รสพระธรรม / รถพระทำ


ผู้เขียนก็คิดว่า สิ่งนี้นี่แหละคือ สิ่งที่เด็กไทยต้องมี นั่นก็คือ การฉลาดในการแก้ไขปัญหา ฉลาดในการพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลับมาเป็นบวก และการมีอารมณ์ขัน

เมื่อวานนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญก่อนวันเข้าพรรษาอย่างเป็นทางการ ยังความอิ่มบุญมาให้มากมายจนสามารถแจกจ่ายให้กับท่านผู้อ่านได้อย่างถ้วนทั่ว ในครั้งนี้ผู้เขียนได้รับเชิญให้ไปเป็นกรรมการตัดสินการประกวดเทียนพรรษา (หรือต้นเทียนจำนำพรรษา) และการประกวดวาดภาพระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี 56 ณ วัดเวฬุวนาราม (วัดไผ่เขียว)

ในการประกวดเทียนพรรษานี้ มีโรงเรียนต่างๆ ในเขตดอนเมืองเข้าร่วมประมาณ 11 โรงเรียน เช่น โรงเรียนอนุบาลวัดไผ่เขียว / โรงเรียนสีกันวัฒนานันท์อุปถัมภ์ / โรงเรียนวัดเวฬุวนาราม / โรงเรียนรวิวรรณวิทยา / โรงเรียนวัดดอนเมือง / โรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา / โรงเรียนประชาอุทิศ / โรงเรียนเปรมประชา และต้องขออภัยที่จำโรงเรียนทั้งหมดไม่ได้ เนื่องจากตอนเป็นกรรมการพยายามไม่ดูชื่อโรงเรียน แต่ดูเฉพาะหมายเลขที่เข้าประกวด เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการลำเอียง (และนี่เป็นข้อแก้ตัวอย่างหนึ่งของผู้เขียนที่จำชื่อโรงเรียนที่เข้าประกวดทั้งหมดไม่ได้ 555)

เมื่อกรรมการทุกท่านมาถึงพร้อม เราจึงได้ตกลงกันในเรื่องเกณฑ์การพิจารณา โดยเน้นดูเรื่องการประดับตกแต่งต้นเทียนด้วยวัสดุธรรมชาติ (ข้อนี้เน้นเป็นหลัก) การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ความคิดสร้างสรรค์ ความประณีตสวยงาม และความสูงไม่เกิน 3 เมตร นับจากฐาน (เนื่องจากสูงเกินจะอันตรายต่อการนำเทียนไปถวายที่วัด)  ภายหลังจากการเดินพินิจพิจารณาตามเกณฑ์ดังกล่าว กรรมการก็นำคะแนนมารวมกันและได้ที่หนึ่งกับที่สองมา ซึ่งเฉือนกันแค่เพียงคะแนนเดียว ที่หนึ่งในปีนี้ที่ได้คือ ต้นเทียนจำนำพรรษาของโรงเรียนประชาอุทิศ และลำดับที่สองคือ โรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา ขอบอกเลยว่า ต้นเทียนจำนำพรรษาของทั้งสองโรงเรียนนี้นั้นสวยงามและเน้นประดับตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติจริงๆ เพียงแต่ของโรงเรียนประชาอุทิศนั้นได้ประดับประดาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งรถ-ทั้งเทียน ดูสวยงามสอดคล้องกันไปทุกมุม

(ภาพบรรยากาศงานในมุมต่างๆ)



(ภาพต้นเทียนจำนำพรรษาที่ได้อันดับ 1 : โรงเรียนประชาอุทิศ)


เมื่อกรรมการประกาศผลการตัดสินเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาแห่เทียนพรรษาไปถวายยังวัดต่างๆ ซึ่งขณะตั้งขบวนรถเพื่อรอเวลาขับเคลื่อนกันอยู่นั้น ก็ได้เห็นรถที่มีเทียนพรรษาประดับประดาตกแต่งสวยงามไม่แพ้กัน ยังเอ่ยถามกันอยู่ว่า คันนี้ไม่ส่งเข้าประกวดหรือ? จึงได้รับคำตอบว่า คันนี้เป็น “รถพระทำ” คือ พระที่วัดไผ่เขียวช่วยกันจัดทำขึ้นมา นับว่าสวยงามทีเดียว แต่ที่ติดใจที่สุดคือ คำว่า “รถพระทำ” ทำให้รู้สึกซึ้งถึงคำว่า “รสพระธรรม” ไปด้วยจริงๆ (555)

(ภาพต้นเทียนซ้ายมือที่มีเจ้าหน้าที่คอยยืนจับเทียน คือ คันที่พระท่านช่วยกันทำ)


ในตอนบ่ายมีกิจกรรมประกวดวาดภาพระดับประถมและมัธยม ซึ่งกิจกรรมนี้ให้เวลาผู้เข้าแข่งขันวาดภาพ 2 ชั่วโมง ภายใต้หัวข้อ “เด็กไทย วิถีไทย วิถีพุทธ” ซึ่งน้องๆ ทุกคนดูขะมักเขม้นตั้งใจวาดกันอย่างมีสมาธิ เห็นบรรยากาศเช่นนี้แล้วให้นึกอยากวาดภาพตาม ห้องที่ทางวัดจัดไว้ให้สำหรับกิจกรรมนี้ก็เหมาะสมมากจริงๆ ซึ่งเป็นห้องที่ปกติจะใช้เป็นที่นั่งสมาธิกรรมฐาน เป็นห้องที่รู้สึกได้เลยว่า เมื่อเข้าไปอยู่แล้ว รู้สึกสงบ สบายใจ จนอยากนั่งทำงานศิลปะเพลินๆ หรือนั่งสมาธิจริงๆ


ในตอนแรกกรรมการแต่ละท่านยังห่วงๆ อยู่ว่า น้องๆ จะวาดรูปเสร็จทันในเวลาหรือไม่ แต่ทางท่านรองเจ้าอาวาสฯท่านก็บอกว่า เสร็จแค่ไหน แค่นั้น ให้ดูทักษะเป็นสำคัญ ซึ่งเราก็ยังหวั่นๆ กันว่า จะไหวหรือนั่น ระหว่างน้องๆ นั่งวาดรูปกันอย่างมีสมาธิมากมาย เราก็ได้เห็นพัฒนาการวาดของน้องๆ แต่ละคน ไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงที่กำหนดไว้ให้นั้น น้องบางคนเมื่อผู้เขียนเดินไปดูในชั่วโมงแรกยังคิดว่าจะเสร็จทันหรือ? แต่พอผ่านไปสักชั่วโมงครึ่ง เริ่มเห็นรูปร่าง เห็นการลงสี เมื่อเห็นดังนั้นก็ให้ประหลาดใจว่า น้องทำเสร็จทัน และจะเสร็จทันเวลาแน่ๆ ที่น่าชื่นใจก็คือ ไม่ใช่แค่คนเดียวที่เสร็จทัน แต่ส่วนใหญ่สามารถทำได้มากกว่า 70% และบางคนทำได้ 100% นับเป็นความสามารถของเด็กไทยและครูผู้สอนจริงๆ ที่สอนให้น้องๆ แก้ไขปัญหาของการวาดภาพที่มีเวลาจำกัดได้อย่างน่าทึ่ง


ผลการประกวดระดับประถมศึกษา


ผลการประกวดระดับมัธยมศึกษา


สิ่งที่ทำให้ผู้เขียน “ได้คิด” ในเวลาสองชั่วโมงที่เฝ้ามองน้องๆ นั่งวาดภาพนั้นก็คือ บางคนเริ่มต้นดี ร่างภาพสวย แต่พอลงสีกลับทำได้ไม่ดีเพราะเวลาเริ่มหมด สมาธิเริ่มแตกซ่าน ในขณะที่บางคนตอนร่างภาพยังไม่ค่อยงาม แต่เมื่อใช้เทคนิคการลงสีช่วยทำให้น่าสนใจขึ้น บางคนใจกล้าถึงขนาดที่ว่า เมื่อลงสีอื่นไม่ทัน ทำอย่างไรจะให้ภาพดูเด่นและแน่น (องค์ประกอบครบมีความสมดุลย์) ก็ตัดสินใจลงสีดำที่พื้นภาพ ทำให้งานดูเด่นขึ้นมาได้จริงๆ นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างชาญฉลาด (และแสดงให้เห็นว่า มีความเข้าใจในเรื่องการใช้สีอย่างน่าทึ่ง) บางคนมีความคิดสร้างสรรค์สอดแทรกอยู่ในผลงาน เป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อย ที่เมื่อกรรมการเห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เช่น ภาพการปล่อยนกปล่อยปลา บางคนอาจวาดปลาธรรมดา แต่บางคนวาดแล้วรู้เลยว่า ต้องปล่อยปลาดุกด้วยนะ (555) ผู้เขียนก็คิดว่า สิ่งนี้นี่แหละคือ สิ่งที่เด็กไทยต้องมี นั่นก็คือ ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา ฉลาดในการพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลับมาเป็นบวก และการมีอารมณ์ขัน ซึ่งทำให้เราหมายรวมว่า เขาจะมีความฉลาดในอารมณ์ร่วมอยู่ด้วยนั่นเอง


หมายเลขบันทึก: 542975เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2013 22:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม 2013 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นการทำบุญที่ดีมากสาธุๆๆ

ชอบตอนนักเรียนวาดภาพ วาดได้สวยมากเลยครับ

น้องๆ สมาธินิ่งกันมากเลยค่ะ ตอนบอกเวลาใกล้หมด มีบางคนรู้สึกรนบ้าง สมาธิเริ่มแตก แต่บางคนก็ยังเฉยๆ ประมาณว่า ฉันก็ทำไปเรื่อยๆ เห็นแล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะอาจารย์

ขอบคุณค่ะพี่หนาน ในคลิปนี่ก็ฝีมือพระเหมือนกัน ชอบมากเลยค่ะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท