ครบ 15 วันแล้วที่สาวน้อยไปเข้าค่ายเรือใบที่สัตหีบ
วันสุดท้ายมีงานเลี้ยงให้ผู้ปกครองและเด็กไปพักผ่อนให้หายเหนื่อย และให้เด็กๆออกมาพูดความรู้สึกตอนเข้าค่าย เด็กกล่าวถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ละคนพูดออกมาจากใจเล่นเอาพ่อแม่น้ำตาคลอ ลูกดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก คิดไม่ผิดเลยที่พาลูกมาเข้าค่ายในครั้งนี้
|
นั่งอ่านบันทึกความรู้สึกของลูกแล้วแม่ก็ทรมานใจ แต่ต่อไปลูกคงรู้ว่าสิ่งที่แม่เลือกให้นั้นเป็นประสพการณ์ที่จะหาไม่ได่อีกแล้ว ในเวลา 15 วัน ลูกสามารถแล่นเรือไปเกาะหมูระยะทาง 3 กิโลเมตร ตลอดเวลาที่เข้าค่ายมักมีเหตุให้เด็กหัวโนอยู่เสมอเพราะการบังคับเรือนั้นต้องรู้องศาและทิศทางลม ผู้ที่เล่นเรือได้ดีนั้นต้องเป็นหนึ่งเดียวกับเรือ กลไกของร่างกายและสองตลอดจนความคิดต้องสัมพันธ์กัน เพราะเมื่อลมพัดมาแรงๆสมาธิไม่ดีร่างกายไม่คล่องแคล่วก็จะไม่สามารถหลบใบเรือที่พัดสะบัดกลับมาด้วยความเร็วได้ บางคนถึงกับเรือล่ม เมื่อเรือล่มก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดไม่ให้เสาใบเรือล้มฟาดทับ ไปดูลูกๆเล่นรู้สึกชื่นชมในความสามารถ ความอดทน ความเพียรพยายาม และสุดท้ายเป็นบันทึกที่ลูกเขียนถึงการมาเข้าค่ายในครังนี้
กีฬาเรือใบมี ประเภท ออปติมิท Optimist สำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า15 ปี
ประเภทเลเซอร์ Laser สำหรับบุคคลที่อายุเกินกว่า 15 ปี
|
ยังไม่จบแค่นี้นะคะ ต่อไปเราจะได้รู้จักกีฬาเรือใบกันมากขึ้น เด็กทำได้ผู้ใหญ่ก็หลายๆคนก็ตามลูกไปเล่นกับลูกด้วย น่าสนุกนะคะ แต่เตรียมครีมกันแดด SPF 50 พอกกันให้ขาววอกเลยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เพราะแต่ละคนดำทะมึนด้วยลมแดดแผดเผา ยิ้มเห็นขาวแต่ฟัน……
...เห็นพระบรมฉายาลักษณ์...ระลึกถึงพระองค์ท่านค่ะ...ชื่นชมเด็ก ครู ผู้ปกครอง และโครงการกิจกรรมการเข้าค่ายที่ดีมีประโยชน์นะคะ...น่าติดตามที่จะอ่านต่อค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ. ดร.พจนา ขอบคุณมากนะคะ ยังมีต่ออีกยาวกับตามหัวใจไปสัตหีบค่ะ ขอคำติชมได้เลยนะคะ