ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๓๘.คนแก่เที่ยวสวิส (๖) วันที่ ๕ ในสวิส นั่งรถไฟชมวิว



เช้าวันที่ ๑๓ พ.ค. ๕๖ ซึ่งเป็นวันจันทร์วันสุดท้ายที่พักที่เบิร์นผมออกไปวิ่งตามถนนKramgasseไปถึงบ่อหมีแล้ววิ่งกลับจึงพบว่าส่วนหนึ่งของถนนนี้ทางเท้าและหน้าร้านยกระดับจากถนนเหมือนกับที่เห็นที่เมือง ทูน เมื่อวาน แต่ถนนกว้างจึงไม่ได้สังเกตตอนผ่านในวันแรก

กินอาหารเช้าเสร็จอาบน้ำแล้วเช็คเอ๊าท์สาวน้อยเอาเอกสารนำเที่ยวที่บอกว่าหากมีสวิสพาสได้ลดค่าโรงแรมเบสเวสเทิร์น 10% จ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่าต้องจองกับเบสเวสเทิร์นเท่านั้นแต่เราจองกับ booking.comทางบริษัทจองจึงกินส่วนต่างนั้นไปเป็นความรู้สำหรับประหยัดในการเที่ยวครั้งต่อไปและเผื่อแผ่ท่านผู้อ่านบันทึกนี้ด้วยเราให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ต้องรอรถแท็กซี่ ๒๐ นาทีคนขับใจดีพาไปส่งใกล้ๆลิฟท์และแนะนำให้ขนของลงลิฟท์สะดวกมาก

เรานั่งรถไฟ IC เที่ยว 8.34 น. จากเบิร์นไปโลซานน์ที่จริงถ้าขาดีเราไปเที่ยว 8.04 น. ทันแต่รอเพียงครึ่งชั่วโมงตอนนี้เราตรวจสอบข้อมูลรถไฟคล่องแล้วโดยไปถึงสถานีใดก็รี่ไปดูที่ป้ายสีเหลืองดูทางซ้ายที่เป็นส่วนรถออกจากสถานีนั้น (ส่วนทางขวา เป็นตารางรถเข้า) ตรวจสอบตามเวลาที่เราต้องการเดินทาง

พอรถไฟมาถึงเบิร์นคนลงเกือบหมดเราขึ้นไปนั่ง ๓ - ๔ นาทีรถจึงออกรถผ่านฟรีบวร์กระหว่างทางวิวสวยเป็นเนินเขาขึ้นลงคล้ายวันที่เรานั่งblsผ่านพื้นที่ UNESCO BioReserveไปลูเซิร์น, จากฟรีบวร์กไปโลซานน์เห็นวิวยอดเขาหิมะคลุมอยู่ไกลๆเป็นระยะๆ

จากวิวสองข้างทางที่เราผ่านทุกวันพอจะสรุปได้ว่าสวิสเป็นประเทศที่เศรษฐกิจสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมบริการ (ท่องเที่ยวอุตสาหกรรมฝีมือ - precision industry - เช่นนาฬิกา) อุตสาหกรรมและเกษตรกรรมก้าวหน้า

ถึงโลซานน์สาวน้อยออกความคิดว่าเอากระเป๋าฝากไว้ที่สถานีค้างคืนพรุ่งนี้เช้ามาเอาไปฝากที่โรงแรมที่มองเทรอซ์เราเดินไปตามป้ายรูปกระเป๋า ไปที่เคาน์เตอร์บริการขอฝากกระเป๋า และถามเวลาทำงานวันรุ่งขึ้นคุณลุงเจ้าหน้าที่รับฝากกระเป๋าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ฟังรู้เรื่องเขียนบอกว่า8.30 ซึ่งช้าไปเมื่อเราทำท่า (เพราะเขาพูดได้แต่ภาษาเยอรมัน) ว่าเราต้องการมาเอาเช้ากว่านั้นเขาจึงแนะนำให้ใช้ล็อกเก้อร์พร้อมกับพาไปและช่วยแลกเหรียญสำหรับหยอดให้เสร็จเรียบร้อยค่าล็อกเก้อร์ ๙ ฟรังก์เราประทับใจความเอื้ออารีนี้มาก

จับรถไฟเที่ยว 10.20 น. ไปมงเทรอซ์เพื่อจับGoldenPassLine เที่ยว 11.44 ถึงZweisimmen 13.32 น. แล้วจับเที่ยว 14.17 น.จากZweisimmenกลับMontreauxถึง 16.13 น. นี่คือแผนเที่ยวเน้นนั่งรถชมวิวเพราะสาวน้อยปวดขามากขึ้นต้องกินยาแก้ปวดตลอดแต่ถ้าไม่เดินก็ไม่ปวด

เมื่อได้นั่งGoldenLineจริงก็สมคำโฆษณาคือมันมีทั้งวิวภูเขาป่าไม้หุบเขาหมู่บ้านลำธารและยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมสลับกันไปเรื่อยๆตลอดเวลาเกือบ ๒ ชั่วโมงไม่เบื่อเลยบนรถคนมากพอควรไม่โหรงเหรงแต่ไม่แน่นตัวโบกี้รถมีที่แขวนจักรยานที่สำหรับรถเข็นคนพิการและที่นั่งคนพิการตรงทางขึ้นลงสาวน้อยบอกว่าเขามีสิทธิ์นั่งตรงนั้นแต่ที่นั่งปกติสบายกว่ามาก

ระหว่างทางรถไฟสวนกับรถไฟGoldenPassLine จากZweisimmenเห็นผู้โดยสารเกือบทั้งหมดในรถแล้วผมคิดว่าสมกับชื่อGoldenPassLine จริงๆเพราะผู้โดยสารอยู่ในวัยผมกับสาวน้อยเกือบทั้งหมด

บนรถมีอาหารว่างและเครื่องดื่มขาย

รถไปถึงZweisimmenคนโดยสารอื่นๆเปลี่ยนรถเพื่อนั่งต่อไป Interlaken Ostแต่เราต้องการกลับ Lausanne ลงไปหาข้อมูลว่ามีรถเที่ยวที่กลับได้เร็วกว่าไหมคำตอบคือไม่มีสาวน้อยนั่งรอที่ม้านั่งผมเดินไปสำรวจบริเวณสถานีมีป้ายบอกทางไปกระเช้าขึ้นเขาหน้าหนาวคงจะเป็นแหล่งเล่นสกีแต่ตอนนี้มันเหงาๆเป็นสถานีบ้านนอกโดยแท้

ผมมีโอกาสสังเกตหลังคาอาคารสถานีพบว่าโครงทำด้วยไม้สนเขามีป่าไม้มากและโครงสร้างไม้ดูสวยงามกว่าเหล็กหรือคอนกรีตและเมื่อสังเกตบ้านคนในชนบทและอาคารโรงแรมบ้านนอกทำด้วยไม้ทั้งสิ้นรวมทั้งโรงแรมที่ผมเคยไปพักที่Grindenwaldเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วด้วย

ระหว่างทางมีการก่อสร้างทางเพิ่มเติมเป็นระยะๆแสดงว่าทางการสวิสเขาคิดปรับปรุงเส้นทางความสะดวกและความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาตัวโบกี้ของรถไฟGoldenPassก็ทันสมัยห้องน้ำกว้างและมีกลไกอำนวยความสะดวกครบครันประตูเปิดปิดล็อกด้วยการกดปุ่มอีเล็กทรอนิกส์และเปิดน้ำล้างมือเปิดลมเป่าด้วย sensor

เส้นทางรถไฟสายนี้ขึ้นเขาขึ้นๆลงๆความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลกว่า ๑,๒๐๐เมตร

ขากลับเราเลือกที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับขามาคือเท่ากับนั่งด้านขวาของรถไฟรถออก 14.25 น.รถไฟแล่นผ่านสนามบินเล็กๆถึง ๒ ที่

วันนี้โชคดีมากอากาศดีแดดจ้าตลอดวันแต่อุณหภูมิยังหนาวสำหรับเรา

เมื่อรถไฟGoldenPass Line กลับไปถึงMontreuxเรารีบไปดูป้ายเหลืองหารถไฟกลับ Lausanne พบว่ามีรถที่จะออกอีก ๓ นาทีเราต้องรีบไปที่ชานชาลา 1 สาวน้อยขาเจ็บแต่เดินได้เร็วไปถึงประตูรถกำลังจะปิดเราต้องกระแทกมันให้ไม่ปิดยังไม่ทันหาที่นั่งได้รถก็ออกใช้เวลา ๓๐ นาทีก็ถึงโลซาน

ที่สถานีโลซานผมหาi อยู่นานเพราะมันแอบอยู่ถามวิธีไปโรงแรม Nash Carlton, 4 Avenue de Courเขาบอกให้ไป Metro ทางไป Ouchy ลงที่สถานีDelicesออกจากสถานีก็ถึงโรงแรมเลยสถานี Metro ที่สถานีรถไฟข้ามถนนไปก็ถึงสาวน้อยบอกว่าให้หาลิฟท์ลงไปเพราะขาเจ็บมากขึ้นนั่ง Metro ไป ๒ ป้ายก็ถึงและพบโรงแรม Nash Carlton แต่เขาบอกว่าโรงแรมเต็มเขาจะหาโรงแรมใหม่ให้เป็นโรงแรมสี่ดาวราคาเดียวกันชื่อ Alpha - Palmiersอยู่ใกล้สถานีรถไฟเดิน ๕ นาทีถึงผมบอกว่าสาวน้อยขาเจ็บเขาจึงจ้างแท็กซี่ไปส่ง

ไปถึงโรงแรม Alpha - Palmiersเจ้าหน้าที่บอกว่าทาง Nash Carlton ไม่ได้ติดต่อมาเขาขอเวลาโทรศัพท์กลับไปสักครู่ก็เรียบร้อยได้ห้อง 335 ซึ่งกว้างขวางกว่าห้อง 312 ที่ Bern Hotel มากและWifiก็สะดวกกว่าและไวกว่าด้วยผมเข้าใจว่าบัตรเครดิต VISA สีขาวของไทยพาณิชย์คงจะขลังพอสมควรเจ้าหน้าที่ของโรงแรมดูจะเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ

เรื่องความบกพร่องของโรงแรม Nash Carlton เจ้าหน้าที่อ้างว่าเราจองทีหลังหลังจากห้องเขาเต็มแล้วและระบบ internet ของเขามีปัญหาความเป็นจริงคือผมจองผ่าน booking.comปัญหานี้ทั้งbooking.comและ Nash Carlton เสียชื่อผมคงจะไม่ใช้บริการของbooking.comอีก

วันนี้อาการปวดขาของสาวน้อยรุนแรงขึ้นแม้จะใช้ไม้เท้าช่วยแต่ยังใช้ไม่ค่อยเป็น


วิจารณ์ พานิช

๑๓ พ.ค. ๕๖




วิวข้างทางรถไฟจาก เบิร์น ไป โลซานน์



ขนกระเป๋าไปฝากไว้ที่ ล็อกเก้อร์ ที่สถานีโลซานน์



ไปนั่งรอรถไฟ GoldenPass Line ที่สถานี Montreux



ทิวทัศน์ระหว่างทางจาก Montreux ไป Zweisimmen



วิวสวยจริงๆ



วิวสวยสมกับเป็น scenic line



สถานี Zweisimmen ทำด้วยไม้



ตู้รถไฟ scenic line กระจกกว้าง ชมวิวได้เต็มตา



นั่งรถไฟกลับ โลซานน์



รอขึ้นรถ Metro ไปโรงแรม Nash Carlton




หมายเลขบันทึก: 540552เขียนเมื่อ 26 มิถุนายน 2013 09:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2017 19:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

จะเดินทางไปศุกร์นี้  แวะมาอ่าน เรียนรู้ไว้ก่อนไปค่ะ  ขอบคุณค่ะ 

น่าสนุกนะคะ นั่งรถไฟชมเมือง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท