เป็นที่น่าตกใจที่สุดสำหรับคนไทย เมื่อผลการประเมินขององกรค์ร่วมมือและพัฒนาทางการเศรษฐกิจภายใต้โครงการ PISA ( Programme for international student assessment )พบว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ ๕ เล่ม ซึ่งสถิตินี้ประเมินทุกปีในวันที่ ๒ เมษายน
ซึ่งสถิตินี้คนไทยอายุตั้งแต่ ๖ ขวบขึ้นไป อ่านหนังสือเรียนนอกเวลาเรียน เฉลี่ยวันละ ๓๙ นาที โดยกลุ่มเยาวชนถือเป็นกลุ่มที่อ่านหนังสือมากที่สุด เฉลี่ยวันละ ๔๖ นาที
แต่ขณะที่ข้อมูลติดตามสภาวการณ์ของเด็กและเยาวชนรายจังหวัด ( Child Watch ) ในรอบ พุทธศักราช ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ ชี้ว่าเด็กไทยส่วมมากใช้เวลาไปกับสื่อทุกรูปแบบ
หากเทียบกับประเทศอื่น เช่น
มาเลเซีย = ๔๐ เล่ม ต่อปี
สิงคโปร = ๕๐ - ๖๐ เล่ม ต่อปี
เวียดนาม = ๖๐ เล่ม ต่อปี
สำหรับประเทศพม่านั้นประชากรเขามั่นใจว่าพวกเขาทุกคนรักการอ่านหนังสือ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ๖๐%
ซึ่งพม่าปัจจุบันนี้มีห้องสมุดสาธารณะมากถึง ๕๐,๐๐๐ แห่ง ซึ่งเขาถือว่าพึ่งจะเริ่มต้น
ซึ่งห้องสมุดสาธารณะของประเทศไทยมีไม่กี่แห่ง
ส่วนประเทศลาวนั้น มีสภาวะเดียวกับประเทศไทย
ดังนั้นประเทศเพื่อนบ้านของเราจะมีก็แต่ ลาว เท่านั้นที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ
ถือว่าเป็นสถิติที่ต่ำมาก ดังนั้นสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ( สอร ) ร่วมกับภาคีเครือข่าย คือ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส ) ได้จัดโครงการ " รีด ไทยแลนด์ : อ่านเถิด....เด็กไทย
อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
และเพื่อต้อนรับประชาคมอาเซียนซึ่งจะเปิดต้อนรับอาเซียนในปี พุทธศักราช ๒๕๕๘
รู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
...นอกจากเด็กไทยอ่านหนังสือเรียนในห้องแล้วก็ต้องมาอ่านหนังสือเรียนนอกห้องเรียนอีก...ก็ต้องมาดูว่าหนังสือมีเนื้อหาที่ส่งเสริมการอ่านของเด็กๆหรือไม่นะคะ...และน่าจะมีการวิจัยในเรื่องความต้องการอ่านหนังสือประเภทต่างๆของเด็กๆให้มากๆ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำหนังสือให้เหมาะกับวัย ความรู้ ความต้องการ และความสนใจอ่านของเด็กนะคะ...
ขอบคุณครับสำหรับข้อเสนอแนะ