ผู้ให้ย่อมเป็นสุข


...เมื่อเราให้ นั่นหมายถึงว่า... เรามีกำลังพอที่จะ “ให้และช่วยเหลือ” คนอื่น โดยไม่เดือดร้อนขาดแคลน...

ตอนเด็กๆ พี่ๆ เล่าให้ฟังว่า

         เตี่ยกับแม่เลี้ยงและดูแลคนเป็นโรคเรื้อนคู่หนึ่ง ทั้งที่ครอบครัวเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรและเขาก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเป็นเพียงญาติของญาติ ซึ่งนับว่าห่างไกลทางสายเลือดมาก เตี่ยปลูกบ้านให้เขาพักในสวนผัก ซึ่งเป็นที่เอกเทศและอากาศดี

        พี่ๆ เล่าว่าต้องยกอาหารไปให้ 3 มื้อและไม่มีใครอยากทำหน้าที่นี้ เพราะคนเป็นโรคเรื้อนจะมีรอยโรคและแผลเป็นดูน่ากลัว พอวางปิ่นโตแล้วก็จะรีบวิ่งกลับบ้านทันที บางทีไปช้าก็จะถูกดุอีกด้วย เขาน่ากลัวและค่อนข้างหงุดหงิด

         ฉันเกิดทีหลังไม่ต้องทำหน้าที่แบบพี่ๆได้แต่ฟังเรื่องเล่าและนึกสงสัย เคยถามแม่ แม่บอกว่า ..."ถ้าเราไม่ดูแลเขาแล้วใครจะดูแลล่ะ เขาออกไปทำมาหากินเองไม่ได้ เราก็หุงข้าวทำกับข้าวอยู่แล้ว แบ่งให้เขาบ้าง เราให้ของที่เรามี ไม่เดือดร้อนอะไร..."

         ก็จริงอย่างแม่ว่า บ้านเราเป็นสวนผักและมีที่มากมาย แม้ไม่ร่ำรวยแต่มีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์เพราะปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงปลาเอง

แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี...ว่าทำไมเราต้อง “ให้” ความช่วยเหลือกับคนอื่น


วันแรกในชีวิตที่ได้รับเงินเดือนเดือนแรก

         ฉันแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งให้แม่อย่างเขินๆ รู้สึกอิ่มใจแปลกๆ เพราะเคยแต่แบมือรับเงินจากแม่ เป็นครั้งแรกที่ได้เป็น “ผู้ให้”โดยเฉพาะกับ “แม่” มันเป็นความรู้สึกที่ “พิเศษ” มากๆ วันนั้นฉันจูงมือแม่ไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน ตอนจ่ายเงินฉันยื่นเงินไปจ่ายค่าข้าวของที่ช่วยกันเลือกนั้น จำได้แม่นว่าเป็นเงิน 412 บาทแม่บอกว่าไม่ต้องๆ แต่ฉันบอกว่า หนูมีเงินเดือนแล้วนะ หนูอยากจ่ายให้แม่บ้าง คิดไปก็ยิ้มไป นั่นเป็นครั้งแรก(อีกครั้ง) ที่ฉันได้จ่ายเงินซื้อของให้แม่หลังจากที่แม่จ่ายทุกอย่างให้ฉันมาตลอด

          แม่อมยิ้มละไม หันไปบอกคนเก็บเงินว่า... วันนี้มีลูกเป็นเจ้ามือ รู้อย่างนี้ น่าจะซื้ออีกเยอะๆ นะ  คนเก็บเงินยิ้มตอบ

         แต่คนที่ยิ้มแก้มปริคือ...ฉัน

...วันนั้นฉันเข้าใจทันทีว่าเพราะอะไรเตี่ยกับแม่จึงต้องช่วยเหลือดูแลคนเป็นโรคเรื้อนคู่นั้น...




       เสียงของแม่ยังอยู่ในความทรงจำ...“หากให้ได้ ก็จงให้ ไม่ต้องลังเลใจ แต่ไม่ควรอยากได้อะไรจากคนอื่นนอกจากการได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตน”

       ฉันเข้าใจแล้ว...เพราะเมื่อเราให้ นั่นหมายถึงว่า... เรามีกำลังพอที่จะ “ให้และช่วยเหลือ” คนอื่น โดยไม่เดือดร้อนขาดแคลน (ใช่สิ เราต้องให้ตามกำลัง ให้ในสิ่งที่มี โดยไม่เบียดเบียนตัวเองและครอบครัวด้วย)

แน่ล่ะว่า...การได้รับเป็นความสุข

การได้รับไม่ว่าจะเป็น...การยอมรับ ความรัก เกียรติยศชื่อเสียง...ฯลฯ

"ผู้รับ" ย่อมพึงพอใจ  จึงมีคำกล่าวว่า "ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก"

แต่ฉันพบว่า...

การมีโอกาสเป็น "ผู้ให้" สุขและอิ่มเอมใจกว่าหลายเท่านัก

และฉันอยากใช้ประโยคว่า  "ผู้ให้ย่อมเป็นสุข" 

✿◕‿◕✿•°°✿


หมายเลขบันทึก: 538564เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2013 22:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2013 23:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ขอบคุณที่ให้ความอิ่มใจผ่านภาพและตัวอักษรค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูนก noktalay

ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจค่ะ  :)

ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นนะครับ

สวัสดีค่ะ ...บันทึกและภาพผู้ให้ย่อมเป็นสุข...งดงาม...ซึ้งใจมากๆนะคะ...ขอบคุณค่ะ

จิตที่ให้ย่อมเป็นสุข  เป็นบันทึกที่กินใจมากครับ

จิตที่คิดจะให้ สบายใจกว่าจิตที่คิดจะรับ

สวัสดีค่ะอ. ดร. พจนา แย้มนัยนา

ปลื้มใจกับกำลังใจที่อาจารย์ให้ ขอบคุณค่ะ  :)

ขอบพระคุณ อ. สมาน เขียว_

ตอนเขียนและอ่านทวน ตัวเองก็ยิ้มๆๆๆๆ เป็นบันทึกที่เขียนอย่างมีความสุขค่ะ  

สวัสดีค่ะอ.ประหยัด ช่วยงาน

เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ และขอบคุณที่มาอ่านและให้กำลังใจค่ะ

อ่านแล้วมีความสุข รักทั้งคุณแม่คุณลูกเลยค่ะ

อ้าว...ลืมคุณเตี่ย...เอาเป็นว่ารักครอบครัวนี้จังค่ะ ที่สอนให้เรารักคนอื่น และเห็นคุณค่าของการให้แบบพอเพียง 

..ชอบใจ..จังเลย..ผู้ให้..ผู้รับ..(ต่างก็เป็นสุข)....."โดย เฉพาะ..การให้..ที่ไม่ได้..หวัง.สิ่ง..ตอบแทน"..ระหว่างผู้ให้และ.ผู้รับ..(ตรงนี้แอบคิด..เอง..เจ้าค่ะ..สวัสดี..จ้ะ..ยายธี)

เหมือนเคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน 

แต่ช่างเถอะ บอกแต่เพียงว่าอ่านแล้วรับรู้ ซาบซึ้งในใจ ของการเป็นผูให้...

ขอบคุณพี่โอ๋ โอ๋-อโณ ค่ะ

แม่จะสอนด้วยทำให้ดูเสมอค่ะพี่โอ๋ แม่จะไม่นั่งพร่ำสอน แต่ทำ และเมื่อถามแม่จึงจะอธิบาย... 
มาคิดดู วิธีการของแม่นี่สุดยอดจังค่ะ  :)

สวัสดีค่ะ ยายธี

ชอบใจด้วยค่ะ... "การให้..ที่ไม่ได้..หวัง.สิ่ง..ตอบแทน"..ระหว่างผู้ให้และ.ผู้รับ"

ขอบคุณมากค่ะ  :)

สวัสดีค่ะคุณ พ.แจ่มจำรัส

เรื่องนี้เพิ่งโพสต์ที่นี่และที่ Facebook พร้อมกันค่ะ

เนื้อหาเกี่ยวกับคนเป็นโรคเรื้อนและคำสอนของแม่นี่ก็เขียนไว้หลายครั้งแล้ว

ขอบคุณค่ะ  :)

แต่ฉันพบว่า...

การมีโอกาสเป็น "ผู้ให้" สุขและอิ่มเอมใจกว่าหลายเท่านัก

และฉันอยากใช้ประโยคว่า  "ผู้ให้ย่อมเป็นสุข" 



ขอบคุณนะครับ เป็นความจริงที่สวยงาม..

ความสุข คือการให้

ให้โดยที่เราไม่เดือดร้อน

ให้เพราะอยากให้...หัวใจพองโต

เห็นด้วยค่ะ การให้สุขใจมากกว่าการรับ

สวัสดีค่ะคุณ ลูกหมูเต้นระบำ

ความจริง... สวยงามเสมอค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจค่ะ  :)

สวัสดีค่ะคุณ tuknarak

ยามที่เรายังเด็ก ... การได้รับคือความสุข

เมื่อถึงวัยหนึ่ง... การให้คือความสุข... ว่าไหมคะ

ขอบคุณค่ะ  :)

การเป็นผู้ให้ อิ่มใจ เหมือนได้อาหารทางจิตวิญญาณ สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณหยั่งรากฝากใบ ฝากไว้เสมอค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท