การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และดีที่สุดสำหรับผมในปัจจุบันสมัยนี้ ต้องยกให้กับบริการเรือด่วนเจ้าพระยา ทุกเช้าจะมีผู้โดยสารที่เดินทางด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งจะเป็นคนจ่ายค่าโดยสาร ส่วนอีกคนก็จะเพลิดเพลินเจริญใจกับการ เล่นเกม อ่านข่าว อ่านบล็อก ฯลฯ วันนี้ก็เหมือนเดิม คนเยอะมาก เพราะคนเดินทางไปงานรับปริญญาที่ มธ. ผมเลยยืนห่างจากคนที่มีหน้าที่จ่ายค่าโดยสารประมาณไม่ถึงเมตร เขาก็จ่ายค่าโดยสารปกติ 2 คน แล้วโบ้ยมือมาทางผมว่าอีกคนอยู่ตรงนั้นนะ... ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่า นังคุณพนง.เก็บเงิน itดูหรือไม่ว่าเป็นผม คงจะเก็บให้เสร็จ ๆ ไป...
จากนั้นเธอก็เดินเก็บมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้ตะโกนเรียกเก็บค่าโดยสารนะ พอเธอเดินมาถึงผม หันมาเห็นผมยื่นเล่นเกมอยู่ และสงสัยจะจำไม่ได้ด้วยว่าค่าโดยสารผมเธอเก็บไปแล้ว เท่านั้นแหละ หล่อนก็แหกปากทำทีตะโกนให้ได้ยินว่าค่าโดยสารด้วยนะค๊า แล้วก็หันไปเก็บคนอื่น ๆ พร้อมกับส่งหางตามาเมียงมองว่าผมจะควักเงินมาจ่ายหรือไม่ หลังจากนั้นหล่อนก็เดินแหกปากกึ่งตะคอกใส่ผู้โดยสารไปทั่วเพื่อเก็บค่าโดยสาร...จนเธอคงจะเหนื่อยเสียงเลยเงียบไป แต่ก็ยังเก็บค่าโดยสารได้ตามปกติ
อารมณ์แรกที่สัมผัส หงุดหงิด เกิดขึ้นมาทันใด ทำไมต้องมาตะโกนแถวตรูด้วยวะ ตรูก็จ่ายแล้วเสรือกจำไม่ได้เอง แล้วการเก็บเงินค่าโดยสาร ทุกคนมีหน้าที่จ่าย ทุกคนรู้ ทุกคนเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่หล่อนเดินผ่านสั่นกระบอกเก็บเงิน ทุกคนก็ยื่นให้จนเก็บไม่ทันอยู่แล้วนิ มาแสดงอาการแบบนี้ใกล้ ๆ ผม จะให้คิดได้ว่าอย่างไร.. แต่ก็ช่างมันไปอีกกิโลสองกิโล ปล่อยและวางความรู้สึกตัวตนออกไปเพื่อตัดอารมณ์ขุ่นหมองได้รวดเร็วอีกหนึ่งวัน...
ทุกวันนี้เท่าที่ประสบพบเจอ จะเป็นรถเมล์ ขสมก. หรือเอกชน หรือแม้แต่เรือด่วน ผู้ที่ต้องให้บริการมักจะมีอาการและพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาก ๆ บางทีใช้คำหยาบคาย ตะคอกตะคั้น หน้าหงิกหน้างอ และอื่น ๆ เท่าที่ผมจะได้เห็นและคิดว่าหลายคนได้เห็นเช่นกัน ทำให้ผมนึกถึงคำที่เคยได้ยิน คำว่า Service mind ซึ่งคำนี้จะแปลว่าเป็น จิตบริการ หรือจิตสาธารณะ ก็แล้วแต่ แต่เห็นแล้วว่าปัจจุบันผู้ที่ทำหน้าที่ให้บริการขาดสิ่งนี้กันมากทีเดียว
ผมเริ่มต้นบันทึกนี้ขณะอยู่ในเรือตอนเช้า เพื่อแบ่งเบาบรรเทาและระงับอารมณ์ผ่านตัวอักษร และเพีบงแค่ย่อหน้าที่สามเรือก็ถึงฝั่งพร้อมการปล่อยวาง และผ่อนคลาย ย่อหน้าที่เหลือก็ยังมีโอกาสมานั่งบันทึกต่อในเรือด่วนอีกเช่นกัน และคงจะปิดบันทึกนี้ตรงท่าศิริราช ก่อนถึงบ้าน
รับรู้ สัมผัส ปล่อยวาง และอภัย ทำให้ชีวิตที่ผ่านไปมีอะไรที่ไม่จำเจ ... ขอบคุณที่ติดตามถคงตรงนี้ครับ
เจ็ดโมงครึ่ง ถึง ห้าโมงครึ่ง ๑ ส.ค. ๕๖
-สวัสดีครับ
-ตามมาส่ง"บะมั่น"ช่วยดับร้อนครับ .
-ผมอยู่ ตจว.มีของมาฝากคน กทม.ครับ..
พี่โอ๋โชคดีมากเลยนะคะ ขึ้นกรุงเทพครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันนี่เอง ใช้บริการรถเมล์สามคัน เจอแต่กระเป๋ารถใจดีทั้งนั้นเลยค่ะ แต่แบบที่น้องแบ๊งค์เล่านี่ก็นึกภาพออก เพราะเคยพบเหมือนกันค่ะ เจอทีไรก็ต้องทำใจเรานี่แหละเพราะชวนให้เราเดือดจริงๆ
น้องโนบิตะเขียนบันทึกได้เห็นภาพสมัยยังโหนรถเมล์เร่รอนอยู่ใน กทม.
คลายเครียดด้วยการเขียนบันทึกก็เท่ดีนะน้อง หูจะได้ปล่อยวาง