ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยการติดแท็งค์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท


เครื่องพิมพ์ปัจจุบันที่นิยมใช้มีสามชนิดคือ 1.ชนิดดอทเม็ททริกเหมาะสำหรับงานบัญชีที่ต้องพิมพ์ต้นฉบับพร้อมสำเนา 2.ชนิดเลเซอร์ ปัจจุบันราคาเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ได้ลดลงอย่างมากข้อดีคือความเร็วของการพิมพ์ แต่ปกติที่ใช้งานมากจะเป็นชนิดพิมพ์ได้เฉพาะขาว-ดำ ส่วนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ชนิดสีนั้นตลับหมึกพิมพ์ยังมีราคาสูงอยู่ ผู้ใช้งานทั่วๆ ไปจึงยังไม่นิยมใช้ 3.ชนิดอิงค์เจ็ทข้อดีคือสามารถพิมพ์สีได้ ซึ่งปัจจุบันเครื่องพิมพ์ชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด แต่ข้อเสียของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ก็คือต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นกระดาษจะสูงที่สุด ยกตัวอย่างยี่ห้อ Canon รุ่น PIXMA MP237 ใช้ตลับหมึกดำรุ่น PG-810 และตลับหมึกสีรุ่น CL-811 ซึ่งราคาของตลับหมึกทั้งสองรวมกันประมาณ 1,200 บาท ในขณะที่พิมพ์ได้อย่างมากสุดประมาณ 600 แผ่นกระดาษ A4 เท่านั้น เฉลี่ยแผ่นละ 2 บาท ถ้าเราต้องการพิมพ์ 3,000 แผ่นจะต้องเปลี่ยนตลับหมึกถึง 5 ชุด เป็นราคา 6,000 บาท ในขณะที่จากการทดลองเติมน้ำหมึกให้กับตลับหมึกแทนการเปลี่ยนตลับหมึกใหม่ พบว่าตลับหนึ่งชุดสามารถพิมพ์ได้มากกว่า 3,000 แผ่น ซึ่งนอกจากสามารถลดค่าใช้จ่ายได้แล้วยังสามารถลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการทิ้งตลับหมึกได้อีกด้วย

การเติมน้ำหมึกโดยการถอดตลับหมึกออกจากเครื่องแล้วฉีดน้ำหมึกลงในตลับโดยตรงมีข้อแนะนำทุกยี่ห้อว่า ควรถอดปลั๊กไฟของเครื่องพิมพ์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีก่อนจะถอดตลับออก ทั้งนี้เพราะเครื่องพิมพ์เกือบทุกยี่ห้อจะตรวจจับพฤติกรรมการถอดตลับของผู้ใช้ เมื่อตลับเดิมมีสถานะว่าหมึกใกล้หมด หรือหมึกหมดแล้ว และมีการถอดออกมาเติมน้ำหมึกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ เครื่องพิมพ์จะไม่ทราบว่าน้ำหมึกกลับมาเต็มแล้ว แต่จะระงับการใช้งานตลับนั้นเลย ซึ่งบางรุ่นพอจะมีวิธีแก้ปัญหาอยู่บ้างแต่ไม่สำเร็จเสมอไป (สามารถหาวิธีการได้ตามในเครือข่ายออนไลน์) นอกจากนี้การเติมน้ำหมึกบ่อยๆ อาจจะไม่สะดวกสำหรับการใช้งานพิมพ์ในปริมาณมากๆ ดังนั้นถ้าติดแท็งค์น้ำหมึกเพื่อให้น้ำหมึกเติมลงไปเองขณะที่พิมพ์ จะสามารถช่วยให้พิมพ์งานได้โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำหมึกจะหมดเมื่อไหร่ ทั้งนี้เรามองเห็นน้ำหมึกได้ และสามารถเติมได้โดยง่ายลงในแท็งค์โดยตรง วิธีการติดตั้งแท็งค์ไม่ยุ่งยาก สามารถดำเนินการได้ดังนี้

1.อุปกรณ์ที่จะต้องมี เข็มฉีดยา น้ำหมึก สว่านขนาด 3.5 มิลลิเมตร กาวร้อน


2.เครื่องพิมพ์ (บทความนี้ใช้ยี่ห้อ Canon รุ่น PIXMA MP237 ) และชุดแท็งค์น้ำหมึกเอนกประสงค์ (มีขายทั่วๆ ไปชุดละ 100-150 บาท) ซึ่งประกอบไปด้วย แท็งค์ 4 ช่อง สายน้ำหมึก จุกยางสองหัว 4 สี (ดำ ฟ้า ม่วง เหลือง) กรองอากาศ และตีนตุ๊กแกสำหรับยึดสายน้ำหมึก 3 ชิ้น ยางซิลิโคน 4 ชิ้น ข้องอ 4 ชิ้น


*ภาพนี้กล้องถ่ายภาพปรับสีเพื้ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียว (จริงๆ แล้วสีเหลือง)

3.  ตัดสายน้ำหมึกสีดำออก 4 เซนติเมตร สีเหลืองออก 1.5 เซนติเมตร ยางซิลิโคนตัดออกให้เหลือ 3 มิลลิเมตร ท่องอตัดออกให้เหลือ 4 มิลลิเมตร เจาะรูตลับหมึกด้วยสว่าน สำหรับสีดำ ฟ้า และเหลืองให้เจาะตรงกับรูระบายอากาศของตลับได้เลย แต่สีม่วงให้เจาะต่ำกว่ารูระบายประมาณ 4 มิลลิเมตรและใช้กาวร้อนปิดรูระบายอากาศดังกล่าวด้วย


4.ใช้กาวร้อนติดแท็งค์เข้ากับตัวเครื่องพิมพ์ โดยให้ขอบบนของแทงค์สูงกว่าเครื่องพิมพ์ 0.5 เซนติเมตร รวมทั้งใช้กาวร้อนติดตีนตุ๊กแกสำหรับยึดสายน้ำหมึกด้วย (ภาพที่ 5 และ 6 นับจากภาพถัดไป)


5. ใช้จุกยางหัวเล็กปิดรูเล็กของแทงค์และเติมน้ำหมึกฝั่งรูใหญ่ ไม่ต้องเติมให้เต็ม ให้เหลืออากาศในแท็งค์ดังภาพถัดไป และเติมน้ำหมึกให้ครบทั้ง 4 สี


6.นำยางซิลิโคนใส่ลงในรูของตลับหมึกที่ได้เจาะไว้ นำข้องอต่อกับสายน้ำหมึก และนำข้องอใส่ลงในรูยางซิลิโคน ดังภาพถัดไป


7.นำแผ่นพลาสติกที่ปิดหัวพิมพ์ของตลับหมึกออก แล้วนำตลับหมึกใส่ในตำแหน่งดังภาพถัดไป


8.เก็บสายน้ำหมึกวนออกทางตลับดำ และวนในร่องตัวล็อคตลับหมึก หยอดกาวร้อนทับสายน้ำหมึกในร่องนี้เพื่อไม่ให้สายน้ำหมึกหลุดออกจากร่อง โยกตลับหมึกไปทางซ้ายมือ และยึดสายน้ำหมึกด้วยตีนตุ๊กแก


9.ปิดฝา ใช้จุกยางใหญ่ปิดรูใหญ่ของแท็งค์ และเปิดจุกเล็กแล้วเอากรองอากาศใส่ในรูเล็กแทน


10.ทดลองเสียบปลั๊ก เปิดเครื่อง ถ้าขึ้นไฟกระพริบที่สัญลักษณ์เตือนแสดงว่าสายน้ำหมึกตึงเกินไป ตลับหมึกไม่สามารถเลื่อนไปซ้าย-ขวาได้สุด ต้องผ่อนสายน้ำหมึกให้หย่อนอีก และควรให้พอดี หย่อนมากก็เกิดปัญหาได้ ถ้าแก้ปัญหาทุกอย่างได้และไม่มีสัญญาณเตือนก็สามารถทดลองถ่ายเอกสารได้ และเป็นอันเสร็จกระบวนการ

*หมายเหตุ เมื่อพิมพ์ไปประมาณ 150-200 แผ่น เครื่องจะไม่พิมพ์ต่อแม้ว่าเราได้สั่งพิมพ์ไปแล้ว ให้แก้ปัญหาโดย กดปุ่ม Stop/Reset ค้างไว้ประมาณ 20 วินาที เครื่องพิมพ์ก็จะพิมพ์ต่อและไม่มีปัญหาใดๆ อีกเลย ข้อดีของการติดแท็งค์แบบนี้จะเห็นว่าน้ำหมึกจะไม่ล้นตลับ ก็เลยไม่ต้องต่อสายน้ำหมึกเสียทิ้ง นอกจากนี้จะเห็นว่าไม่มีการดัดแปลงตัวเครื่อง หากมีการเสียในระยะการรับประกัน สามารถถอดแท็งค์ออกและหาตลับหมึกอื่นที่ไม่มีการเจาะใส่แทนชั่วคราวและส่งเคลมได้ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ติดแท็งค์มาแล้วมากกว่า 100 เครื่องพบว่าเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ของยี่ห้อ Canon ไม่เคยเสียในระยะการรับประกันเลย ตั้งแต่รุ่น MP145 MP150 MP160 MX308 MX318 MP245 MP258 MP268 MP276 MP287 MX328 MX338 และรุ่นปัจจุบันที่นิยมใช้คือ MP237 รุ่นดังกล่าวเหล่านี้เป็นประเภท All in One นอกจากพิมพ์ได้แล้วยังสแกนภาพและถ่ายเอกสารได้ด้วย ในขณะที่ราคาต่างจากรุ่นที่พิมพ์ได้อย่างเดียวไม่ถึงหนึ่งพันบาท จึงมีความคุ้มค่ากว่าการติดแท็งค์เครื่องพิมพ์รุ่นที่พิมพ์ได้อย่างเดียว (แต่ก็สามารถติดได้โดยไม่มีปัญหาประการใด) 

นอกจากนี้ จากการตั้งข้อสังเกตุของผู้เขียนพบว่าผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ปัจจุบันแข่งขันกันลดราคาเครื่องพิมพ์อย่างมาก และมาเน้นขายตลับหมึกแทน (เครื่องพิมพ์ชนิดเลเซอร์ก็เช่นกัน) ซื้อเครื่องใหม่ถูกกว่าการซื้อตลับหมึกแท้ ที่ถูกกว่าเพราะตลับหมึกที่มากับเครื่องใหม่นั้นจะมีปริมาณน้ำหมึกน้อยกว่าตลับหมึกที่ขายแยก เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทบางยี่ห้อให้ตลับที่มากับเครื่องใหม่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตลับแยกขายแต่ปริมาณน้ำหมึกด้านในมีเพียง 3 ซีซี พิมพ์ได้มากสุดไม่เกิน 200 แผ่นกระดาษ A4 เท่านั้น นั่นเป็นเทคนิคลดราคาขายเครื่องใหม่เพื่อการแข่งขันทางการตลาดของผู้ขาย แต่เราในฐานะผู้บริโภคควรใช้ดุลยพินิจด้วยว่า บริโภคอย่างไรให้ทำลายโลกน้อยที่สุด (รวมถึงบริโภคอย่างไรให้เป็นทาสเทคโนโลยีให้น้อยที่สุดด้วย)

หมายเลขบันทึก: 544123เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2013 20:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม 2013 07:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท