4 .มิถุนายน 2556 ไปโรงเรียนที่ชุมชนเรียกตนเองว่าชาวกะเหรี่ยงดอย หรือ ปาเกอะญอ นับถือศาสนา ดั้งเดิม และได้รู้ว่า ชาวกะเหรี่ยงน้ำ ก็คือกะเหรี่ยงโปว์ กลุ่มนี้นับถือศาสนาคริสต์ ตามมาทีหลังแต่เขาก็อยู่ร่วมกันได้อย่างดี หมู่บ้านนี้คือ "นุซาโปล้"
ภูมินามนิเวศน์วัฒนธรรม คำว่า “นุเซะโปล้ " เป็นภาษากะเหรี่ยงโปว์ แปล่ว่า หนองน้ำที่มียอดไม้ นุเซโปล้ อยู่ตำบลแม่จัน
อำเภอ อุ้มผาง จังหวัดตาก ทที่หมู่บ้านนี้ปลูกข้าวไว้กินท่ีเหลือก็ขาย พืชเศรษฐกิจคือข้าวโพด
อีกคำห่นึ่งที่ได้พบโดยยังไม่ได้ถาม คือ คำว่า
อุ้มผาง เป็นภาษากะเหรี่ยงมาจากคำว่า
"อุผะ" แปลว่า กะบอกไม้ไผ่สื่อสาร เป็นภาษากะเหรี่ยง ชาวกะเหรี่ยงเช่นกัน เขาบอกว่าคนไทยพูดไม่ได้จึงเพี้ยนมาเป็นอุ้มผาง
การติดตาม
การติดตามโรงเรียนบ้าน นูเซโป้ ซึ่งมีโรงเรียนสาขา อีก 3 สาขาคือ
1.โรงเรียนนุโพ มีนักเรียน 130 คน 2.โรงเรียนทิโพจิ มีนักเรียน 5 คน 3.โรงเรียนซอแมะโกล มีนักเรียน 29 คน
ทางโรงเรียนได้เลือกนำเสนออัตลักษณืคือชุดแต่งกายของสาวพรหมจารีย์คือ ชุดท่ีเเรียกว่า "เชวา"
ผู้อำนววยการชื่ออภิญญา มีครู 22 คน นอกจากนั้นก็มีครรฝูผู้ช่วยและครูอัตราจ้าง
รวมโรงเรียนสาขาแลวมีนักเรียน 4 ห้อง จำนวนนักเรียน ท่ีมีบัตรประชาชนน 280 ไม่มีบัตร 153 คน พักนอน 64 คน
ปัญหาของท่ีีนี่คือชาวบ้านสื่อสารภาษาไทยไม่ได้
การติดตามการรับรู้ข่าวสาร การทำงานป้องกันมาเลเรียโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
โรคมาลาเรียที่ ทางโครงการได้ฝึกอบรมครูู สอนนักเรียนทให้มีความรู้และป้องกันตัวเองได้และสามารถเป็นนกต่อสื่อสารไปยังชุมชนอันได้แก่ เพื่อน ๆ ในโรงเรียน พ่อ แม่ และต้องการให้ข้อมูลความรู้เรื่องมาลาเรียกระจายไปยังชุมชน ด้วยหวังผลว่า ชาวบ้านจะป้องกันตนเองได้ ซึี่งมีแนวคำถามหาตัวชี้วัด 5 ประการคือ
1.นักเรียนเคยมาพูดคุยเมาลาเรียและการป้องกันหรือไม่
ผู้ให้สััมภาษณ์ไม่มีลูกอยู่ช้น ป. 5
-ความรู้แยกไม่ออกระหว่างเกี่ยวกับมาลาเรีย กับไข้เลือดออก คำตอบคทอ ถ้ไม่สบายต้องเจาะลือด นอนกางมุ้ง คว่ำน้ำขัง กะโหลกกะลา
2.โรคมาลาเรียที่นักเรียนมาพูดคุยคุยด้วยมีความแตกต่างจากที่เคยรู้มาก่อน ไหม
-ตอบไม่ได้เพราะมีมีลูกเรียนป. 5
3..รู้วิธีการป้องกันไม่ให้เป็นโรคมาลาเรียก่อนหน้าที่นักเรียนจะมาคุยหรือยัง
-คิดว่ารู้แต่ตอบไม่ถูก
-ภารโรงได้ยิน จากครู จากเด็กแต่ไม่เป็นขั้นตอน ความรู้มาลาเรียนไม่ครบ
-ได้ยินเพื่อนเล่าวว่าท่ีศูนย์อพยพมีคนเป็นมาลาเรียนุโพเยอะ
-บางคน/หลายคนอ่านจากแผ่นพับ ไปรู้โรงพยาบาล เรียนเอาเอง คิดเอง
4.โรงเรียนควรสอนวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคมาลาเรียกับนักเรียน เพราะ
จะได้มีความรู้ ป้องกันตนเอง และไปบอกชาวบ้าน ชาวบ้านไม่ตระหนักถึงพิษภัยของโลก ตราบใดท่ีีไม่เป็น
5.เรื่องการป้องกันโรคมาลาเรียที่ควรสอนในในโรงเรียน
ควรนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ เรื่องอะไร
-ถามแล้วได้คำตอบเหมือน ข้อ 4 เพราะตอนนั้นผู้ถามไม่ได้เชื่องโยงกระบวนการสอนมาลาเรียนแบบทักษธชีวิต ให้เข้าใจ
ไม่มีความเห็น