การประกวดผลงานวิชาการประเภทเรื่องเล่า ( Narrative Medicine )
จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2553
วันที่ 7 กันยายน 2553
เป็นครั้งแรกที่ฉันก้าวเข้ามาสู่เป็นกรรมการ การประกวด Narrative Medicine ระดับจังหวัด หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่สำหรับฉันมันคือหนึ่งความภาคภูมิใจที่ฉันได้นำความรู้ความสามารถที่ได้ไปฝึกอบรมกับท่านอาจารย์ ดร.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ มาใช้ประโยชน์และต่อยอดให้เกิดเรียนรู้กับอีกหลาย ๆ โรง พยาบาล เพราะที่ผ่านฉันเป็นเพียงวิทยากรตามโรงพยาบาลต่าง ๆที่สนในเรื่องเล่าเป็นพิเศษเท่านั้น สำหรับครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งท่านมา เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่จังหวัดศรีสะเกษมีการเพิ่มประเภทการประกวดจากเดิมที่มีแค่ 3 รายการ อันได้แก่ Poster Presentation , Oral Presentation และนวัตกรรม ส่วนเรื่องเล่าคือน้องใหม่ของการประกวดในปีนี้ แม้จะมีเพียง 22 อำเภอ แต่จำนวนเรื่องที่ส่งเข้าประกวดมีทั้งหมด 102 เรื่อง นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าแม้เรื่องเล่าจะเป็นเรื่องใหม่แต่หลายๆ โรงพยาบาลก็ให้ความสนใจและส่งเรื่องเข้าประกวดอย่างล้นหลาม ในที่สุด 20 เรื่องที่ผ่านการคัดเลือกก็ต้องเข้ามาเล่าเรื่องราวและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในรูปแบบต่าง ๆให้คณะกรรมการได้ซึมซับดุจดังพบเจอเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเอง
พิธีเปิดเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยท่านนายแพทย์วันชัย เหล่าเสถียร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดพร้อมให้โอวาท นอกจากนี้ทีมผู้จัดยังได้เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนนอกวงการสาธารณสุขมาร่วมวิพากษ์วิจารณ์และให้ข้อเสนอแนะในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการนี้ถือว่าผู้จัดได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์ทั้งสามท่าน อย่างดี
บรรยากาศภายในห้องประชุมใหญ่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ไม่น่าเชื่อว่าการประกวดการเล่าเรื่องจะมีคนนั่งฟังมากขนาดนี้ เมื่อท่านประธานให้โอวาทเสร็จก็เริ่มด้วยการเล่าเรื่องโดยผู้ผ่านการคัดเลือกในแต่ละระดับ
ระดับสถานีอนามัย
1. เพราะหนู.........ไม่อาจลิขิตชีวิตตนเอง โดยศูนย์สุขภาพชุมชนสิ อ.ขุนหาญ
แม้จะเป็นการเล่าเรื่องครั้งแรกแต่ก็สามารถเปิดตัวละครออกมาราวกับนักเขียนมืออาชีพ
“ ซีบอน เด็กหญิงอายุประมาณ 2 ขวบ ผิวสีหมึก รูปร่างผอมบาง ผมหยิกหย๋อง สวมเสื้อยืดสีฟ้าตัวเก่า ๆ กางเกงขาสั้นสีเทา แววตาดูเศร้าหมองแต่ก็ซ่อนเร้นด้วยความเฉลียวฉลาด มักจะมายืนจดๆจ้องๆมองของเล่นและขนมหลากสี ที่ถูกจัดวางไว้หน้าร้านขายของชำและเฝ้ามองผู้คนผ่านไปมาทุกเช้าที่บริเวณหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่ง …..”
เป็นไงละ........นี่แค่เริ่มต้น คนแรกที่เริ่มเล่าเรื่องก็ทำเอากรรมการอึ้งไปตามๆ กันเลย แต่ที่ฉันชอบคงเป็นเพราะการนำทุกคนเข้าสู่เรื่องเล่าด้วยกลอนอันไพเราะ บวกกับน้ำเสียงที่ใครๆได้ยินก็ต้องบอกว่า ช่างเสนาะหูซะเหลือเกิน
2. ลมหายใจที่เลือกกายไม่ได้ โดยสถานีอนามัยคลี่กลิ้ง อ.ศิลาลาด อาจจะ เนื่องมาจากการเล่าเรื่องโดยใช้ภาษาท้องถิ่นที่ผู้เล่าถนัด จึงทำให้เจ้าตัวเล่าเพลินจนเลยเวลาที่คณะกรรมการกำหนด แต่เรื่องเล่าก็ทำให้ผู้ฟังเข้าถึงวีถีชีวิตของคนอีสานได้อย่างแท้จริง
3. ลูกดีๆ เอาไว้ให้หมอ โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลปราสาทเยอ อ.ไพรบึง ที่แอบมอบน้อยหน่าสด ๆ ให้คณะกรรมการก่อนเปิดเรื่อง แต่ขอบอกว่าในฐานะกรรมการเราไม่อาจเพิ่มคะแนนให้ท่านเพียงเพราะน้อยหน่าเพียงหนึ่งลูก แต่ถ้าหลายลูกก็ไม่แน่ 55555555………
แต่บทสรุปสุดท้ายคือคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
“ สิ่งสุดท้ายที่ชายชราผู้หนึ่งได้ฝากให้หมอนามัยไว้เป็นข้อคิด โดยไม่มีรูปแบบและไม่มีแผนการสอน ว่า.......ถ้าเรามีศรัทธาในการให้ และมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเหมือนคุณตาสุบรรณ์ที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่ความสุขที่เราจะได้รับ คงจะเป็นสิ่งตอบแทนที่หาซื้อไม่ได้จากห้างไหนๆ และเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะมันจะอยู่ในความทรงจำที่เก็บไว้ในใจเสมอ ”
ขอบคุณเพื่อนร่วมงาน : ที่ทำให้มีโอกาสมาเล่าสิ่งเล็กๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หมออนามัยคนนี้
ขอบคุณตาสุบรรณ์ : ผู้ป่วยแผลเบาหวาน ผู้มอบเรื่องราวน้อยหน่าลูกดีๆ เอาไว้ให้หมอ และนี่คือน้อยหน่าแสนวิเศษ ที่สอนหมออนามัยคนหนึ่งให้รู้จักการให้มากขึ้น ซึ่งเป็นการสอนที่แยบยลอย่างหาที่เปรียบมิได้ สอนให้หมออนามัยรู้จัก ให้ ด้วยหัวใจอย่างแท้จริง
ขอบคุณความตาย : ที่สอนให้คนเห็นค่าของคนมากขึ้น
สิ้นเสียงพูดของเจ้าของเรื่องเล่า เสียงตบมือก็ดังสนั่นหวั่นไหว แม้เพียงแค่คำขอบคุณยังทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนถึงการดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
4. ชีวิตนี้.......มีความหวัง โดยสถานีอนามัยเมืองแคน อ.ราษีไศล การดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีน้องชายเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว และแม่ หญิงชราผู้มีสามีติดการพนันแม้จะไม่มีข้าวกินก็ยังขอให้ได้เล่นการพนัน แต่สุดท้ายลูกชายคนโตที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์ทางด้านร่างกายมากกว่าคนอื่นจากที่ไม่เคยสนใจครอบครัว หลังจากที่เจ้าหน้าได้เข้าไปพบเจอ ก็เกิดจุดพลิกผันของชีวิตทำให้เขาคิดได้และกลับมาดูแลพ่อ – แม่ น้องทั้งสองคน
5. รักที่พูดไม่ได้ โดยสถานีอนามัยหนองไฮ อ.เมือง หญิงชราอายุ 75 ปี ดุแลลูกๆที่เป็นใบทั้ง 5 คน หนำซ้ำลูกคนแรกนอกจากจะเป็นใบแล้วยังตาบอดอีกต่างหาก ........ฮื่อๆ.....ฮื่อๆ......เรื่องนี้ทั้งเศร้าและรันทด ......ยิ่งตอนผู้เล่านำเสนอภาพบ้านของหญิงชราผู้นี้ยิ่งทำให้ฉันเกิดคำถามกับตัวเองว่า.....นี่เหรอคือบ้านของคนที่อยู่ในชุมชนเมือง บ้านที่ห่างไกลจากถนนลาดยางประมาณ 500 เมตร มีเส้นทางแคบ ๆ เพียงทางเดียวที่จะใช้ในการเดินทางเข้า –ออก พื้นเป็นดินที่มีน้ำขังเฉอะแฉะ บางจุดเป็นโคลนตมยากแก่การสันจร หากต้องเดินทางเข้าไปคงต้องสวมรองเท้าบู๊ทเพื่อป้องกันโรคฉี่หนูด้วย น่าเสียดายไม่วันนี้ฉันไม่สามารถขอรูปบ้านหญิงชราผู้นี้มาให้ดูได้ ไม่งั้นคงเห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้
ระดับโรงพยาบาล 30 เตียง
1. ชีวิตใหม่....... เพื่อเธอ จากโรงพยาบาลไพรบึง การดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่ขังตัวเองอยู่ในห้องนานถึง 7 ปี ซึ่งผู้เล่าต้องใช้เวลานาน 4 ปี กว่าผู้ป่วยจะยอมเปิดเผยตัวเองกับสังคม ทำให้ฉันเห็นว่า การที่เราจะเข้าถึงจิตใจคนๆ หนึ่งนี่เราต้องใช้เวลามาก แล้วยิ่งคนคนนั้นมีความผิดปกติทางจิตแล้วยิ่งต้องใช้เวลามากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
2. ตราบาปน้องนวล จากโรงพยาบาลวังหิน เล่าถึงพยาบาลจิตเวชที่ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยพิการทางด้านสติปัญญา เด็กหญิงอายุเพียงแค่ 14 ปี แต่มีรูปร่างที่สูงใหญ่เกินเด็กอายุเท่ากัน ถาม-ตอบรู้เรื่อง ดวงตาเธอเหม่อลอย บ่อยครั้งที่มักจะไม่สนใจคู่สนทนา เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เด็กหญิงที่มีเพียงพ่อดูแล ไม่รู้ชาติที่แล้วเธอก่อกรรมทำเวรอะไรไว้ ชาตินี้เธอถึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ ชายวัยรุ่น 3 คนร่วมกันข่มขืน จนเธอท้องโดยไม่รู้ตัว และที่สำคัญไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก แม้ว่าเรื่องนี้ยังยังหาผลสรุปและนำนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎมายไม่ได้ แต่การช่วยเหลือก็ยังคงดำเนินต่อไป ถือเป็นการทำงานที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือ จะทำยังไงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตราบาปกับน้องคนอื่น ๆ อีกต่อไป ...........เศร้าจริง ๆ เรื่องนี้.......
3. คือเรื่อง.........มหัศจรรย์ จากโรงพยาบาลโนนคูณ ความรู้สึกกับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคือสิ่งที่ผู้เล่าต้องการนำเสนอสำหรับเรื่องนี้ แต่ด้วยลีลาท่าทางที่โยกพลิ้ว บวกกับน้ำเสียงและการวางลำดับเหตุการณ์ได้อย่างเหมาะสมทำให้ผู้ฟังหลายคนทั้งหัวเราะและลุ้นไปตามๆ กันว่าตกลงคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดและคลอดลูกท่าก้นบนรถ Refer จะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และทิ้งท้ายด้วยคำคมที่ว่า.............
“ ถ้าคุณแม่ให้ความสำคัญกับการมาฝากครรภ์ตามกำหนด เราคงรู้ว่าตั้งครรภ์แฝด และแพทย์ก็จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม มากกว่าที่เด็กจะต้องมาเกิดแบบรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ” |
4. กว่าจะถึง Holistic Care จากโรงพยาบาลภูสิงห์
5. ส่งต่อด้วยหัวใจ ดุจครอบครัว จากโรงพยาบาลไพรบึง
ระดับโรงพยาบาล 60 เตียง
1. หัวอกพ่อ เมื่อลูกหมอมีก้อนเนื้อในสมอง จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
2. ถักทอใจ........ด้วยไหมพรม จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
3. ธรรม.......ปาฏิหาริย์ ( สีทนได้ จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
4. แอร์โฮสเตสบนดิน จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
5. การดูแลสุขภาพใจวัยรุ่น จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
6. บ้านหลังที่สองของชายน้อย จากโรงพยาบาลขุนหาญ
7. สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น จากโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
8. ความประทับใจในการดูแลติดตามเยี่ยมผู้ป่วย จากโรงพยาบาลกันทรลักษ์
9. การดูแลผู้ป่วย CA lung brain metastasis จากโรงพยาบาลกันทรลักษ์
10.ก้าวแรกที่ภาคภูมิใจ จากโรงพยาบาลกันทรารมย์
ขอบคุณมากมายนะค่ะสำหรับคำชม พอดีพรุ่งนี้จะไปร่วมงานเดิม. จัดที่เดิม แต่เปลียนพ.ศ. เลยอยากลงเรื่องราวดีๆที่ได้ไปทำมาให้ชาว gotoknow ได้ up date ตัวผู้เขียนบ้าง อาจจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ตั้งใจเขียนทุกตัวอักษร อีกอย่าง........ พรุ่งนี้ผู้เขียนจะต้องไปหน้าที่อีกหนึ่งบทบาท ซึ่งมีความแตกต่างจากเรื่องราวในวันนี้ อาจจะได้เค้าโครงเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งค่ะ