จดหมายถึงครู l บทเรียนท่ามกลางคนทุกข์


จดหมายถึงครู l บทเรียนท่ามกลางคนทุกข์

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กราบสวัสดีค่ะครู

  จิตที่ร่อแร่ รอดไม่รอด ได้รับความเมตตาจากครูช่วยชี้ทางสว่าง ใจหนูทุกข์หนัก ครูคะบันทึกที่ไม่ได้นำขึ้นเมื่อวาน มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นที่สะเทือนเข้าไปข้างในใจหนู เมื่อวานหนูเฉียดที่จะหมดลมหายใจ ด้วยความเหม่อ ระหว่างขับรถลงเขาเหม่อไปชั่วขณะขับกินเลนส์ รถที่สวนมาแล้วเหมือนมาได้สติตอนจะระยะไม่ห่าง จังหวะวืดคือกระจกห่างกันแค่เสี้ยวทั้ง ๆที่หักหลบแล้ว ถ้าหนูไม่หักหลบกับความเร็วที่เร่งมาสวนกับคันที่ขับอยู่

สภาพน่าจะ ไม่ตายก็เจ็บหนักเจ้าค่ะ

แต่ก็รอดมาอย่าง เฉียด

มีเสียงดังแบบตะคอกมาจากข้างใน ว่า เกือบตายแล้วไหมหล่ะ

ระลึกถึงครูที่เมตตาให้ได้ขอขมาและขออโหสิกรรม

พระยามัจจุราชมีเสนามากจริง ๆ เจ้าค่ะ

พอถึงบ้าน จึงตั้งใจทำอาหารถวายพระ ตั้งใจทำ 3 อย่าง ผัด แกงและแซนวิช

มีเด็ก ๆ มาช่วยก็ทำให้ระลึกถึงครู เมนูเหล่านี้หนูทำเป็น ก็เพราะครูทำให้ดู และให้ฝึกทำแบบทั้งนั้น เตรียมของเสร็จโดยที่มีหลาน ๆ มาช่วย แล้วก็มาอยู่กับแม่แล้วหลับคาการเขียนบันทึกค้างไว้เจ้าค่ะ

ตื่นมาอีกทีก็ตีสี่ จึงจัดแจงทำอาหาร วันนี้วันพระ ปกติข้อปฏิบัติของพ่อ คือ หากไม่ใช่วันเสาร์ พ่อจะขึ้นไปจังหันที่วัดที่พี่ชายบวช หนูได้โอกาสเตรียมอาหารถวายพระส่วนหนึ่งแบ่งให้พ่อขึ้นไปวัด ส่วนหนึ่งเตรียมสำหรับใส่บาตรพระจากวักปทุมรังษี ซึ่งช่วงนี้หลวงปู่เลิศเมตตามาจำวัด ใจหนูเป็นหนัก ๆ อยู่กับการไม่ได้เขียนบันทึก

พอเตรียมกับข้าวเสร็จ ตั้งกะละมังไว้หน้าบ้าน รอใส่บาตร และรอพ่อขึ้นไปวัด หลวงปู่เมตตายืนรอที่หน้าบ้าน มานึกย้อนกับตนเอง หนูโชคดีจริง ๆ ที่มีพระอริยมาโปรดถึงหน้าบ้าน ระลึกถึงคำพูดของพี่ชายอีกว่า

“ติ๋วโชคดีแค่ไหนที่มีพระอริยเมตตาดูแลอย่างใกล้ชิด คนอื่น เขามีแต่วิ่งหา นี่เรานี่ ท่านโทรมาเมตตาทุกวัน ไม่เห็นเบาะ”

ได้เวลาออกเดินทาง ใจหนูป้ำ ๆ เป๋อ ๆ อีกแล้วเจ้าค่ะ ออกมาเกือบสิบกิโลนึกได้ ลืมกล้อง ลองหาในรถ ไม่เจอ ย้อนกลับไปจนถึงบ้าน ไม่เจอ หาไป ๆ มา ๆ กระเป๋าทับอยู่ในกระโปรงรถ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

พอได้รับโทรศัพท์จากครู รับรู้ว่า จิตหมองอยู่เจ้าค่ะ ครูเมตตาให้ได้พิจารณา เพราะจิตมันสำออยขี้เกียจ จะลดข้อวัตรไหม หรือ จะเลิกไหม ถ้าไม่ทำ ไม่เอาก็ไปขอ เลิกคำอธิษฐานกับหลวงปู่ ให้เหลือแค่ทำวัตรเช้าเย็น ทำวัตรไม่ต้อง ทำอาหารไม่ต้อง ชาตินี้เอาแค่นี้

โห ข้างใน ตัวจิตที่มันชั่วมันโล่งเบาเจ้าค่ะ รู้สึกว่า “สบายละ”

แต่อีกตัวบอก แว๊บขึ้นมาว่า “เฮ้ย ไม่ได้  ๆ“

ถ้าเอาสบายมันก็เสร็จกิเลสกันพอดีซิ

แต่ไปข้างหน้าแกก็ไม่ไหวนะ

จริง เหรอที่ไม่ไหว

ครูเมตตา ถามแบบไล่ต้อนจิต มันออกอาการสำออยเจ้าค่ะ

แล้วครูก็วางสายแบบให้ไปคิดแล้วมาตอบ

  หนูถามตนเอง เอายังไง

ตัดสินใจพาตนเอง แวะ โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งระลึกว่า

“ถ้ามีงานแผนไทยจะแวะ เพราะร่างกายป่วยอยู่ละ เอามาเยียวยา แต่ก็อยากได้ช่วงเวลาตัดสินใจแบบไม่หลอกตัวเอง แบบ ทำดีเอาหน้า”

แล้วก็มีแบบ พอมีเจ้าค่ะครู

ต้องไปทำบัตรก่อน เชื่อไหมค่ะ

“จิตหนูออกอาการ วีนเงียบ”

หนูนั่งทำบัตรใหม่ชั่วโมงกว่า เป็นการเลือกที่นั่งรอใกล้ ๆ จุดกดบัตรคิว นึกถึงคลิปที่ครูเปิดให้ดูเกี่ยวกับ R2R ทุกข์ของผู้ป่วย ทุกข์ ของคนทำงาน

ใจหนูก็หม่น ด้วยใจที่ “เป็นทุกข์”

หนูหันมองรอบ ๆ ตัว แววตาแต่ละคน ทุกข์ทั้งนั้นเลย การรอทำบัตรแบบไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้เส้นทาง ไม่รู้จักเจ้าหน้าที่แบบไม่มีทางลัด หนูแว๊บได้คิดกับตนเองว่า

“นี่ไง หากออกมาเดินเอง ก็เหมือน เลือกเดินทางใหม่ มามั่ว มาควานหาเอาเอง มาเริ่มใหม่ ที่ผ่านมาเดินตามครูมาตลอด ครูเมตตา แต่จิตชั่ว ๆ ก็ประมาท”

หากออกมาเดินทาง คลำทางเองก็จะเหมือนมาแบบนี้ทุกข์มาก เนิ่นช้าเสียเวลาด้วย

คนที่นั่งข้าง ๆหนูเปลี่ยนคนแล้วคนเล่า รู้สึกประหลาดใจเดินไปถาม ปรากฏว่า “ยังไม่เรีบร้อย”

ใจหนูระลึกขึ้นมาอีก บริการแบบนี้น่าทำ R2R นี่ไงสิ่งที่ครูชี้เสมอ ๆ เกี่ยวกับงาน คือ เอากระบวนการวิจัยมาพัฒนาสิ่งที่มันยังเป็นปัญหา มาทะลุทะลวงทางตัน ให้เห็นทางออก ให้กับคนหน้างาน

  พอได้บัตร บวกกับการได้แง่คิดกับตนเอง เดินกลับมา หนูหมายมั่นว่า ครานี้ได้นวดแน่ ๆ ปรากฏว่า “หมอนวดไม่ว่าง ต้องรอก่อนประมาณ 15 นาที”

หนูนั่งรอตรงเก้าอี้กลม ณ ทางเดิน แบบว่า มีตัวเดียวค่ะ พี่เจ้าหน้าที่ของงานน่ารักมากพยายามจะชวนคุณ แต่ใจหนู ปิดกั้น และแสดงอาการวีนเงียบ เอ่ยประโยคธรรมดา ๆ สวยหรูแต่ปนด้วยโทสะ นี่คือ สิ่งที่จิตชั่ว ๆ ทำ นึกถึงตอนที่ครูเมตตาชี้ให้เห็นตัวนี้ คำพูดดีแต่เป็น feeling ของโทสะที่สาดออกมา เนียนมากฉันดูดี

ตัวชั่วหนูมาหน้าตาแบบ ซับซ้อนเจ้าค่ะครู มาคิดได้ตอนทำไปแล้ว ตอนนั้นก็คิดไม่ได้เจ้าค่ะ

สุดท้ายเหมือนความอดทนหนูหมด เพราะรู้สึกว่ารอเกือบ ๆจะสิบห้านาที ยี่สิบนาที

พี่เขาก็ขอให้รอก่อนจะเสร็จแล้วแค่ประคบ

หนูทำแบบนั้นทำไม นี่คือ คำถามที่สงสัยจิตของตนเอง ที่ทำพฤติกรรมชั่ว ๆ แบบนั้นออกมาทำไม

ไม่ต้องทำ พี่ ๆ เขาก็ทำหน้าที่อยู่แล้ว

ทุกข์จากการทำงานพี่เขาก็มาก ลูกค้าชั่ว ๆ แบบหนูยังไปเพิ่มทุกข์ให้พี่เขาอีกเจ้าค่ะ

พอเดินเข้าไป เอ๋าไปเจอคนที่พึ่งนวดเสร็จข้างๆ คือ คนที่นั่งรอข้าง ๆ หนู ตอนรอรับบัตรมาทีหนังหนูอีก จึงลองถามว่าหนูคิดไปเองไหม แล้วก็ จริง ๆ พี่เขาก็บอกว่า

“หนูเห็นพี่มาก่อนหนูตั้งนานพึ่งเสร็จเหรอค่ะ หนูตอบเขาว่า ค่ะ”

แม้ปากหนูจะยิ้ม แต่ใจกรุ่นด้วยโทสะเจ้าค่ะ

ตอนนั้นใจมันคลุกลงไปแบบไม่ดูเจ้าค่ะ


พอเริ่มนวดที่นี่ นวด 1 ชั่วโมง ใจหนูก็คิดไม่ดีอีก


ระหว่างเดินทางออกมา ทบทวนกับตนเอง

“รู้คำตอบที่จะตอบครูแล้ว”

แต่ข้างในก็ถามซ้ำ จะกลับไปหาครูแล้วทำตัวแบบเดิมจะมีประโยชน์อะไร

ต้องมีการเปลี่ยนแปลงซิ

สักพักครูโทรมาเมตตา

แล้วครูก็บอกว่า “เออ รอด”

เป็นการรอดที่ร่อแร่ ของหนูมาก ครูชี้ว่า “เพราะหนูไม่ถอดบทเรียนกับตนเอง ไม่ขยันเขียน”

มันเหมือนเด็กโง่ ๆ ที่เข้าสอบแล้วอวดฉลาดมันก็เลยผ่านแบบร่อแร่

หนูทบทวนกับตนเอง เอาใหม่ ครูชี้ละ ทางรอดทางเดียว คือ ข้อวัตร

ทำไม่ได้ก็ไม่รอด ทำได้แบบแนบใจเมื่อไหร่ก็รอด

เข้าบ้านทบทวนกับตนเอง สั่งลาของค้างคาใจ

ตั้งจิตสมาทาศีลกับตนเองใหม่ สมาทานข้อวัตรปฏิบัติ

กราบขอบพระคุณครูเจ้าค่ะ ไม่ใช่แค่หนูจะไม่รอดทางจิต หนูแทบจะไม่รอดทั้งชีวิตเลยแหละเจ้าค่ะ โชคดีที่ครูเมตตาให้โอกาสจึงผ่านมาได้แบบเฉียด ๆ สาธุเจ้าค่ะ


หมายเลขบันทึก: 541080เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2013 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม 2013 22:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท