“สุขภาพองค์รวม” ..การออกกำลังกาย/จิต .เริ่มชีวิตเช้าวันใหม่..สุขใจไม่น้อย
“สุขภาพองค์รวม” : การออกกำลังกาย/จิต ..เริ่มชีวิตเช้าวันใหม่ ..สุขใจไม่น้อย
..อุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ออกกำลังกาย อย่างง่ายๆทุกวัน..
เสียงอาซาน ..จากสุเหร่าที่อยู่ใกล้ๆดังแว่วมา ตีห้าเศษๆ อืมม์..ได้เวลาตื่น ..ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกใดๆ.. มีเพียงนาฬิกาชีวิต (biological clock)..ที่เที่ยงตรงตลอดมา...
เริ่มชีวิตจากสิ่งง่ายๆ ..ภูมิใจในสิ่งธรรมดาที่มี สำรวจดูสิ....ต้อนร้บสิ่งที่ดี..เช้านี้ ก่อนลุกขึ้นจากเตียง ตั้งสติเล็กน้อย ใจจดจ่อ ยกขาตรง เตะอากาศสลับไปมา ค่อยๆจับปลายขา โน้มมาใกล้ใบหน้า ช้าๆ ... เพิ่มความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อหลังและกระดูกสันหลัง จากที่ทั้งคืนอยู่ในท่านอน …อืมม์...ยังใช้การได้ดี
จากนั้นลุกนั่งที่ขอบเตียง ..เตะขาซ้ายขวาสลับขึ้นลง ขาตรง สะบัดแขนซ้ายขวา และงอแขนหมุนหัวไหล่ทั้งสองข้าง และสุดท้ายยืดกล้ามเนื้อแขน จนรู้สึกกล้ามเนื้อหัวไหล่ตึง. .อืมม์..ยังไหวอยู่ จึงลุกจากเตียง ไปดื่มน้ำหนึ่งแก้ว...
ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิบัติเป็นปกติ ...อันดับแรก
ฝึกเอาชนะใจตนเอง เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ... ลุกจากเตียงไปออกกำลัง เกือบทุกเช้าตรู่
ประมาณ ๔๕ นาที (ห้าวัน/สัปดาห์ .. เว้นวันหยุด...) ..คิดว่า..กำลังพอดี ไม่เหนื่อยมากและหลังออกกำลังกาย มีเวลาให้ร่างกายเย็นลง cool down ก่อนปฏิบัติภาระกิจอื่นๆ แถมไปทำงานไม่สาย... ก่อนแปดโมงเช้าทุกวัน :-))
ศูนย์รวมจิตใจของบ้าน (แม้อยู่เพียงลำพัง)....เมื่อนั่งหน้าพระ..ใจสงบ..ปรับคลื่นสมองเป็น..แอลฟา
จัดระเบียบความคิด.. การออกกำลังจิต ..ก่อนออกจากบ้าน
สวดมนต์ ไหว้พระ หน้าโต๊ะหมู่บูชา ณ..โซนสงบ..ในบ้าน ประมาณ ๓๐ นาที . ..ฝึกฐานใจ..สร้างวินัยใส่โปรแกรมให้กับ“จิต” ถึงแม้ว่ายากนะ..แต่ก็ใช้ช่วงนี้ทุกวันเวลาเดิม จะได้ฝึกให้เป็นอัตโนมัติ และไม่กังขาว่าที่ทำั้นั้นถูกไหม เพราะไม่เคยฝึกแบบมีครู เพียงแต่รับรู้ได้ว่าจิตใจไม่ฟุ้งไปฟุ้งมา สงบดี
ชมโลกสวยด้วยปั่นจักรยานคันโปรด....เปลี่ยนเกียร์หนัก เบา ตามต้องการ ..
.
จักรยานคุ่ชีพรออยู่....ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ .. ฉันปรากฏกายในชุดวิ่งสบายๆ สวมรองเท้า ( trainer) เลือกสรรมาให้เหมาะสม ราคาก็ใช้ได้กับคุณภาพ เพียงเพื่อให้รองรับน้ำหนักตัวขณะวิ่ง ลดแรงกระแทก เหมาะกับการวิ่งเหยาะ ...พร้อมแล้วก็ปั่นจักรยานออกไป.. ปรับเป็นเกียร์หนัก อย่างน้อยได้ยืดเส้นยืดสายขณะปั่นไปในตัว ไปถึงลานวิ่ง ..ฐานกาย กระชับมั่น...ใจไม่หวั่น..ทำทุกวัน..
เตรียมพร้อม (warm up) ด้วยการ หมุนข้อเข่า ข้อเท้า และเดินสะบัดแขน ขา เดินไปจน ถึง .. วิหารเล็กๆ.. ในเส้นทางที่วิ่ง ที่นี่มีองค์พระยืนในปางห้ามสมุทร เข้าไปก้มกราบพระ ...และแวะทักทาย สหายปลาที่แหวกว่ายไปมาในสระน้ำรายรอบวิหาร บางครั้งเอาอาหารเม็ดติดตัวไปด้วย เพิ่มพลังให้กับหมู่มัจฉาในวารี ที่ใช้ชีวีที่นี่..มาแสนนาน..คู่กับวิหารน้อย..
เริ่มวิ่งเหยาะๆรอบสนามใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที เป็นการวิ่งต่อเนื่องไม่หยุดจนเหงื่อชุ่ม ขณะเคลื่อนไหวใจอยู่ที่เท้าลงจังหวะวิ่ง และมีบทสวดชินบัญชรคลอไปในใจ
...และหากเจอเพื่อนนักวิ่งก็ ยิ้ม
ทักทาย จนเมื่อครบเวลา ก็หยุดวิ่ง
ตามด้วยการ เดิน กระโดดตบ เหวี่ยงแขน ขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆและค้างไว้
ก่อนหายใจออกเต็มที่..ออกกำลังปอด ...หันหน้าไปยิ้มทักทาย...ต้อนรับตะวันที่ฉายแสง ...แห่งวัน ...เสริมสร้างวิตามินดี เต็มๆเลยหล่ะ
ขากลับ..จักรยานเพื่อนฉัน.. ถูกปั่นออกไปรอบ ๆบริเวณ.. ชมนกชมไม้ จนในที่สุดกลับมายังที่พัก ทำ ท่า sit up หนึ่งชุด ๑๕ ครั้ง ต่อด้วยแอ่นตัวสะพานโค้งหงาย-คว่ำบนลูกบอลขนาดใหญ่ให้หัวถึงพื้น มือยันพื้นไว้ จากนั้นใช้วิธีการดึง ยางยืด ..stretch ออกกำลังด้วยแรงต้าน หรือดรัมเบล ขนาด 2lb ถูกหยิบมาใช้.. เสร็จสรรพ ...ทำไปก็ดูข่าวไปด้วย..หน้าทีวี..
จบกระบวนด้วยการคลายกล้ามเนื้อ ..ยืนบนแท่นไม้สามเหลี่ยมที่ปรับระดับความชันได้ ยืนตรงฝ่าเท้าชิดกัน หน้าเชิด ตัวตรง ทำให้กล้ามเนื้อน่องคลาย เส้นเอ็นต่างๆก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เฟิร์นก้านดำใบกลาง (Adiantum tenerum) และใบใหญ่ A. trapeziforme L.
เฟิร์นก้านดำ...ก้านใบที่แข็งแรง สีดำขลับตัดกับใบเขียว รูปทรงใบน่ามอง ยอดไหวอ่อนช้อย
บ่งบอกความแกร่งและอ่อนโยนในตัว..คล้ายๆใครน๊า?? คิดว่า..ใช่เลย ...ตัวข้าน้อยนี่เอง :-))
จังหวะ cool down ..ผ่อนคลายด้วยต้นไม้รายรอบ... น้ำถูกหิ้วมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับพืชพรรณ ชอบอะไรก็เอามาปลูกไว้เป็นเพื่อนกัน เช่น เฟิร์นก้านดำหลายชนิด ก้านใบอ่อนช้อย และ มวลไม้ดอกนาๆ ส่งกลิ่นหอมได้แก่ ชมมะนาด กระดังงาสงขลา เล็บมือนาง พุดน้ำบุตร รวมถึงกล้วยไม้ป่า/ดิน ฯลฯ ..ออกดอก ให้ชมริมระเบียง ..ยามเมื่อ ออกไปทักทาย..รดน้ำให้ทุกเช้า…
กล้วยสด หรือ อบ ..พยายามหาเตรียมไว้ ส่วนโยเกิร์ตนั่นไซ้ร ...ครึ่งถ้วยกำลังดี อืมม์..สบายท้อง
ถึงเวลาเติมพลังให้ท้อง.. อะไรๆที่เตรียมไว้ก็ใช้ได้..แต่ละวันไม่เหมือนกัน...แต่เพิ่มด้วยกล้วยและโยเกิร์ตของโปรดสักหนึ่งถ้วยเล็กๆ หลังจากอิ่มท้อง... ตัวก็เริ่มเย็นลง ไปละ...อาบน้ำ สะอาดกาย ผ่อนคลาย ...ให้ความสดชื่น
ทั้งหมดนั้นคือ สิ่งที่ทำทุกวัน (หากไม่ติดภาระกิจอย่างอื่นๆ) ทำให้รู้สึกแข็งแรง กระฉับกระเฉง...ไม่เคยป่วยครั้งใหญ่ หรือไปหาหมอที่รพ.ในรอบ ๑๐ ปี ที่ผ่านมา. หวังว่าคงเป็นเช่นนี้ไปตราบเท่าที่ยังมีวินัยในการออกกำลังกาย
อ้อ.. หากวันไหนฝนฟ้าไม่เป็นใจ. ..อยู่ใต้ฟ้านี่นา..กลัวอะไรกับฝน..วันนั้นก็ออกกำลังกายในบ้าน ใช้มินิเสต็บ (mini-steps) ..เหยียบขึ้นลง และปรับความฝืด เพื่อให้ออกแรงได้ตามต้องการ ได้เหงื่อไม่น้อยเช่นกัน...เพียงแต่ไม่ได้ออก นอกบ้านเท่านั้นเอง
ไปละ...เตรียมพร้อมไปทำงาน..ซี่งก็คือการปฏิบัติธรรมนั่นไง ...บอกได้ว่า สดชื่น เริ่มต้นการทำงาน ..ด้วยการรับมือสิ่งที่เข้ามา ในแต่ละวันได้อย่างดี ...เพราะเป็นงานที่ทำด้วยความ..รัก/ชอบ..มีผู้ร่วมงาน องค์กร ส่วนใหญ่เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน แต่มีความแตกต่างด้านความคิด ความอ่าน ความถนัด ความชอบ ฯลฯ ตามประสาปุถุชนคนธรรมดานี่นา เพื่อนร่วมทุกข์สุขในสังสารวัฏร กันทั้งนั้น อะไรกันมากมาย ดูแลให้กำลังใจจนกว่าจะจากกันไป...
กล้วยไม้ดิน ริมระเบียง ใบสมบูรณ์ สร้างอาหาร ถึงเวลาผลิดอกจาก องค์ประกอบที่พร้อม ธาตุน้ำ ดิน ไฟ.. ก้านดอกงอกออกมา ดอกตูม ดอกบาน ดอกที่แห้งเหี่ยว ร่วงหล่น.. สอนให้คิดว่า ชีวิตก็เป็นไซเคิลเช่นนี้ คุณธรรมความดีเท่านั้นที่คงอยุ่
..ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้มีสุขภาพดี ถ้วนทั่วกัน ..(Holistic recipe for healthy life..my exercise regime)….
ชวนคิด..ดุลชีวิตแบบองค์รวม...
จะว่าไปแล้ว การดำรงชีวิตของมนุษย์เราเปลี่ยนไป จากเดิมทีที่ มนุษย์ในยุคแรกๆต้องอาศัยอยู่ในถ้ำ เข้าป่าล่าสัตว์เป็นอาหาร ทำให้ร่างกายมีกิจกรรมที่..ดูราวกับเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ...ดำรงชีพกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
ปัจจุบันวิถีชีวิตเปลี่ยนไป ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเมือง มักมีโอกาสน้อยกว่าสังคมชนบท...ในเรื่องการใช้ร่างกายให้เต็มสมรรถนะที่มีอยู่อย่างสมดุล
เป็นเพราะเราดำเนินชีวิตในแต่ละวัน.. เสียความสมดุลแบบองค์รวมไปทีละน้อย สุดท้าย
ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ได้..ทำให้ป่วย ... และใช้ชีวิตในวิถีที่ "ระบบภูมิต้านทาน" ไม่เคยถูกใช้เต็มที่เลย เราจึงต้องมีหลากหลายวีธี เพื่อตรวจสอบว่าระบบภูมิต้านทาน
เรายังทำงานได้ดี
หากไม่ให้แบบฝึกหัดไว้เลยก็คงจะรู้ยาก..เมื่อป่วย..จงใคร่ครวญ ทบทวน ฟังเสียงว่า... ร่างกายพยายามจะบอกอะไร ???
...การออกกำลังกายองค์รวมจึงเป็นการฝึกทั้งกาย จิตใจ
และจิตวิญญาณ ...ไปพร้อมๆกับฝึกรู้จักร่างกายที่เปลี่ยนไปทุกปัจจุบันขณะ ตามหลักธรมะของพระพุทธองงค์..:-))
เฟิร์นก้านดำใบใหญ่ Adiantum trapeziforme L. เพื่อนๆใกล้กันเป็น ก้านดำใบกลาง ชูกิ่งก้านชวนมอง
บ้าน (home is where heart is) ..เป็นที่ให้ความสงบ ..ยามว้าวุ่น .... เป็นที่ให้ความอบอุ่น..แม้เพียงแว่บคิดถึง . .ความเข้มแข็งและความอ่อนโยน..ก่อตัวมาจากบ้านหลังนี้..ทุกเช้า
สาย บ่ายค่ำ และย่ำรุ่ง....ขอบคุณ บ้านน้อยๆ (แฟลต#๔)..ที่นี่ห่างไกลจากพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง...แต่ฉันก็มีความสุขตามอัตภาพ สุขภาพกาย สุขภาพจิตที่มั่นคง พร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ..:-))
บันทึกไว้อ่าน..เวลาคิดที่จะเบี้ยว ไม่อยากลุกจากเตียง ไปออกกำลังกายยยย...
๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖
ความเห็น (4)
ได้อ่านแล้วพลอยมีสุขไปด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :)
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่บันทึกนี้ ท่านอาจารย์จันทรวรณอ่านแล้ว สุขใจไปด้วย...ตามประสาคอเดียวกัน ..ได้จัดสรรเวลาออกกำลังกายบ้าง แต่คงไม่เท่าของอาจารย์หรอกนะค่ะ... วิ่ง ๕ กม...หลายครั้งแล้วด้วยต่อเื่นื่องกัน.. ชื่นชมๆๆๆ ค่ะ .. อ่านความเห็นของท่านอาจารย์แล้วก็เผลอร้องเพลงนี้ออกมาเลยค่ะ "..บ้านเราแสนสุขใจ แม้จะอยู่ที่ไหน ไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา.." อืมม์... "บ้าน"นี้หมายถึง GotoKnow ด้วยนะค่ะ..:-))
|
|
|
|
ขอบพระคุณ กัลยาณมิตรทุกท่านที่แวะมาเยือน และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง สดชื่นๆๆทุกวัน ค่ะ:-))