Help me please! my difficult case


Help me please! my difficult case


(40-yr. muslim man, single,no working,1/8, obesity 172 kg.)
CC:6 mo. infected wound at Rt leg
6 เดือนก่อน ไข้ มีเม็ดแดงๆที่ขาขวา ทานยาParacet อาการไม่ดีขึ้น จึงไปรับยาที่อนามัย ได้ยาฆ่าเชื้อ หลังทานยา 1 เม็ด มีแผลพุพองบริเวณเท้าขวา แผลลามจนถึงเข่าขวา มี d/c ไหลซึม ปวดขาขวามาก หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ญาติพามารพ.ด้วยอาการปวดเท้าขวา มีแผลพุพองบริเวณปลายเท้าขวาถึงน่องขวา แผลมี
กลิ่นเหม็น มีผื่นแดงตามตัว มีไข้ต่ำๆ BT=37.5 C DTX stat 198 mg/dl. แพทย์รับไว้รักษาในโรงพยาบาล ได้รับยา Cloxacillin inj. 1 gm. IV,Tramadol HCL inj. 100 mg.,CPM inj. 1 amp IV, Atarax 2*3 PO PC,Triamcinolone lotion apply ผู้ป่วย admit เวลา 16.10 และ d/c เวลา 19.55 ด้วย againt advice รวมเวลานอนในโรงพยาบาล 3 ชั่วโมง 45 นาที หลัง d/c ปฏิเสธการรักษาทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่มีให้ ไม่รับฟัง (อยู่ ที่รพ. ขูดๆ แผลล้างแผลเจ็บมาก+ฉีดยาโน่นยานี่หลายตัว อายที่ถูกคนอื่นมอง) เจ้าหน้าที่ตำบลเอือมระอา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ผู้ป่วยค้นพบวิธีการรักษาด้วยตัวเอง เมื่อมีอาการปวดแผลจะใช้ยาParacetผสมกับน้ำทาบริเวณแผลและทาคราม (น้ำครามมาเลย์สีฟ้าๆ) ปิดแผลด้วยผ้าถุงเก่าๆ มีdischare ไหลเยิ้มผ่านผ้าถุงที่ปิดแผล (มีแผลพุพองบริเวณปลายเท้าขวาถึงน่องขวา แผลมีกลิ่นเหม็นมาก) ทีมเยี่ยมบ้านลงมาประเมินอาการ พูดคุยแนวทางการรักษา ผู้ป่วยปฏิเสธ ไม่รับฟัง
ผู้ป่วยยังคงแสวงหาการแพทย์ทางเลือกอ ยกเว้นแพทย์แผนปัจจุบัน
ญาติแนะนำให้ต้มใบหว้า ใบพิกุล ลูกหมากดิบและขมิ้น ต้มรวมกัน เติมน้ำทุกวันครบ 7 วัน เปลี่ยน เอาน้ำมาล้างแผล ล้างแผลโดยเอามือลูบน้ำแล้วมาลูบที่แผล (น้าเป็นDM มีแผลที่เท้าแพทย์จะrefer เพื่อamputate น้าขอกลับมารักษาที่บ้านด้วยวิธีต้มน้ำเหล่านี้ล้างแผล จนแผลหายปกติ) ทำบ้างไม่ทำบ้าง (ญาติบอกว่าดื้อ ไม่ยอมฟังใคร)
3 เดือนก่อนรักษาหมอบ้านโดยทานน้ำมนต์ และทาด้วยข้าวสารบด (ก้ออยู่แบบนี้ แผลไม่หาย)
1 เดือนก่อนรักษากับหมอบ้านที่เทพา รักษาโดยต้มน้ำผสมสมุนไพรบดนำมาดื่มและให้ยาชุด (ผู้ป่วยไม่ได้ทานยาชุด กลัวว่าถ้าทานยาจะรู้สึกร้อนเหมือนทุกครั้งที่กินยา โรคตัวเองคงไม่ถูกกับยาเม็ดหรือยาฉีด) ผู้ป่วยมีอาการใจสั่น หมอบ้านคนนี้บอกว่าผู้ป่วยมีโรคหัวใจร่วมด้วย รักษาโดยวิธี หมอโทรศัพท์จากเทพาและให้ผู้ป่วยวางโทรศัพท์ที่หน้าอกซ้ายเปิดลำโพง หมอจะใช้วิธีอ่านมนต์ผ่านทางโทรศัพท์ อาการใจสั่นหายเป็นปกติ แต่แผลก้อยังไม่หาย วิธีที่ผู้ป่วยใช้ตลอดคือใช้ยาParacet 30 เม็ดผสมกับน้ำทาบริเวณแผลทาเช้าเย็น เพื่อลดอาการปวดแผล ทำให้หลับได้บ้าง (แม้จะหาหมอกี่ที่ แต่ผู้ป่วยไม่ทิ้งวิธีนี้ ปฏิบัติตลอด)
ปัจจุบันนั่งติดเตียงไม้ไผ่ เคลื่อนไหวลำบาก เดินไม่ไหว มีแผลเหมือนเดิม เหม็นมาก เหม็นตั้งแต่เปิดประตูบ้าน แผลมีรอยยาParacet ผสมน้ำทาบริเวณแผล น้ำหนักลดลงจากเดิมเล็กน้อย ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ทำอะไรเลย

  • อาจารย์ หมอ Saipin Hathirat  ตั้ง สติค่ะ วางธุระของเราลงก่อน เขาอยู่มาได้นาน ยังไม่ตาย ตอนนี้ทุกข์ของเขาคืออะไรกันแน่ เข้าใจเขาหรือยัง เลิกมองขาเขา ลืมกลิ่นเหม็นไปก่อน เข้าใจให้ได้ว่าตอนนี้ใจเขาเป็นอย่างไร ทุกข์อะไรกันแน่ illness เป็นยังไง

  • อาจารย์หมอ Saipin Hathirat  ถ้าเราชวนแต่จะทำแผล ตัดขา เขาจะไม่ร่วมมือ เพราะยังไม่ใช่ธุระในใจเขา
    อาจารย์หมอ  Arthit Fammed  คนนี้เป็นคนไข้ที่ปฏิเสธการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน ก่อนอื่นต้องเข้าใจเขาก่อนครับว่าการที่เขาปฏิเสธการรับบริการจากเรา เกิดจากอะไร เกิดอะไรในชีวิตเขา หรือคนรอบข้าง ที่ทำให้เขาไม่เข้ารับบริการจากเรา รวมถึงไม่ไว้ใจเรา ที่เห็นแน่ๆ คือ "อยู่ที่รพ. ขูดๆ แผลล้างแผลเจ็บมาก+ฉีดยาโน่นยานี่หลายตัว อายที่ถูกคนอื่นมอง" นอกจากนี้ประสบการณ์จากคนรอบข้าง "น้าเป็นDM มีแผลที่เท้าแพทย์จะrefer เพื่อamputate น้าขอกลับมารักษาที่บ้านด้วยวิธีต้มน้ำเหล่านี้ล้างแผล จนแผลหายปกติ" ยิ่งทำให้เขาไม่ไว้ใจการรักษาแผนปัจจุบันมากขึ้นอีก เขาอาจคิดว่า ถ้าเขาเชื่อเรา อาจจะต้องถูกตัดขาโดยไม่จำเป็นเหมือนกรณีของคุณน้าเป็นแน่ นอกจากนี้เขายังมีความเชื่ออีกว่า "โรคตัวเองคงไม่ถูกกับยาเม็ดหรือยาฉีด" ใช้วิธีแพทย์ทางเลือก (แม้โทรศัพท์อ่านมนต์ให้ฟังยังหาย) ยิ่งทำให้เขาเชื่อมากขึ้นกว่าเดิมอีก และทุกครั้งที่เขามีปัญหา เขาจะให้วิธี "ใช้ยาParacet 30 เม็ดผสมกับน้ำทาบริเวณแผลทาเช้าเย็น เพื่อลดอาการปวดแผล" ซึ่งก็ได้ผลอยู่ "ทำให้หลับได้บ้าง"

    อาจารย์หมอ Arthit Fammed ดังนั้นการที่เราจะเข้าไปหาเขา บอกเขาให้ทำอย่างโน้น อย่างนี้ ทั้งๆที่เขาไม่ไว้ใจการรักษาของเรา จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก
    อย่าง ที่ว่า สิ่งแรกที่ควรทำในคนไข้รายนี้คือ เข้าใจชีวิตเขาก่อนครับว่านอกจากเรื่องที่เล่าให้ฟังแล้ว ยังมีเหตุการณ์อะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจเรา ถ้าเขาไม่ยอมคุยกับเรา อาจจะต้องคุยกับ resource อื่น เช่น คนรอบข้างก่อนครับ

Case ที่consultอาจารย์เรื่องของขาเน่าเหม็น อ้วน ตอนนี้คนไข้เสียชีวิตแล้วค่ะ หลังจากที่พวกเราไปเยี่ยมบ้าน น้องสาวที่นครศรีธรรมราชพาไปดูแลต่อ Case นี้ได้บทเรียนกับพวกเราอย่างมาก น้องสาวบอกว่าพาไปหาหมองูที่ท่าศาลา หมอไปหาสมุนไพรหลังบ้านมาฝน แล้วทาที่แผล ทาน้ำมันแล้วโปะด้วยสำลี พิษงูจะขับออกมาทางสำลี หลังจากนั้นคนไข้ไม่ปวด (หมองูเป็นไทยพุทธ แต่จะสวดคาถางูเป็นบทสวดของอิสลาม จะไม่มีค่าครู นอกจากถ้าหายให้นำข้าว+กับข้าวที่เรากินปกติไปถวาย 1 ปิ่นโต อาจารย์ของหมองูสั่งห้ามไม่ให้รับเงิน หรือสิ่งของ นอกจาก1ปิ่นโตนี้เท่านั้น) แล้วน้องสาวก้อทำแผลเองที่บ้าน แช่ขาที่เน่าที่โปะยาPara ด้วยด่างทับทิม แล้วทำแผลค่อยๆทำ จนแผลดีขึ้น คนไข้บอกกับน้องสาวว่าทำแผลที่บ้าน ดีกว่า ถ้าปวดก้อหยุดได้ ค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้ ต่างกับที่รพ. ทำจนกว่าหมอจะพอใจ ทำจนสะอาดในครั้งเดียว (แสดงว่าเรายังไม่ได้คิดถึงคนไข้เท่าไร คิดถึงแต่ตัวเรา.การเยียวยาด้วยจิตวิญญาณลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้) เรื่องแผลดีขึ้นแต่คนไข้มีปัญหาเรื่องไตซึ่งอยู่ในระยะสุดท้าย (หมอรพ.มหาราชนครฯบอกญาติ) คืนนั้นคนไข้หายใจเหนื่อยน้องสาวพา ไปรพ. มหาราช คนไข้อยู่ได้ 3 วัน กับญาติที่ช่วย Ambu แล้วจากไปอย่างสงบ เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้ detect คนไข้ เรื่อง lab (เพราะคนไข้ไม่ยอมให้เราตรวจ) ขอบคุณCase ที่ให้เราได้เรียนรู้ ขอให้อัลลอฮฺคุ้มครองเขาในโลกหน้าด้วยเถอด

คำสำคัญ (Tags): #Help me please! my difficult case
หมายเลขบันทึก: 537900เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2013 20:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2013 20:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท