ผล็อยหลับอย่างอ่อนเพลี้ยตั้งแต่หัวค่ำ นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืน ช่วงเช้ามืดทั้งๆที่ยังหลับตาเจ้าสมองก็ตื่นขึ้นมาอย่างงแจ่มใส เขาเริ่มทบทวนเรื่องราวสารพัดที่มีข้อขัดข้อง กังวลใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ให้คำตอบซึ่งเป็นทางออกของปัญหาออกมา…
ความฝันกับความเป็นจริง นั้นเป็นคนละเรื่องกันมานมนานแล้ว
ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นนั้นเป็นเรื่องเปรียบดั่งความฝัน
ฉนั้นการจะไปสู่จุดของความฝันนั้นจึงเป็นอะไรที่ปฏิบัติยากมากๆ
หรือหากทำได้ก็อาจจะสร้างความเสียหายมากกว่าแนวทางที่ควรเสมอ
จริงหรือเปล่า ??
สายกลางคือสิ่งที่เราได้ยิน ได้ฟังได้เห็นถึงความสำเร็จของใครหลายคนในหลายวัยที่ผมรู้จัก บางคนสะสมเงินทองมาได้มากแล้วเขาก็เข้าสู่อาชีพตามความเหมาะสมของเขา เป็นเจ้าของร้านค้า บางคนครอบครัวพ่อแม่ก็เพียรเข็นรถเร่ขายของอย่างพากเพียรเพื่อส่งลูกเรียนในวันนี้เขาก็เป็นนายตำรวจใหญ่กันไป บางคนก็ค้าขายอย่างพากเพียรเช่นกันมีรายได้ต่อวันไม่น้อย เริ่มขายตั้งแต่เช้ามืดขายขนมครกทั้งวัน ใครๆเห็นก็นึกไปถึงความร่ำรวยยของคุณน้าท่าน หากแต่ความเป็นจริงในวันนี้ มันไม่ใช่เลย เขาเคยมีบ้านใหญ่ มีนาให้เช่า ปัจจุบันโดยยึดไปหมดแล้วอีกทั้งยังมีหนี้อีกมหาศาลทั้งที่ยังขายของอย่างหนักเหมือนเดิมเพราะอะไร เพราะว่า เขาจัดการเงินทองไม่เป็นก็แค่นั้น
ในวันนี้ เราอาจจะถูกมองจากเพื่อนๆ ญาติๆ ว่ามั่งมี ร่ำรวยไม่เท่าคนอื่นเพราะไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถคันงาม และอีกมากมายที่ไม่ทัดเทียม
เขามองเห็นเราแค่ครอบครัวเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น ปลูกผัก ปลูกพริก และทานอาหารตามร้านค้าทั่วไป อาศัยอยู่ในบ้านไม่ได้ใหญ่โตโก้หรูอะไร ด้วยมุมมองแบบนี้จึงทำให้เห็นว่า หากขาดการสร้างภาพฝันอย่างที่เพื่อนๆอยากเห็น ชีวิตจริงๆ ก็เป็นแบบนี้แล ไม่ได้เป็นดั่งความอยาก ความปรารถนาในหัวใจของเราเลย มันเป็นเพียงภาพความเป็นจริงที่แสดงออกมาให้เห็นความงดงามที่ควรจะเป็น
คนอื่นๆ ครอบครัวอื่นๆ ก็ไม่พ้นกับความจริงแบบนี้เช่นกัน ความพอดีของแต่ละผู้คนนั้นมีไม่เท่ากัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากผมนอนและได้ขบคิดมาหลายคืนกับความฝันที่อยากให้ลูกไปเรียนในโรงเรียนในฝันของเด็กไทยจำนวนมาก คำตอบต่อความฝันนั้นก็ค่อยๆ ชัดขึ้น ชัดขึ้น ...
เด็กนักเรียนโรงเรียนนครสวรรค์หลายคนอยากไปเรียนต่อที่เตรียมอุดมในกรุงเทพฯ
ถ้าเราทำได้ ตรงนี้คือโอกาสทองเลย ทุกคนตระหนักอยู่แล้ว...จริงมั๊ย
ในหัวใจของผู้ปกครองก็เช่นกัน อยากให้ไปเรียน หากแต่ข้อมูลของครอบครัวที่ปรากฏออกมาในหลากหลายมิติ ทำให้ต้องยอมรับความจริงในคำตอบสุดท้ายว่า แนวโน้มนั้นมีความเป็นไปได้น้อย
คำถามต่อไปคือ ดูจากอะไร ...
คำตอบก็คือ ดูจากสิ่งที่ได้รับสุดท้าย ...ผลลัพธ์นั่นเองครับ
โรงเรียนดี เพื่อนๆก็พรั่งพร้อมด้วยภาวะการแข่งขัน สิ่งแวดล้อมก็เอื้อต่อการสร้างหัวใจฮึดสู้ ฯลฯ
จุดด้อยก็มีเหมือนกัน
ไกลครอบครัว เกิดเหตุร้ายป่วยไข้ช่วยเหลือไม่ทัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากโดยไม่สัมพันธ์กับการสร้างศักยภาพการแข่งขัน โดยรวมแล้วลูกจะขาดความอบอุ่นจะเห็นไปพึ่งเพื่อนมากกว่า ณ วันนี้ที่เรียนอยู่ใกล้บ้านหน่อย
นี่ก็คือคำตอบของความจริงในความฝันอันเลิศหรูคือ ความพอเพียง มีเท่าไรก็ต้องเท่านั้น ถ้ามากไปก็เสีย ถ้าน้อยไปก็เสีย สายกลางก็คือเส้นทางที่บังคับให้แต่ละครอบครัวต้องเดินอย่างไม่บิดพลิ้ว และถ้าทำได้ก็ถึงเส้นชัยได้แน่นอนเช่นกัน
ขอบคุณนะครับที่ให้ดอกไม้