ข้าพเจ้ามานั่งทบทวนตนเองในวิถีแห่งการงาน
ตลอด ๘-๙ ปีที่ผ่านนับจากปี ๒๕๔๘ ...จนถึงปัจจุบันชีวิตของข้าพเจ้าวนเวียนอยู่กับการงานที่เรียกกันว่า R2R มาตลอด อาจสืบเนื่องมาว่าการงานดังกล่าวเป็นงานที่ข้าพเจ้ารู้สึกศรัทธา เพราะเป็นกระบวนการที่นำไปสู่การพัฒนาทางปัญญาของบุคคล และสิ่งที่ตามมาคือ การเติบโตทางปัญญา
การเดินทางบนเส้นทางการงานนี้ ช่วยในการขัดเกลาและการเติบโตภายในทางจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นงานที่ได้มากกว่าคำว่าผลงานวิจัยหนึ่งเรื่อง แต่เกิดกระบวนการที่เคลื่อนไปจากความไม่รู้ => ไปสู่สิ่งที่รู้มากขึ้นกว่าเดิม
จากความมืด => ไปสู่ความสว่าง...แจ้งทางปัญญา
แปดเก้าปีของการเดินทางชีวิตวนเวียนอยู่เช่นนี้ โดยเฉพาะการเข้าไปเร้ากุศลกรรมของคนทำงานให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าและตั้งคำถามกับตนเองในงานที่ตนเองทำ แล้วก้าวย่างเข้าไปสู่การแสวงหาคำตอบด้วยตัวของเขา ลงมือเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติด้วยตัวเขาเอง...และเขาก็จะได้คำตอบแห่งความสงสัยนั้นด้วยตัวเขาเอง
และอีกงาน...
ที่ข้าพเจ้าได้เข้าไปสัมพันธ์ คือ การสร้างคนซ่อมคน...ผ่านการทำงานสงเคราะห์เด็กๆ ที่วัดป่าหนองไคร้
วิถีการงานนี้ คือ โอกาสอันประเสริฐอย่างมากที่ได้รับในชีวิต การทำงานดังกล่าวแตกต่างกันอย่างมากในเชิงกายภาพหรือรูปธรรมภายนอก ถ้าจะว่าไปแล้ว คล้ายได้ไปเรียนรู้ด้านมืดของผู้คนอย่างมากมาย ที่เขาถูกเร้าด้วยอกุศลกรรมที่มีนอนเนื่องในใจเขาด้วยกิเลสที่คุกคาม และหน้าที่ของข้าพเจ้าคือ การทำความเข้าใจและน้อมรับด้วยใจที่นอบน้อม ยังยั้งไม่ให้เขากระทำชั่วที่เพิ่มมากขึ้น ทำอกุศลมากขึ้น
ความเหมือนที่ไม่แตกต่างกันเลย...ในสองงานนี้
คือ การได้ฝึกฝนทางปัญญาและการทำความเข้าใจเข้ามาในจิตใจตนเองด้วยความนอบน้อมและอ่อนโยน หากแต่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวไม่ยอมจำนนต่อกิเลสและอกุศลทั้งปวง
ขณะเดียวกันต้องนำพาตนเองให้ฝ่า...ความมืดที่อาจปรากฏขึ้นในใจตนเองก้าวผ่านไปสู่ความสว่างให้ได้
เมื่อได้หยุดทบทวน ก็พบว่า ... ชีวิตนี้ก็ยังคงหมุนวนไปมาในระหว่างสองกิจการงานนี้โดยหลัก
และฝึกฝนหัวใจแห่งพุทธะอยู่เนืองเนืองตลอดลมหายใจเข้าและหายใจออก
...
๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น