เมื่อทำใจได้ก็สบายใจ การให้ของรักของหวงไม่ใช่เรื่องยาก



อยากเขียนเล่าสักนิดถึงเรื่องที่ถือว่ายิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง แต่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนอื่นก็ได้ นั่นคือการที่เอาหนังสือมาให้เป็นรางวัลการเขียนในงานของคณะเทคนิคการแพทย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายจะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ และการใช้พื้นที่ Share เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ตอนที่รับงานนี้เพราะเห็นว่าเป็นคณะใหม่ที่ถือได้ว่าเป็นลูกหลานชาววิชาชีพเดียวกับเรา รู้สึกผูกพันเป็นส่วนตัวด้วย พยายามคิดรูปแบบของการอบรมที่อยากจะให้คนที่เข้าร่วมได้รับรู้สิ่งที่เราอยากบอกด้วยตัวเอง เพราะเท่าที่เคยไปเป็นวิทยากรมาหลายๆครั้ง เบื่อการที่เราเป็นคนพูดให้คนฟัง เพราะแม้เราจะมีตัวอย่างดีแค่ไหน หาเรื่องจูงใจยังไงก็ทำได้แค่คนฟังรู้สึกประทับใจ อยากทำ แต่แล้วก็จบไป เพราะเมื่อทุกคนกลับสู่ชีวิตประจำวัน เรื่องนอกเหนือจากกิจวัตรก็เป็นเรื่องเกิดขึ้นยาก จึงใช้วิธีให้ได้อ่านสิ่งที่เป็นสาระของเรื่องที่เราอยากพูด แต่เขียนให้เข้ากับสภาพการจริงๆ แล้วก็ให้โอกาสเขียนสิ่งที่คิดหลังจากการอ่าน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เลียนแบบการที่เราอ่านบันทึกใน Share แล้วก็เขียนสิ่งที่เราคิด เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีอะไรเขียน เพราะอย่างน้อยๆก็เป็นเรื่องที่มาอบรมวันนี้ในใจอยู่แล้ว สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ ทุกคนเขียนได้เนื้อหาที่สะท้อนความคิดตัวเองได้ชัดเจน แต่ละคนก็มีสไตล์ของตัวเอง ประทับใจจริงๆค่ะว่าใช้เวลาช่วงสั้นๆ ไม่ถึง 20 นาทีจะเขียนกันได้แบบนี้ เรียกว่าแม้มีเวลาไม่มาก ถ้าเข้า Share ก็เขียนกันได้แน่นอน

ในห้องทำงานมีหนังสือชุดสุดท้ายที่ซื้อมาของอ.ประพนธ์ (หลังๆนี้ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือที่ไม่ใช่วิชาการ) ซึ่งอ่านจบแล้ว บอกคุณศิริไว้ว่าให้มายืมไปอ่านได้ เพราะเห็นแล้วว่าเป็นคนถนอมหนังสือ แต่มางานนี้ ตัดใจแล้วว่า ชุดนี้จะเอามาให้เป็นรางวัลชาวคณะเทคนิคการแพทย์ 

ต้องขอบอกว่าการให้หนังสือนี้ ตัวเองชอบทำนะคะ แต่จะใช้วิธีซื้อให้ใหม่ ของที่ชอบก็จะซื้ออ่านและเก็บไว้ แต่มาถึงวันนี้ได้คิดแล้วว่า เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตเรา ไม่น่าจะยาวพอที่จะได้กลับมาอ่านซ้ำ และเห็นตัวอย่างคนใกล้ตัวมาหลายรายจนต้องคิดใหม่ว่า อะไรที่เราคิดว่าดี เราควรแจกจ่ายบอกต่อ แบ่งปันให้มากที่สุด การเก็บไว้กับตัว ไม่สร้างประโยชน์อะไรให้เราเลย คุณอาซึ่งท่านเป็นนักสะสมหนังสือตัวยงก็เสียชีวิตด้วยมะเร็งก่อนวัยเกษียณ หนังสือที่ท่านสะสมไว้อ่านหลังเกษียณก็มีอันได้บริจาคให้ห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ท่านสอน ไม่ว่าเราจะสะสมอะไร ถึงเวลาหนึ่งเราก็จะเอาอะไรไปไม่ได้เลย แต่ถ้าเรายกให้ใครที่เหมาะสมไปตั้งแต่ตอนนี้ เราจะมีโอกาสได้รับรู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรยังไง น่าชื่นใจกว่า

นี่เองค่ะ เป็นเหตุให้ตัดใจเอาหนังสือที่สะสมไว้มาแจก ขอบอกว่าทุกเล่มจะเอี่ยมมากค่ะ เหมือนยังไม่ได้อ่าน แต่ห่อปกเรียบร้อย ส่วนมากจะเป็นการห่อเองด้วย เพราะที่ห่อตามร้านจะไม่ถูกใจเรา ส่งใจไปกับหนังสือทุกเล่มที่จะมอบให้ทุกคน หวังว่าคนรับจะเอาไปอ่านและมีความสุขเหมือนที่เรามีตอนที่เราอ่านหนังสือเหล่านี้

ยังไม่ถึงวันมอบหนังสือนะคะ มองเห็นแล้วก็ใจหาย แอบเปิดๆดูอย่างอาลัยเหมือนกัน แต่ก็ภูมิใจเล็กๆกับตัวเองว่า สามารถทำใจ ตัดใจให้ของสำคัญของตัวเองได้ และถึงตอนที่เขียนบันทึกนี้ก็มองหนังสือทั้ง 15 เล่มได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ ทำใจได้ก็สบายใจจริงๆ 

หมายเลขบันทึก: 538029เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2013 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2013 23:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะ ...ดร.อโณทัย...ขอแสดงความชื่นชมและยินดีด้วยนะคะ...

ได้บุญกุศลแรงมากๆ ค่ะอาจารย์

  • เสียดายอยู่ลึกๆใช่ไหมครับพี่โอ๋ (ผมแอบยิ้มในใจหน่อย :-)) ชนะความเสียดายให้ได้นะครับ
  • เพราะบันทึกนี้ ทำให้ผมต้องคลายหนังสือออกจากบ้านเสียที หอบหิ้วมาหลายปี จากชุมพรไปนครศรีฯ จากนครศรีฯ ไปนนทบุรี จากนนทบุรี ไปชุมพร จากชุมพร มาปทุมธานี สัมภาระอื่นๆ ส่วนหนึ่งไปสงขลา ตั้งใจว่า หากออกจากปทุมธานีรอบนี้ ขอไปตัวเปล่าเอาแล้วกัน ถ้าอยากอ่านหนังสือทำอย่างไร คำตอบคือ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยฯไม่ไกลจากบ้าน และมีหนังสือมากกว่าที่บ้านมีล้นหลาม
  • มีอยู่หลายเล่มที่เพื่อนยืมแล้วไม่คืน แสนเสียดายครับเพราะต้องใช้ แต่เพราะ บันทึกนี้ ขอตัดใจทุกอย่างเสียที "ดีแล้วที่เขาเอาไป เราจะได้เบาตัวขึ้น อีกอย่างอยู่กับเขาน่าจะมีประโยชน์มากกว่า อย่างน้อยการฉีกไปห่อกล้วยทอดขาย ยังดีกว่าเก็บไว้โดยไม่หยิบมาอ่านเลย เพราะเพื่อนผมบางคนชอบอ่านเอกสารจากห่อกล้วยทอด"
  • ขอบคุณครับผม

ขอบคุณ อ.พจนา มากๆสำหรับกำลังใจค่ะ 
สาธุค่ะ น้องtuknarak
โอย คุณ nmintra ทำให้พี่โอ๋ใจหวิวๆ ถ้าใครจะเอาไปเป็นเล่มๆอ่านนี่ไม่ว่ากันเลย แต่ถ้าคิดภาพเอาหนังสือไปฉีกห่อกล้วยทอดนี่ พี่โอ๋ใจสลายแน่ๆเลยค่ะ ขอให้เอากระดาษอื่นๆที่ไม่ใช่จากหนังสือกันเถิดนะคะ ดีใจค่ะที่ช่วยให้คนตัดใจได้ เพราะพี่โอ๋ทำใจอยู่สักพักเหมือนกัน แต่พอถึงตอนที่ตัดใจแล้วก็สบายใจจนเขียนบันทึกนี้ได้นี่แหละค่ะ ตัวเบาๆดีเหมือนกัน

ขอบคุณสำหรับดอกไม้จากทุกท่านนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่อง sensitive มากสำหรับคนรักหนังสือด้วยกันจะเข้าใจกันดีแน่ๆนะคะ เป็นเรื่องเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ค่ะ

ของจากพี่โอ๋ นั้นเหมือนใหม่เสมอ เช่น กล่องชุดคุกกี้ชิ้นนั้น ใหม่มากๆ 

เมื่อได้รับรู้สึกปลื้มมากๆ ขอบคุณค่ะ พี่โอ๋;)

เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตเรา ไม่น่าจะยาวพอที่จะได้กลับมาอ่านซ้ำ และเห็นตัวอย่างคนใกล้ตัวมาหลายรายจนต้องคิดใหม่ว่า อะไรที่เราคิดว่าดี เราควรแจกจ่ายบอกต่อ แบ่งปันให้มากที่สุด การเก็บไว้กับตัว ไม่สร้างประโยชน์อะไรให้เราเลย

ขอชื่นชมความมีใจงาม ของคุณโอ๋ อโณ อย่างจริงใจ ครับ

บุญกุศลเหลือเกิน ครับ กับการมอบปัญญา....ให้ผู้รับได้อ่าน และเกิดปัญญาตาม

..

ขอบคุณมากนะครับ

อ่านบันทึกแล้วอิ่มใจแทนผู้ที่จะได้รับหนังสือครับ  ผมก็หวงหนังสือมากครับ แต่จะรู้สึกดีมากถ้าให้ใครไปแล้วเขาได้อ่านอย่างตั้งใจจริง แม้จะทำให้หนังสือแสนรักบอบช้ำไปบ้างก็ยอมครับ  ตอนนี้ก็เริ่มปล่อยและวางไปบ้างแล้วเหมือนกันครับ

เชื่อแล้วว่าพี่โอ๋รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ แต่การมอบหนังสือให้ด้วยใจถือเป็นทานทางปัญญาที่มีค่ายิ่ง ขอบคุณมากครับผม

การให้หนังสือเป็นการให้ที่มีค่ามากที่สุดในความรู้สึกนะคะ

ยังทำไม่ได้ถ้าจะไม่เก็บหนังสือ ^__^"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท