การบูรณาการโดยใช้ศาสตร์ต่างคณะ
ผศ.ดร.ชูพักตร์ สุทธิสา (คณะมนุษยศาสตร์ฯ) และ ดร.ฉันทนา เวชโอสถศักดา (คณะวิทยาการสารสนเทศ)
จัดเวทีโสเหล่ร่วมกับ อบต.หนองบัว และแกนนำชุมชน เพื่อวิเคราะห์บริบทชุมชนร่วมกัน
การจัดกระบวนการเรียนรู้โดยการบูรณาการศาสตร์ต่างคณะ (ข้ามศาสตร์) ในพื้นที่เดียวกัน ปรากฏเป็นรูปธรรมเด่นชัดในการทำงานระหว่างหลักสูตรสารสนเทศศาสตร์ (คณะวิทยาการสารสนเทศ) กับหลักสูตรการพัฒนาชุมชน (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)
กล่าวคือทั้งสองหลักสูตรปฏิบัติงานในชุมชนหนองบัว (ต.หนองบัว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม) ซึ่งเป็นการเติมเต็มศักยภาพการจัดกิจกรรมวนชุมชนต่อกันและกัน เนื่องจากนิสิตหลักสูตรการพัฒนาชุมชน จะมีความรู้และทักษะในการลงชุมชนมากกว่านิสิตจากหลักสูตรสารสนเทศศาสตร์ ขณะที่นิสิตจากหลักสูตรสารสนเทศศาสตร์ จะมีทักษะที่หลากหลายในการนำข้อมูลไปจัดระบบเป็นสารสนเทศเพื่อการเผยแพร่ในมิติต่างๆ วิธีคิดเช่นนี้ จึงถือเป็นการออกแบบการเรียนรู้ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน เติมเต็มศักยภาพของการเรียนรู้ร่วมกันไปโดยปริยาย ดังนี้
1) จัดเวทีการพัฒนาโจทย์ การสำรวจ “ทุนทางสังคม” (Social capital) ในเชิง “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” (Local knowledge) เน้นการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (โสเหล่) ร่วมกันระหว่างนิสิต อาจารย์และชาวบ้าน จากทุกหมู่บ้านของชุมชนหนองบัว เพื่อจัดกระทำกับข้อมูลผ่านกลไก ของการ mapping เพื่อให้เห็นศักยภาพของแต่ละหมูบ้านว่าโดดเด่น ในเรื่องภูมิปัญญาด้านใด เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้นิสิตได้ลงพื้นที่เก็บ ข้อมูล และจัดหมวดหมู่ข้อมูลเชื่อมโยงเข้าสู่การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
2) จัดเวทีสะท้อนผลการเรียนรู้ โดยการเชิญ “ปราชญ์ชาวบ้าน” ในด้าน ต่างๆ อันเป็นข้อมูลที่เกิดจาการศึกษา รวบรวมของนิสิตและชาวบ้าน มาจัดเป็นมหกรรมสาธิต หรือปฏิบัติการจริง เพื่อให้นิสิต ชาวบ้าน รวมถึงเด็กและเยาวชนที่เป็น “นักเรียน” ได้เข้ามาร่วมเรียนรู้และฝึก ปฏิบัติจริงร่วมกันในเรื่องต่างๆ เช่น การทอสื่อกก การจักสาน การขับร้อง การทำดอกไม้ประดิษฐ์ การรักษาโรคด้วยสมุนไพร ฯลฯ
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้จัดกระทำเป็นฐานข้อมูลและใช้เป็นส่วนหนึ่งในการ สร้างระบบสารสนเทศเพื่อการสืบค้นและเพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ในท้องถิ่นนั้นๆ
การขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ “กู่กาสิงห์” (บ้านกู่กาสิงห์ ต.กู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด) ของสาขาสถาปัตยกรรมภายใน (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์) กับสาขาประวัติศาสตร์ (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) เป็นอีกสองหลักสูตรที่มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เบื้องต้นทั้งสองสาขาได้วางแผนการเก็บข้อมูลชุมชนร่วมกัน รวมถึงการแบ่งบทบาทหน้าที่การปฏิบัติการ (Activity) อย่างเป็นรูปธรรม เช่น สาขาประวัติศาสตร์เน้นกระบวนการเก็บข้อมูล จัดหมวดหมู่ข้อมูลที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์กู่กาสิงห์ ส่วนสาขาสถาปัตยกรรมภายใน จะรับผิดชอบการออกแบบพื้นที่การจัดแสดงข้อมูลต่างๆ ไว้ภายในตัวพิพิธภัณฑ์
ฯลฯ
เป็นหลักสูตรที่ดีมาก ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดีจ้ะ ขอบคุณอาจารย์มากๆๆๆๆๆๆ
...นักศึกษาได่เรียนรู้ ....และการ การปฏิบัติการ (Activity) อย่างเป็นรูปธรรม นะคะ .... ขอบคุณมากค่ะ
มาชื่นชมค่ะอาจารย์
เข้ามาชื่อนชม และขอให้ประสบความสำเร็จ อย่างยั่งยืนค่ะ