาทิตย์เป็นวันของครอบครัว
เพื่อดึงเวลาและความสำคัญของครอบครัวให้กลับคืนมา ก็นับเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าสามารถทำให้ทุกวันเป็นวันของครอบครัวหรือมีเวลาสำหรับครอบครัวได้ก็คงจะดีมาก
แต่ผมเองก็ทำไม่ค่อยได้เหมือนกัน บางเสาร์-อาทิตย์
ติดบรรยายหรือติดงานต่างๆทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานบุญ
แต่ก็พยายามหาเวลาให้ครอบครัว วันเสาร์อาทิตย์
เรามักจะพาลูกๆไปทานอาหารนอกบ้านตามที่เขาชอบ
พาไปทำบุญไหว้พระที่วัดโดยเฉพาะที่วัดพระบรมธาตุบ้านตากและวัดพระพุทธบาทดอยงู
พาไปร้านหนังสือซีเอ็ดที่ตาก พาไปเที่ยวที่พิษณุโลกหรือลำปาง
หรือไปนั่งทานอาหารและเล่นของเด็กเล่นที่ริมแม่น้ำปิงในตัวจังหวัดตาก
สมัยที่ลูกคนโต(น้องแคน)ยังเล็กๆ
ในตากและบ้านตากมักจะมีสนามเด็กเล่นเคลื่อนที่ประเภทม้าหมุน ไวกิ้ง
ชิงช้าสวรรค์ มาเปิดบริการเก็บเงิน ผมก็พาลูกไปเล่นบ่อยๆ
เสียสิบบาทต่อรอบ มีครั้งหนึ่งน้องแคนอายุประมาณ 3 ขวบ
อยากจะนั่งชิงช้าสวรรค์ที่มาเปิดแสดงที่อำเภอบ้านตาก
ผมก็เลยซื้อบัตรและนั่งไปกับลูกด้วย
พอขึ้นนั่งได้สักพักหนึ่งผมก็ได้สำรวจดูอุปกรณ์โครงเหล็กที่ประกอบกันเป็นชิงช้าสวรรค์แล้วก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเพราะดูวัสดุแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า
มันจะขาดหรือล้มลงไปหรือไม่ แทนที่จะสนุกกลายเป็นกังวลไป
ในขณะที่ลูกเขาจะสนุกสนาน ในใจผมคิดว่าถ้ามันเสีย
ค้างหรือชำรุดขณะอยู่จุดสูงๆจะเป็นอย่างไร จะทำอย่างไร คิดไปจนหมดรอบ
หลังจากนั้นก็ไม่กล้าพาลูกขึ้นชิงช้าสวรรค์แบบนี้อีกเลย
แต่พวกม้าหมุนดูแล้วไม่อันตรายแต่ก็ต้องยืนเฝ้าลูกไปด้วย
ลูกคนโตเวลาไปไหนผมมักจะให้เขาขี่คอผมตลอด
เขาก็จะชอบและเวลาไปงานต่างๆหรือแม้แต่ไปจ่ายตลาดก็ขี่คอ เขาจะชอบมาก
แต่เจ้าลูกสองคนหลังนี่ไม่ค่อยได้ทำแบบนั้นเพราะเวลาไม่ค่อยมี(หรือมีแต่เราอาจไม่ให้ความสำคัญ)
แต่ก็ได้พาไปเที่ยวบิ๊กซีซึ่งมีของเด็กเล่นแบบหยอดเหรียญให้เล่นหลายอย่าง
พอไปถึงเด็กๆก็จะชอบและเข้าไปเล่น โดยเฉพาะห้องลูกบอล
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้มากกว่าชิ้นอื่นๆ
คิดว่าจะพยายามหาเงินบริจาคเอามาทำที่โรงพยาบาลบ้านตากเพื่อให้เด็กส่วนใหญ่ที่ด้อยโอกาสได้มาเล่น
เท่าที่สังเกตลูกๆจะสนุกอยู่ประมาณสัก 30-40
นาทีก็เบื่อ ช่วง 1
ปีมานี้เจ้าลูกคนเล็ก(น้องขลุ่ย) กับคนกลาง(น้องขิม)
จะขอขี่คอผมบ่อยมาก พอเลิกงานจะต้องให้สองคนนี่ขี่คอเกือบทุกวัน
พอเห็นน้องขี่ เจ้าคนโตอายุ 9
ปีแล้วก็ขอขี่บ้าง พอไม่ให้ขี่ก็บ่นว่าทีตอนเล็กๆยังขี่ได้
แสดงว่าลูกจำได้ดีมาก
เหมือนกับพอจะนอนร้องเพลงกล่อมเขาๆจะจำได้แม่นเลย
ก็เลยให้ลูกขี่คอทั้งสามคน แบ่งเป็นรอบๆเดินวนอยู่ในบ้าน
เวลาขี่คอลูกๆเขาจะส่งเสียงสนุกสนาน
หัวเราะร่าเริงดูแล้วเขาสนุกมากกว่าตอนพาไปเที่ยวเล่นของเล่น
ขี่ม้าหมุนซะอีก พอตกเย็นกลับมาจากที่ทำงานประมาณ 5โมง 5 โมงครึ่ง
ลูกจะคอยทวงขอขี่คอพ่อ โดยเจ้าตัวเล็ก(ขลุ่ย) จะเป็นขอก่อน
ถ้าไม่ให้เขาก็จะงอนแล้วก็บ่นว่าไม่รักพ่อแล้ว แล้วก็เดินไปแอบอยู่
พอเราบอกว่าใครอยากขี่คอพ่อจะให้ขี่ เขาก็รีบวิ่งเข้ามาขี่เลย
เมื่อคนเล็กขี่ได้ คนรองก็ขอบ้าง
หากคนโตอยู่ไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนก็จะขี่ด้วย
หากกลับจากที่ทำงานแล้วรีบหรือเด็กๆไปจ่ายตลาดกับแม่เขา
พอทานอาหารเย็นเสร็จลูกๆก็จะเข้ามาทวงว่าวันนี้ยังไม่ได้ขี่คอเลย
ก็ได้ขี่กันครบสามคน
จากความรู้สึกของผมและการสังเกตปฏิกิริยาของลูกๆเวลาไปเล่นของเล่นแม้เราเฝ้าดูเขาอยู่
แต่ก็ไม่ได้สัมผัสตัวกัน
แต่พอมาขี่คอเรากับลูกจะมีการสัมผัสและมีปฏิสัมพันธ์กันค่อนข้างมาก
ผมเองก็มีความสุขและดูแล้วลูกๆก็มีความสุขมากเช่นกัน
และไม่ต้องเสียเงินค่าขี่เหมือนขี่ม้าหมุนด้วย
รวมทั้งเด็กๆไม่เห็นเบื่อเลยแต่เราเองก็ต้องบอกวันนี้ขอกี่รอบนะ
ไม่งั้นก็ขี่คอกันไม่ยอมเลิก
ที่เจ้าสองคนเล็กมาคอยทวงก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงเล็กๆผมไม่ค่อยได้ให้เขาขี่มากเท่าเจ้าคนโต
พอเขาเรียกร้องได้เขาก็เลยเรียกร้องอาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกพ่อว่าต้องให้เวลาเขามากขึ้นนะ