เรื่องเล่า ณ สุสานสุลต่านสุลัยมาน ต. หัวเขา อ. สิงหนคร จ. สงขลา
ในวิชาเกี่ยวกับความเชื่อของสังคมไทยภาคใต้ เพื่อให้มวลนิสิต ป. โท สาขาวิชาไทยคดีศึกษาได้ศึกษาความเชื่อในวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ โดยเฉพาะในแถบเมืองสงขลา เราจึงไปนำพานิสิตออกภาคสนามแห่งแรกเราไปยังหลุมฝังศพสุลต่านสุลัยมาน เจ้าเมืองสงขลาเดิม เราเดินทางด้วยรถเก๋งสองคันออกจาก ม. ทักษิณ ไปแวะรับอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่รออยู่ ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา เกาะยอ แล้วเรามุ่งไปยังสุสาน ท่านเจ้าเมืองสงขลาเป็นแห่งแรก ณ ที่ตรงนั้นมีนายบังเลาะอยู่เหมือนคนเฝ้าสุสานคอยพูดเชิญให้คนไปยังสุสานได้บริจาคทำบุญ ใครจะทำหรือไม่ทำก็ได้แล้วเราก็เปิดห้องเรียนธรรมชาติกันตรงนั้น
ย้อนรอยเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ในสมัยพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่าเอกาทศรถ แห่งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยานั้น ได้มีดาโต๊ะ โมกอลล์ แห่งกรุงยอกยากาต้า ( เกาะชวา อินโดนีเซีย ) หลบภัยจากการล่าอาณานิคมของชาวฮอลันดา มาจอดเรือ ณ หัวเขาแดงแห่งนี้เห็นว่ามีชัยภูมิดีจึงตกลงสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยพร้อมบริวาร
ในปี พ.ศ. 2148 ดาโต๊ะ โมกอลล์ ได้ถวายตัวสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเอกาทศรถ ต่อมาพระองค์ทรงแต่งตั้งดาโต๊ะ โมกอลล์เป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองสิงขรา ท่านมีบุตรชาย 2 คน คือ สุลัยมาน และฟารีซี และมีบุตรีหนึ่งคนคือฟาติมะห์
ด้วยชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองท่าเทียบเรือจากนานาประเทศที่หมุนเวียนมาจอดพักหลบมรสุม เมืองสิงขรา หรือเมืองชิงกอรา ได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายหลังดาโต๊ะ โมกอลล์ ล่วงลับแล้ว บุตรชายคนโตคือสุลัยมานได้สืบทอดตำแหน่งแทนบิดา จนมีอำนาจเหนือเมืองใต้ในแถบนี้
ในปี พ.ศ. 2172 สมัยพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงพระนามว่าพระเจ้าปราสาททองนั้น ภายในแผ่นดินมีการแย่งชิงราชสมบัติ ทำให้ท่านสุลัยมานประกาศอิสรภาพ และสถาปนาตนเองเป็นสุลต่านและผู้นำแห่งรัฐสิงขรานครในปี พ.ศ. 2185 พร้อมกับสร้างป้อมปราการและกำแพงรอบเมืองให้มีความมั่นคงแข็งแรง แม้แต่กองทัพแห่งกรุงศรีอยุธยายกทัพมาตีแต่ก็พ่ายแพ้กลับไปทุกครั้ง
เมื่อถึงวาระท้ายสุดท่านสุลต่านได้ล่วงลับไปในปี พ.ศ. 2211 รวมอายุได้ 76 ปีและได้ประกอบพิธีฝังศพ ณ สุสานหาดทรายใกล้เขาแดงนี้เอง ผู้ที่สืบต่อตำแหน่งแทนท่านสุลต่านสุลัยมานคือบุตรชายองค์ใหญ่นามว่า มุสตาฟา ในปี พ.ศ. 2211-2223 อยู่ในสมัยพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ต่อมารัฐสิงขรานครได้ถูกปราบปรามลงเป็นเมืองขึ้นตรงต่อการปกครองของสยามประเทศดังเดิมแล้ว บุตรชายทั้งสามของท่านสุลต่านสุลัยมานต่างแยกย้ายไปรับราชการสนองเบื้องพระยุคลบาทของพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยามสมัยอาณาจักรศรีอยุธยาคือ มุสตาฟา ต่อมาได้เป็น พระยาศรีวิชัยสงครา , ฮุสเซน ต่อมาได้เป็น พระยาจักรี เจ้าเมืองพัทลุง , ฮัสวัน ต่อมาได้เป็น พระยาบังสันแม่ทัพเรือ
ในสายตระกูลสุลัยมานที่มีบทบาทสำคัญยิ่งคือ เจ้าพระยาพัทลุงคางเหล็ก ( ขุน ) เท้าความถึงแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา พระยาพัทลุง ผู้บิดาพาบุตรชายชื่อขุนไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก มีเพื่อนรุ่นเดียวกันอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน ดังนี้ คือ สินต่อมาคือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช , ทองด้วงต่อมาคือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ 1 ) , บุญนาคต่อมาเป็นเจ้าพระยามหาเสนา ต้นตระกูลบุญนาคในปัจจุบัน , และขุน รับราชการอยู่ร่วมกับสินเป็นหนึ่งใน 500 คนที่ร่วมตีฝ่าวงล้อมแหกค่ายทหารพม่าออกมารวมพลต่อสู้กับกองทัพพม่าจนได้รับอิสรภาพภายใน 7 เดือน เมื่อบิดาคือพระยาพัทลุงล่วงลับแล้ว ขุนจึงได้สืบตำแหน่งแทนเป็นพระยาแก้วโกรพพิชัย และเป็นต้นตระกูล ณ พัทลุง นับเป็นสายตระกูลสุลัยมานท่านหนึ่งที่มีบทบาทร่วมกอบกู้เอกราชชาติไทยกลับคืนมาหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งท้ายสุดในปี พ.ศ. 2310 นั้นแล.
อยู่มาตั้งนาน
เพิ่งทราบค่ะ ท่านอาจารย์ยูมิ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ กับเกร็ดความรู้นี้ค่ะ
สวัสดีครับ คุณอร
เป็นการรู้ไว้ใช่ว่านะครับผม