Swimming survival


หากทุกโรงเรียนมีการสอนว่ายน้ำหลักสูตรนี้ให้กับนักเรียน ไม่ใช่เพียงแค่ให้เด็กว่ายน้ำเป็นแค่ในสระ รอดตายแค่สระว่ายน้ำ เน้นท่าสวยงาม แขนต้องแบบนั้น ขาต้องแบบนี้ ลำตัวอย่างไร ผิดจากท่านี้ไปเดี๋ยวว่ายน้ำแล้วจะดูไม่งาม เราลืมไปหรือเปล่าว่าเราต้องการส่งลูกให้เรียนว่ายน้ำเพื่ออะไร ต้องกลับมาทบทวนกันอีกครั้งกับเรื่องนี้ สำหรับแม่ดาว คือ ให้ลูกเรียนเพื่อเอาชีวิตรอดได้จากการเล่นน้ำ หรือประสบภัย และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน

ช่วงนี้จะเห็นมีข่าวเด็กจมน้ำเสียชีวิตบ่อยมาก  แต่ข่าวที่เรารับรู้ก็แค่ส่วนหนึ่งของเรื่องจริงว่าไหมคะ  เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่อันตรายมาก ๆ นะคะ  เกิดขึ้นได้รอบ ๆ ตัวเรา หรือบางทีก็อาจจะใกล้ตัวเรามากอย่างคาดไม่ถึง  เป็นอีกเรื่องที่อยากนำมาเตือนภัยกันเนอะ

เด็กส่วนมากชอบเล่นน้ำ มีน้อยรายที่จะกลัวและไม่กล้าจะลงน้ำ ส่วนมากที่เห็นตัวเล็กเด็กแดงก็กระดี๊กระด๊าอย่างกับปลาอยากจะกระโจนลงน้ำหากได้เห็น พ่อแม่อย่างเราก็เป็นห่วง กังวลกับเรื่องนี้กันมาก แม่ดาวเองก็สนับสนุนส่งเสริมให้ลูกได้เรียนว่ายน้ำตั้งแต่วัย 3 ขวบ  คิดอีกที ณ ตอนนี้เหมือนจะช้าไป ฮ่าๆๆ 

ตัวแม่ดาวเองว่ายน้ำไม่เป็น แต่เคยมีประสบการณ์สมัยตัวเองเด็ก ๆ บ้านอยู่ใกล้กับแม่นน้ำเจ้าพระยา เรียกว่า บ้าน ถนน และข้ามถนนก็ริมแม่น้ำแบบนั้น ใกล้มาก  เป็นอะไรที่สุขสุด ๆ และเสี่ยงสุด ๆ สำหรับตัวเอง  แม่กำชับเสมอว่า ห้ามแอบไปเล่นน้ำไม่ว่าจะคนเดียว หรือกับเพื่อนก็ตามแต่  แม่ดาวสมัยเด็ก ๆ นั้นย้ายถิ่นฐานบ้านเกิดบ่อยด้วยพ่อเป็นข้าราชการ 

 ดังนั้นจึงไม่ใช่เด็กท้องถิ่น เพื่อน ๆ แม่ดาวเป็นเด็กท้องถิ่น เขาชินกับการเล่นน้ำกันเองโดยไม่มีผู้ปกครองมาดูแล  และจะมีหรือที่เด็กสาวตัวน้อย ๆ ซน ๆ อย่างแม่ดาวจะอดใจไหว  ว่ายไม่เป็นก็ไม่คิดจะกลัวสักนิด  ลูกมะพร้าวมี แกลลอนน้ำมันมีเพื่อน ๆ ผู้หวังดีจัดหามาเตรียมพร้อมไว้ให้ พร้อมทั้งชุดที่จะใส่ไว้เล่นน้ำด้วยความรักเพื่อน และอยากแบ่งปันความสนุกนั้นให้เพื่อนเล่นด้วยกัน อิอิ

แม่ดาวขัดคำสั่งแม่  รู้ทั้งรู้ว่าแม่รู้จะถูกทำโทษ แม่จะโกรธมาก แต่ด้วยความอยากๆๆ  อดใจไม่ไหวจริง ๆ  แม่มองว่ามันเสี่ยงมาก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ในมุมมองของเด็กวัยซนคนนี้ในอดีต ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเอาตัวรอดได้ เพื่อนก็ว่ายน้ำเป็น  อีกทั้งตัวเราเองก็มีอุปกรณ์ลอยตัวพร้อม และส่วนมากนิยมใช้ลูกมะพร้าวแห้งสองลูกมาผูกกันฮ่าๆๆ  มองว่าแม่กังวลและเป็นห่วงมากเกินไป และนี่แหละคะ คิดแบบเด็ก ๆ  หากจำไม่ผิดน่าจะอยู่สักประมาณประถม 3หรือ 4 นี่แหละ

แอบไปเล่นหลายครั้ง เสี่ยงและสนุกมาก ยิ่งหนีแม่มาเล่นนี่ยิ่งเร้าใจเป็นที่สุด คิดแบบนั้นจริง ๆ ในสมองตอนนั้น แค่กลัวว่าหากแม่รู้แม่จะดุ กลัวถูกแม่ทำโทษแค่นั้น ไม่เคยคิดกังวลถึงเรื่องการจมน้ำเสียชีวิตแต่อย่างใด  ก็ทำอยู่เช่นนั้น จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ เพื่อน 2 คนที่ว่ายน้ำเก่งมากเป็นเด็กท้องถิ่น เกิดอยากจะว่ายน้ำแข่งกันข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา  ว่ายน้ำข้ามฟากประมาณนั้น  เมื่อเพื่อนตกลงกันว่าจะเล่นว่ายน้ำแข่งกันเช่นนี้ และให้แม่ดาวเป็นกรรมการตัดสิน  ตอนนั้นแม่ดาวเริ่มกังวล  รู้อยู่ว่าเพื่อน 2 คนว่ายน้ำเก่งมาก แต่การว่ายน้ำข้ามฝั่งไม่ใช่เรื่องสมควรที่เด็กวัยพวกเรา ณ ตอนนั้นควรจะเล่น  แม่ดาวก็เลยห้ามเพื่อนว่า เล่นอย่างอื่น แข่งอย่างอื่นดีไหม  แต่เพื่อนทั้ง 2 ไม่ยอม  ไม่สนใจ คุยกันแล้วก็แข่งกันว่ายน้ำกันไปจุดหมายคืออีกริมฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา 

แม่เจ้า....เอาไงดีหนอ ในตอนนั้น ห้ามก็ไม่ฟัง ทำได้คือมองตาปริบ ๆ ด้วยใจระทึก ใจเต้นแรงมากจำเหตุการณ์ได้ค่อนข้างชัด เพื่อนว่ายกันไปสักพัก เพื่อนอีกคนไม่รู้เป็นอะไร อยู่ ๆ ก็หมดแรงเริ่มจมน้ำ  ส่วนอีกคนก็ไม่รู้ว่ายน้ำต่อไป ตอนนั้นหากจำไม่ผิดยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ  แม่ดาวตะโกนเรียกเพื่อนที่ว่ายน้ำสุดเสียง บอกว่าเพื่อนอีกคนกำลังจมน้ำ ตอนนั้นเหตุการณ์แบบบีบคั้นจิตใจสุด ๆ กลัวเพื่อนจะจมน้ำตาย กลัวความผิด กลัวแม่ดุ กลัวพ่อแม่เพื่อนจะดุ ฯลฯ สารพัดในสมอง

เพื่อนอีกคนที่ไม่จม ได้ยินหันมา และเห็นเหตุการณ์ และรีบว่ายกลับมา เพราะห่างกันไม่ไกลมาก โชคดีตรงนั้นมีทุ่น ที่เขาลอยไว้วัดระดับน้ำหรืออย่างไรนี่แหละ  อยู่ไม่ห่างมากนัก โชคดีที่เพื่อนทั้ง 2 ยังมีสติ ไม่พากันจมน้ำตายไปเสียก่อน  ไม่ใช่แค่การว่ายน้ำเป็น ว่ายน้ำเก่ง แต่ต้องมีสติเป็นสำคัญหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้  ทั้งคู่ปลอดภัย  และไม่มีใครรู้เรื่องนี้  นอกจากเราสามคน ณ เวลานั้นนะคะ 

นับจากวันนั้นมา อย่าคิดนะ ว่าเด็กซน ๆ อย่างแม่ดาวจะเข็ดเลิกเล่นน้ำฮ่าๆๆ  ยังกล้าเล่นอีก แต่เล่นแบบระวังตัวมากขึ้น เพื่อน ๆ ก็เช่นกัน เลิกไปเลยแข่งว่ายน้ำข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  ก็จะเล่นกันใกล้ ๆ ฝั่ง ไม่เล่นผาดโผน เล่นเอาพอสนุกและปลอดภัยด้วย  ประสบการณ์ครั้งนั้นสอนให้เราได้เรียนรู้เรื่องอย่าประมาท อย่ากล้าบ้าบิ่นมากเกินไป เล่นแต่พองาม

ถึงแม่ดาวจะไม่ใช่คนที่จมน้ำ  แต่ความรู้สึกคิดว่าไม่ต่างจากเพื่อนที่จมน้ำมากนักเ หมือนเราอึดอัด หายใจไม่ออกไปด้วย กลัวสารพัด  เรามีโอกาสรอดจากเรื่องเลวร้ายมาได้ จำไว้ และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นสิ่งสอนใจเสมอ ๆ จนมีลูกก็คิดถึงเรื่องนี้บ่อย ๆ เด็กมักชอบเล่นสนุก ชอบความท้าทาย มีความคึกคะนอง กล้าบ้าบิ่นอยู่ในตัว อาจไม่ใช่ทุกคน แต่ที่รู้จักมาก็เป็นเช่นนี้เสียส่วนมากเนอะ

 Swimming survival  การว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด แม่ดาวได้รู้จักจากการนั่งดูข่าวเมื่อวาน เเป็นหลักสูตรการสอนว่ายน้ำโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม.นี่แหละค่ะ  เห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์มาก คือ ครูจะสอนให้ไม่ใช่แค่ว่ายน้ำเป็น แต่สอนให้เด็กสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำได้ และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ วิธีการที่จำได้จากที่ดูมานะคะ


1. ครูจะให้เด็กลงไปในน้ำทั้งชุดปกติ ไม่มีแว่นตากันน้ำ ในข่าวเป็นชุดลูกเสือประมาณนี้ เพื่อให้เด็กคุ้นเคย เพราะเวลาหากตกน้ำจริง ๆ หรือจะไปช่วยเหลือคนอื่นจริง ๆ คงไม่มีเวลามาเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ หาแว่นตากันน้ำก่อนจริงไหม อิอิ


2. วิธีการช่วยเหลือตัวเองคือจะสอนให้ลอยตัวในน้ำ ที่ลูกแม่ดาวเรียนมาก็จะเป็นท่าปลาดาวคว่ำ ปลาดาวหงาย ครูที่สอนลูกแม่ดาวตอนนั้นจะสอนให้เขาสามารถคว่ำและหงายได้เอง ตอนนี้สงสัยลืมไปหมดแล้ว หากจะเอาชีวิตรอดควรเป็นท่านอนลอยตัวหงายหน้าขึ้นเหนือผิวน้ำเนอะ


3. หากเห็นคนอื่นตกน้ำให้หาไม้ยาว ๆ ยื่นส่งไปให้เขาจับ ถ้ามีอยู่ ณ บริเวณนั้นเนอะ


4. หรือจะหาขวดน้ำดื่มขวดเล็กนี่แหละ ใส่น้ำเข้าไปนิดหน่อยให้พอมีน้ำหนักให้เราสามารถเขวี้ยงส่งไปแบบควบคุมทิศทางได้


5. ในกรณีที่ตัวเด็กเป็นผู้ถูกช่วยเหลือ(จมน้ำ)ครูจะสอนให้เด็กว่ายน้ำเพื่อพาตัวเองไปยังขวดน้ำ หรือไม้ดังกล่าวที่มีคนยื่นส่งมาให้

**เหล่านี้แค่บางส่วนที่ได้ดูมา แต่คิดว่าในหลักสูตรคงมีขั้น 1 2 3 4 เนอะ และที่แน่ ๆ น่าจะต้องมีการตะโกนร้องขอความช่วยเหลือรวมอยู่ด้วยคิดไว้ว่านะคะ 

อันที่จริงเราควรชวนคุยกันเรื่อย ๆ เนอะ เช่นไม่ใช่แค่ขวดน้ำ ไม้ยาว ๆ อะไรบ้างที่เขาสามารถช่วยตัวเองในการลอยตัว หรือช่วยคนอื่นได้บ้าง คุยเรื่อย ๆ ไม่ใช่คุยกันม้วนเดียวจบ เวลาเห็นน้ำให้นึกถึงเรื่องนี้ประมาณนี้ เช่นเดินทางๆน้ำ หรือไปเที่ยวทะเล หรือไปสระว่ายน้ำ ระหว่างการเดินทางไปก็ชวนคุย ๆ ให้ตื่นตัวเข้าไว้ หากเขามีข้อมูลเหล่านี้ไว้ เวลาเกิดเหตุจริงก็น่าจะพอคิดช่วยชีวิตตัวเอง/ผู้อื่นได้บ้างล่ะนะ ทำให้ดีที่สุดแล้วปล่อย หมายถึงเราทำหน้าที่ของเราให้ดีสอนแนะนำ ที่เหลือก็ต้องเป็นตัวเขาที่ต้องจัดการดูแลตัวเอง พ่อแม่ไม่ได้ตามไปปกป้องลูกได้ทุกที่นี่เนอะ

คงจะดีมากนะคะ หากทุกโรงเรียนมีการสอนว่ายน้ำหลักสูตรนี้ให้กับนักเรียน ไม่ใช่เพียงแค่ให้เด็กว่ายน้ำเป็นแค่ในสระ  รอดตายแค่สระว่ายน้ำ  เน้นท่าสวยงาม แขนต้องแบบนั้น ขาต้องแบบนี้ ลำตัวอย่างไร ผิดจากท่านี้ไปเดี๋ยวว่ายน้ำแล้วจะดูไม่งาม  เราลืมไปหรือเปล่าว่าเราต้องการส่งลูกให้เรียนว่ายน้ำเพื่ออะไร  ต้องกลับมาทบทวนกันอีกครั้งกับเรื่องนี้  สำหรับแม่ดาว คือ ให้ลูกเรียนเพื่อเอาชีวิตรอดได้จากการเล่นน้ำ หรือประสบภัย  และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน  

อย่างที่เคยบอกกันบ่อย ๆ จุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด เราไม่ต้องพร่ำบ่น ตัดพ้อ หรือรอโอกาสเนอะ สอนเองก็ได้จริงไหม เอาแบบเท่าที่เราพอรู้ พอสอนได้ และอย่าลืมสอนลูกเรื่องการมีสติไปพร้อม ๆ กัน  บอกลำดับขั้นให้ชัดเจนว่าอันดับแรกสุดเมื่อเขาเห็นคนจมน้ำ หรือจมน้ำเองต้องทำอย่างไร  ควรชัดเจน กระชับ จำง่าย และฝึกฝนกันบ่อย ๆ แบบนี้  เมื่อคุ้นชิน เมื่อถึงคราวฉุกเฉินภัยมาถึงตัว ลูกเราจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ หรือไม่ก็ได้มีโอกาสช่วยผู้อื่นได้เนอะ  อย่างแม่ดาวนี้ว่ายน้ำไม่เป็นเลย แต่มีความสามารถดำได้แบบไม่ขึ้นโผล่ขึ้นมาอีกหลายวันได้้ชัวร์ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ตื่นตัว ๆ แต่ไม่ตื่นตูมเนอะ แบ่งปันไว้จะเอาไปสอนลูกด้วยเหมือนกันค่ะ หรือใครมีความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการสอนลูกให้เอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ หรือช่วยเหลือผู้อื่นได้แนะนำมาได้นะคะ อยากรู้เหมือนกัน อิอิ


หมายเลขบันทึก: 541477เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2013 10:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม 2013 10:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท